2 - ทำไมต้องแคร์คนอื่น
ทำไมต้องแคร์คนอื่น
“เสร็จจแล้วก็มากินข้าวสิ” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยขึ้นทันที เมื่อเห็นว่าเธอเปิดประตูออกมาจากห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
“คุณเอารถอะไรมา ฉันจะกลับเข้าบ้าน ไปกินข้าวไปนอนที่นั่นดีกว่า” ศิรดาไม่ได้สนใจในสิ่งที่เขาพูด เธอกลับถามหากุญแจรถทันที
ปกรณ์กิตติ์ที่ได้ยินประโยคไม่เข้าหู ก็ลุกพลวดขึ้นหุนหันเดินมาหาเธอทันทีอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะไม่พอใจในสิ่งที่เธอทำตัวเมินใส่เขาเอาเสียเลย แล้วคว้าหมับเข้าที่ข้อมือของเธอ
“แต่นี่มันดึกแล้วน่ะแป้ง ไปกินข้าวก่อน แล้วก็นอนที่นี่ต่ออีกสักคืน พรุ่งนี้ค่อยกลับบ้านมันไม่หายไปไหนหรอก” น้ำเสียงกดต่ำเอ่ยพูดกับเธอ
“คือ...”
“จะมากินข้าวดี ๆ หรือจะให้ฉันทำอย่างอื่นแทน” เขาพูดพร้อมกับใช้สายตาข่มขู่แถมยังมองแทะโลมที่ร่างกายของเธออีกด้วย
ศิรดาจึงต้องจำใจเดินไปนั่งที่โต๊ะอาหารที่เขานั้นได้จัดเตรียมอาหารไว้รอเธอแล้ว และเธอก็ยอมนั่งทานแบบเงียบ ๆ โดยไม่กล้าพูดอะไรสักคำ และรีบจัดการเก็บโต๊ะเก็บของให้เรียบร้อยเมื่อรับประทานเสร็จเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก่อนจับรับยาจากมือของเขาที่ส่งมาให้เธอ
“กินยาด้วย” น้ำเสียงเรียบนิ่งเอ่ยกับเธอ
“มียาแค่นี้...” เธอขมวดคิ้วก่อนที่จะตัดสินใจถามเขาออกไปอย่างสงสัย เพราะมียาแค่หนึ่งเม็ดเท่านั้น ซึ่งเธอพอจะทราบดีว่าเป็นยาชนิดใด
“อืม...หรือเธอต้องการยาอะไรอีกล่ะ?” เขาถามเธอกลับไปบ้าง แต่ก็พอจะเดาออกอยู่หรอก ว่าเธอนั้นต้องการยาอะไร
“ยาคุม!”
“จะไปกินทำไม ก็รู้อยู่ว่ามันอันตราย” เขาพูดออกไปด้วยอารมณ์ที่ฉุนเฉียวทันที เพราะไม่พอใจนักที่เธอต้องการทำแบบนี้
“แต่คุณ...”
“แค่ครั้งแรกเอง เธอคงไม่ท้องหรอก” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้นยืนเต็มความสูง พร้อมกับจ้องมองใบหน้าเธออย่างขุ่นเคือง ก่อนที่จะเดินไปยังเตียงนอนด้วยความหงุดหงิดขุ่นเคืองราวกับว่าไม่พอใจที่ถูกขัดใจ
ศิรดารีบสาวเท้าก้าวไปตามหลัง เมื่อรู้ว่ากำลังเดินหนีเธอ เพราะยังคคุยกันไม่รู้เรื่องเขาจะเดินหนีเธอไม่ได้ เธอแบมือไปตรงหน้าเขาเพื่อขอสิ่งที่ต้องการในทันที
“นี่คุณประมาทเกินไปหรือเปล่าคุณกิตติ์ ขอกุญแจรถด้วยฉันจะไป...”
ปกรณ์กิตติ์ขบกรามแน่นด้วยความหงุดหงิด มองหน้าเธอด้วยความขุ่นเคืองก่อนที่จะเอ่ยด้วยน้ำเสียงเหมือนรู้สึกน้อยใจ
“นี้เธอไม่อยากท้องกับฉันขนาดนั้นเชียวเลยเหรอไง ยัยแป้ง” เขาตัดพ้ออย่างไม่ค่อยพอใจ ที่เธอพูดออกมาแบบนี้
“ก็เออนะสิ” ศิรดาตอกกลับออกมาแบบไม่ไว้หน้า เพราะเธอไม่ต้องการให้เป็นแบบนั้นจริง ก็ในเมื่อเธอและเขามีสถานะกันแบบไหนคนนอกและเธอเองย่อมรู้ดีอยู่แก่ใจ
“เธอลืมไปหรือเปล่า ว่ามันผ่านมาตั้งกี่ชั่วโมงแล้วแป้ง ถึงเธอจะได้กินยาคุมตอนนี้มันก็ไม่ทันแล้ว”
“ทันไม่ทันก็ต้องลองเสี่ยงดู ดีกว่าปล่อยเอาไว้แบบนี้...” เธอยังคงดื้อดันที่จะทำแบบที่พูด โดยไม่สนว่าเขาจะพูดเช่นไร
“ก็บอกว่าไม่ให้กินไง ทำไงถึงพูดไม่เข้าใจวะ แล้วนี้เธอจะออกไปไหนมันดึกแล้วนะ” เขาสวนกลับอย่างไม่พอใจ ก่อนที่จะลุกไปคว้าตัวเธอเอาไว้ เมื่อเธอกำลังจะเปิดประตูออกไป
“กลับบ้าน ว้าย...” เธอตอบเพียงแค่นั้น ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อร่างรอยหวือขึ้นไปบนบ่าแกร่งของเขาแล้ว
ปกรณ์กิตติ์สาวเท้ายาวไปยังเตียงนอนอีกครั้ง แล้วทุ่มศิรดาลงบนที่นอนทันที ก่อนที่จะขึ้นไปคร่อมเธอเอาไว้ ไม่ให้เธอหนีไปไหนได้อีก
“มีลูกกับฉันมันน่าอายขนาดนั้นเลยเหรอไงแป้ง” เขาพูดออกมาต่อหน้าเธอ
“ก็เราเป็นพี่น้องกัน จะมีลูกด้วยกันได้ยังไง” เธอตอบเขาด้วยน้ำเสียงที่แผ่วเบา ๆ เมื่อเห็นแววตาวาวโรจน์ของเขาที่มองเธอ
“ก็ฉันบอกอยู่ไง ว่าเธอไม่ใช่น้องสาวฉันยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“แต่คนอื่นเขามองว่าเราเป็นพี่น้องกัน อื้อ...”
