4 - นี่คือคำสั่ง
นี่คือคำสั่ง
ตกเย็น
“นั่นเธอจะไปไหนยัยแป้ง” ปกรณ์กิตติ์ถามขึ้น เมื่อเห็นว่าศิรดากำลังเดินเลี่ยงออกไปทางอื่นที่ไม่ใช่รถของเขาที่จอดอยู่ เมื่อเสร็จธุระกันแล้วเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“ฉันจะกลับบ้าน” เธอหันมาตอบเขา และกำลังจะหหันหหลังกลับคืน เพื่อเดินมุ่งหน้าออกไปจากตรงนี้ทันที
“กลับบ้าน?” ปกรณ์กิตติ์เลิกคิ้วมองเธอแล้วถามย้ำคำพูดของเธอกลับไป
“ก็คุณจะไปหาเพื่อนของคุณต่อไม่ใช่เหรอไงคุณกิตติ์” เธอถามเขาออกไป เพราะก่อนมาเขาก็พูดบอกกับสุทัศน์ชัดเจนแล้วว่าจะมาสังสรรค์กับเพื่อนต่อ
“ฉันว่าฉันพูดบอกพ่อไปแล้วนะแป้ง ว่าเราจะอยู่กันต่อ เพราะฉะนั้นเธอก็ต้องไปกับฉันด้วย นี่คือคำสั่ง” เขาออกคำสั่งกับเธอทันที
“สั่งในฐานะอะไรไม่ทราบ” เธอหันมาถามเขาอย่างอยากรู้ ว่าที่เขากล้าออกคำสั่งกับเธอแบบนี้ เขาสั่งเธอในฐานะอะไรกันแน่
“เป็นเจ้าชีวิตที่กุมความลับของเธอเอาไว้ ถ้าไม่อยากให้คนอื่นรู้เว่าเรามีอะไรกันแล้ว ก็ทำตามที่ฉันสั่ง” เขาเอาเรื่องนี้ขึ้นมาขู่เธอทันที เมื่อได้โอกาสเพราะว่าเธอไม่ยอมทำตามที่เขาบอก
ศิรดาขนลุกซู่หน้าซีดลงทันที ที่ได้ยินในสิ่งที่เขาพูดขู่ออกมา และไม่รู้ว่าควรจะทำเช่นไรดี จึงได้แต่ยอมจำนนทำตามที่เขาต้องการ เพราะไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว
“เปิดประตูสิ!” เธอสั่งเขาขึ้นมาบ้าง เมื่อเขาจะให้เธอไปดด้วยกัน แต่ประตูรถก็ยังคงถูกล็อกเอาไว้อยู่ ทั้งที่ในมือของเขาก็ถือรีโมทเอาไว้
“นี่สั่งฉันเหรอว่ะ” ปกรณ์กิตติ์หน้าเหวอขึ้นมาทันที เมื่อเธอกล้าออกคำสั่งใส่เขา แบบไม่เกรงกลัวคำขู่ของเขาเมื่อสักครู่เลยสักนิด
“ก็เออนะสิ ใครถือรีโมทรถอยู่ล่ะ” เธอตอกกลับแบบไม่เกรงกลัว เพราะที่เธอพูดมานั้นก็ถูกทุกอย่าง
ปกรณ์กิตติ์จึงยอมกดปุ่มปลดล็อคประตูรถให้ และศิรดาก็เปิดประตูขึ้นไปนั่งในตำแหน่งข้างคนขับของเธอโดยไม่พูดและสนใจอะไรเขาอีก
“เธอเป็นใครใหญ่มากจากไหนกันว่ะยัยแป้ง ถึงกล้ามาออกคำสั่งกับฉัน” ปกรณ์กิตติ์บ่นให้แก่คนในรถอย่างหัวเสีย ก่อนที่จะเดินอ้อมไปทางฝั่งคนขับ
*
*
“มาแล้วเหรอ กูนึกว่ามึงจะไม่มาเสียแล้ว” เสียงของคนที่นั่งรออยู่แล้วเอ่ยถามขึ้นทันที ที่ปกรณ์กิตติ์ผลักประตูเข้ามา พร้อมกับหญิงสาวที่เดินมาตามหลังของเพื่อน
อคิราห์ หรือ ฟืน เป็นแฝดผู้พี่ บิดามารดาเป็นนักธุรกิจดังในจังหวัด แต่เจ้าตัวกลับเลือกคบเพื่อนอย่างปกรณ์กิตติ์ที่เป็นลูกชาวสวน พวกเขารู้จักกันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมจนจบมหาวิทยาลัย แต่แฝดทั้งสองต้องไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศ และพึ่งจะได้กลับมา ทำให้ต้องมานัดเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี หลังจากที่ไม่ได้เจอกันมานาน
ปกรณ์กิตติ์มองหน้าเพื่อนทั้งสองแต่ไม่ได้พูดอะไร แล้วเดินเข้าไปนั่งลงที่ว่างทันที ก่อนที่จะขยับให้ศิรดาได้นั่งลงข้าง ๆ กันกับเขา เมื่อเจอสายตาของสองแฝดที่มองศิรดานั้น เขารู้สึกได้ทันทีว่าเพื่อนของเขาทั้งสองคนนนี้ไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย เพราะผู้ชายด้วยกันมักจะมองกันออกอยู่แล้ว
“ทำไมพวกมึงถึงนัดกูมาที่นี่ว่ะ” ปกรณ์กิตติ์ถามทั้งสองขึ้นทันที ที่นั่งลง