ยังไม่ทันที่ศิรดาจะได้พูดจบประโยค เสียงพูดเมื่อสักครู่ก็ถูกกลืนลงลำคอไปทันที เมื่อปกรณ์กิตติ์ก้มลงมาใช้ปากหยักกประกบปิดปากของเธอเอาไว้ เพื่อไม่ให้เธอได้พูดอะไรออกมาอีก
“คะ คุณกิตติ์...” เสียงหอบกระเส่าเรียกชื่อคนตรงหน้า เมื่อเขาผละออก
ปกรณ์กิตติ์จ้องมองลึกเข้าไปนัยน์ตากลมโตของเธออยู่นานอย่างพิจารณาโดยที่ไม่ยอมพูดอะไร จนกระทั่งศิรดาพยายามผลักเขาออกให้ลุกขึ้นไปจากตัวของเธอ
เขาเลยต้องล็อคมือทั้งสองข้างของเธอเอาไว้ยกขึ้นเหนือศีรษะ และจ้องมองใบหน้าของเธออีกครั้ง ก่อนจะพ่นลมหายใจยาวออกมา
“จะแคร์ทำไมกับขี้ปากของคนอื่นนักหนา เขาไม่ได้มาหาให้เราแดกเสียหน่อย จ๊วบ...” ทันทีที่เขาพูดกับคนใต้ร่างจบ ปากหยักก็ฉกชิงประกบปากของเธออีกครั้งทันที
ครั้งนี้เขากับส่งลิ้นร้ายเข้าไปกวาดต้อนความหวานจากโพลงปากนุ่มนี้ของเธอ นานเท่านานกว่าเขาจะยอมผละออก หากว่าไม่กลัวคนใต้ร่างขาดอากาศหายใจเสียก่อน
“ยังจะดื้ออยากจะกลับอยู่อีกไหม” เสียงแหบพร่าถามคนตรงหน้าออกไป พร้อมกับมือที่ยกขึ้นมาเช็ดคราบน้ำลายที่เลอะขอบปากของเธอที่บวมเจ๋อด้วยฝีมือของเขาให้กับเธอด้วยเบา ๆ อย่างอ่อนโยน
“นอนที่นี่ก็ได้ แต่ว่า...” เธอส่ายหน้าให้เขาเบา ๆ เพราะไม่กล้าขัดใจ แต่เธอก็ยังมีความกังวลอยู่ดีกลัวว่าเขาจะทำอะไรเธอมากกว่านี้
“แต่อะไร?”
“แค่นอนอย่างเดียวน่ะ...”
“ทำไม?” เขาเลิกคิ้วถามเธอด้วยใบหน้ากวน ๆ เพราะพอจะเข้าใจว่าเธอมีความกังวลอะไร
“ยังจะถามอีก” เธอหันหน้าหนี พร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงงึมงำราวกับว่าเป็นเด็ก
“ก็พูดมาสิ ถ้าไม่อยากให้ทำอย่างอื่น...” เขาพูดด้วยใบหน้าที่ล้อเลียนเธอ และมือก็ยังแกะกระดุมเสื้อของเธอออกด้วย
“เจ็บ...”
หมับ
เธอตอบออกไปด้วยใบหน้าที่แดงก่ำเพราะเขินอาย และก็ต้องเบิกตากว้าง เมื่อรับรู้ว่าหน้าอกโล่งไร้สิ่งปกปิด และร้องเสียงหลงออกมาอีกครั้ง เมื่อเขาใช้ปากครอบครองมาที่ยอดปทุมถันของเธอเข้าเสียแล้ว
“อ๊ะ ไหนบอกว่าไม่ทำไง”
“ก็ไม่ได้ทำข้างล่างเสียหหน่อย” เอ่ยตอบเธอ แต่ก็ยังคงป้วนเปี้ยนอยู่กับที่ยอดอกอีกข้างของเธอ โดยไม่สนว่าเธอจะค้านอย่างไร
“แต่บนตัวฉัน มันก็มีแต่รอยฟันของคุณเต็มไปหมดแล้ว”