“ที่นี่แหละเป็นส่วนตัวหน่อยแถมยังอิสระดีอีก จะนัดไปที่บ้านก็เกรงใจคนอื่น แล้วนี้มึงพาใครมาด้วยว่ะไอ้กิตติ์” อคิราห์บอกออกไปตามตรง เพราะเกรงใจคนที่บ้าน หากว่าจะพากันไปสังสรรค์ที่นั่น แล้วถามเขากลับมาทันทีเมื่อเห็นเขาพาหญิงสาวมาด้วย แถมยังนั่งตัวติดเขาตัวไม่ห่างอีก
“มึงมองไม่ออกเหรอวะไอ้ฟืนว่าใคร” ปกรณ์กิตติ์เลิกคิ้วถามกลับ นี้เพื่อนทั้งสองของเขามองไม่ออกเลยเหรอไงว่าเธอเป็นใคร เพราะในสายตาของเขาศิรดาไม่มีอะไรเปลี่ยนไปจากเดิมเลย
“น้องแป้งหรือว่ะ” เสียงทุ้มของอีกคนที่นั่งเงียบมาสักพักแล้วถามขึ้น เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ปกรณ์กิตติ์ไม่เคยพาผู้หญิงคนไหนไปไหนมาด้วยเป็นการส่วนตัวแบบนี้
อัคนี หรือ ไฟ แฝดผู้น้องที่คลานตามพี่ชายออกมาติด ๆ ซึ่งหน้าตารูปลักษณ์ภายนอกทั้งสองจะเหมือนกันมาก หากว่าคนนอกที่ไม่สนิทจริง จะไม่สามารถแยกพวกเขาทั้งสองออกว่าใครเป็นพี่เป็นน้อง
“จะมีใครอีกละที่ชอบตามติดกูแบบนี้” ปกรณ์กิตติ์พูดขึ้นด้วยท่าทีที่ไม่ค่อยสบอารมณ์ยิ่งนัก เมื่อเพื่อนทั้งสองแต่ถามคนข้าง ๆ แถมยังใช้สายตามองอย่างแทะโลมเธออีก
“ไม่ได้เจอกันนาน โตแล้วสวยมากเลย” อคิราห์เอ่ยชมเธอขึ้นมาจากใจจริง โดยไม่สนใจสายตาของปกรณ์กิตติ์ที่มองตนเลย
“มึงเอาตาไหนมอง ว่ายัยนี่สวยว่ะไอ้ฟืน” ปกรณ์กิตติ์แทรกขึ้นมาทันที ที่เพื่อนชมหญิงสาวข้างกายเขาว่าสวย
“มึงก็พูดเกินไปไอ้กิตติ์” อัคนีตำหนิปกรณ์กิตติ์ขึ้นมาบ้าง เมื่อเพื่อนคอยเอาแต่ว่าหญิงสาว โดยที่เธอไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย
“สวัสดีครับน้องแป้ง พี่ชื่อฟืนนะ ส่วนนั้นน้องชายฝาแฝดของพี่เอง มันชื่อไอ้ไฟ น้องแป้งจำพวกพี่ได้หรือเปล่าครับ” อคิราห์จึงเอ่ยทักทาย และแนะนำตัวกับหญิงสาวออย่างเป็นทางการ แถมยังยื่นมือไปหาหมายจะเช็คแฮนด์ตามธรรมเนียมของต่างชาติ
“...” ศิรดานั่งนิ่งไม่ได้พูดอะไร และไม่กล้ายื่นมือออกไป เมื่อเจอสายตาวาวโรจน์ของปกรณ์กิตติ์มองมาทางเธอแถมยังขู่เธอเอาไว้อีกด้วย
“ตามสบายน่ะ อยากดื่มอะไรน้องแป้งสั่งได้ตามใจเลยพี่เลี้ยงไม่อั้น” อคิราห์จึงชักมือกลับคืน แล้วเอ่ยบอกกับเธออย่างแก้เก้อ
“ห้ามดื่ม เธอยังป่วยอยู่น่ะ” ปกรณ์กิตติ์หันมาเอ่ยเสียงเบากับคนข้าง ๆ เขารู้ดีว่าเธอยังไม่ค่อยหายดี และอีกอย่างเขาไม่ค่อยไว้ใจสองแฝดนี้ด้วย เพราะว่าไม่ได้เจอกันมานานมากแล้ว กลัวเพื่อนทั้งสองของเขาจะคิดไม่ดี
“แป้งขอเป็นอะไรก็ได้จ้ะ ที่เบา ๆ” เธอตอบอคิราห์ออกไปตามมารยาท
“เมื่อก่อนน้องแป้งดูจะออกแนวหวาน ๆ น่ะ แต่ตอนนี้กลับดูห้าว ๆ” อัคนีแฝดผู้น้อง แซวขึ้นมาบ้าง เมื่อนั่งสังเกตหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องมานาน เธอกลับเปลี่ยนไปจากเดิมมาก
“...” ศิรดาไม่ตอบอะไร ได้แต่ชำเลืองมองคนข้าง ๆ ว่าเขามีปฏิกิริยาเช่นไร
“มึงไปทำอะไรน้องมันว่ะไอ้กิตติ์” อคิราห์ที่นึกใจเหมือนที่น้องชายพูดนั้น ก็หันไปถามทางปกรณ์กิตติ์ขึ้นมาบ้าง
“กูจะทำอะไรล่ะ เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว จะได้ไม่มีใครกล้ามารังแกได้” ปกรณ์กิตติ์เลิกลั่กประหม่าทันที ที่เพื่อนพูดออกมาแบบนี้ราวกับว่ากำลังจับผิดเขาอยู่
“กูว่า จะมีก็แต่ผู้ชายมากกว่าตอนนี้ที่จะมารังแกน้องแป้ง” อัคนียังคงแซวออกมาอีก และสายตาก็ยังจับจ้องไปที่หหญิงสาวเพียงคนเดียวในห้องไม่วางตา
