ตอนที่ 7 ฮุ้ยหลาน
“เอาหน้าท่านออกไปเสีย” ฝูหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน และใช้แรงทั้งหมดผลักองค์ไท่จื่อ พระองค์กลับทรงนิ่งไม่ไหวติง แล้วนางจึงเอ่ยด้วยเสียงที่ดังขึ้น
“ท่านไม่ไป ข้าไปเองก็ได้”
ฝูหลินลุกขึ้น แต่เท้ากลับไปโดนหินทำให้นางล้มทับพระวรกาย ริมฝีปากนางจูบลงบนริมพระโอษฐ์ของพระองค์โดยไม่ตั้งตัว ไท่จื่อจึงทรงโอบกอดนางไว้ทันที ทำให้ฝูหลินมองพระพักตร์ที่งดงามเหนือบุรุษที่นางเคยพบพานอย่างเผลอไผล พอหญิงสาวได้สติจึงเอ่ยขึ้น
“ปล่อยข้า” หญิงสาวเอ่ยบอกเช่นนี้ ผลักพระองค์และลุกขึ้นยืน
“เจ้าเป็นคนล้มทับข้าเองนะ ข้าไม่ได้ทำสิ่งใดกับเจ้าเลย จริงไหมฮุ่ยหลาน” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ และหันพระพักตร์ไปทอดพระเนตรมองแมวน้อยที่นั่งข้างๆ พระองค์ มันกลับพยักหน้าราวกับรู้เรื่องในสิ่งที่พระองค์ตรัส
“เจ้าก็อีกตัวที่กัดข้า...” ฝูหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน พาลไปยังแมวน้อยที่ชื่อฮุ่ยหลาน ไท่จื่อค่อยๆ ลุกขึ้นประทับยืน ฮุ่ยหลานจึงกระโดดขึ้นบนพระอังสาของพระองค์อีกครั้ง
“ก็เจ้าทำให้มันตกใจเสียเอง ฮุ่ยหลานแมวของข้าเป็นเด็กดี...” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้ และทอดพระพักตร์มองไปทางฮุ่ยหลาน มันพยักหน้าแล้วร้อยเมี๊ยว ๆ เบาๆ
“จริงหรือ เจ้าไปฉี่มาเหรอ แล้วเจ้ายังไม่ได้ล้างก้นด้วย เจ้านี่นะ” ไท่จื่อตรัสด้วยพระสุรเสียงดังพอสมควร ฝูหลินนำมือมาดมทันที
“เจ้าแมวบ้า เจ้ากัดข้าไม่พอ ยังทิ้งกลิ่นเหม็นๆ อีกหรือ ข้าจะตีเจ้าให้ตายเลย” ฝูหลินเอ่ยด้วยน้ำเสียงดุดัน และง้างมือขึ้นข่มขู่ แต่ฮุ่ยหลานกลับมุดลงไปในเสื้อผาวของพระองค์ทันที
“เจ้ารีบกลับเรือนเจ้าไปเถอะ ก่อนที่เวรยามในบ้านของเจ้าจะเห็น แล้วไปบอกหยางฟุของเจ้า” ไท่จื่อตรัสถามด้วยพระสุรเสียงผ่อนคลาย
“เจ้ารู้จักหยางฟุข้าด้วยหรือ” ฝูหลินจึงเอ่ยถาม
“ใช่...ข้ารู้จักเขา เจ้าหลับไปนอนได้เถิด ถ้าเจ้าไม่อยากนอน...” ไท่จื่อตรัสด้วยพระสุรเสียงแผ่วเบา และยังทรงตรัสอีกว่า
“ไปกับข้าดีไหม” ไท่จื่อตรัสถามเช่นนี้ ฝูหลินทอดสายตาดุดันไปที่พระองค์
“คนบ้า” ฝูหลินเอ่ยบอกเช่นนี้ แล้วหันหลังก้าวเดินกลับไปทันที
“ข้าชักอยากรู้จักนางขึ้นมาเสียแล้ว ไม่ต้องถึงมือเจ้า เดี๋ยวข้าจัดการเอง...” ไท่จื่อตรัสแผ่วเบา กับฮุ่ยหลาน
‘นางช่างน่าค้นหาจริงๆ ’
ฉางถิงซือฝุ ก้าวเดินมายังลานประลองมากับเทียนเป่าและลูกศิษย์อีกสามคน ชายชราและวัยกลางคนก้าวเดินมาหาฉางถิง
“สวัสดีท่านฉางถิง ท่านสบายดีหรือ” ชายชราใสชุดสีดำสนิทเอ่ยทักทาย
“ขอบคุณที่เป็นห่วง ท่านเฉินชาน แห่งสำนักเทียนหยวน นั่นเฉิงหมิงเย่ว์ลูกชายของท่านใช่หรือไม่” ฉางถิงเอ่ยถาม และเอ่ยถามยังชายหนุ่มที่ยืนอยู่ด้านหลัง
“ใช่แล้ว ท่านฉางถิง” ฉิงชานเอ่ยบอกและหันมองไปยังบุตรชาย ที่กำลังให้ความเคารพฉางถิง
“ไม่ได้เจอกันห้าหกปี เจ้าโตเป็นหนุ่มเสียแล้วนะ หมิงเยว่” ฉางถิงเอ่ยบอกเช่นนี้เฉินหมิงเย่ว่ยิ้มให้ฉางถิง ฉางถิงมองไปยังชายชราอีกคนในชุดสีน้ำตาที่กำลังก้าวเดินเข้ามา
“ยินดีที่ได้เจอ ท่านฟงลี่ แห่งสำนักเขาหลี่ซาน เราเข้าไปข้างในกันเถอะ” ฉางถิงเอ่ยบอกเช่นนี้
"ไม่ได้เจอกันเสียนาน ข้านำเหล้าดอกกุ้ยฮัวมาให้ท่านด้วยหนา" ฟงลี่ซือฝุเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“ดี...ดี” ฉางเถิงเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม และทั้งสามทั้งสามเดินเข้าไปยังตั่ง ที่เหล่าลูกศิษย์ของฉางถิงจัดไว้ให้
“สวัสดีท่านฉางถิง” ชายวัยกลางคนเอ่ยทักทายฉางถิงกำลังเดินไปนั่ง ทำให้หันกลับมาและทักทายเช่นเดียวกัน
“สวัสดี ท่านหลี่จื่อ แห่งเขาหลงอวี้ เชิญเข้าด้านใน ตอนนี้เหลือเพียงท่านปรมาจารย์หวนลี่เทียนที่ยังไม่มา” ฉางถิงกล่าวถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ที่แห่งนี้
“ท่านหวนลี่ยงเห็นทีจะไม่มา ท่านไปบำเพ็ญเพียรที่เขาไป๋ซาน ว่าจะให้ศิษย์ศิษย์เอกของท่านมาแทน” หลี่จื่อซือฝุเอ่ยบอกเช่นนี้
“เจิ้นเหวินไท่จื่อนั้นหรือ” ฟงลี่ซือฝุเอ่ยถาม
“ใช่” หลี่จื่อเอ่ยบอก
“วรยุทธ์ของไท่จื่อไม่เป็นสองรองจากผู้ใด” ฉางถิงเอ่ยบอกเช่นนี้
ฉางถิงนั่งลงตรงกลาง ด้านซ้ายและด้านขวาเป็นของซือฝุทั้งสามสำนัก เจิ้นเหวินไท่จื่อเสด็จเข้ามาหาซือฝุ คารวะต่อเหล่าซือฝุอย่างไม่ถือองค์
“สวัสดีซือฝุทุกท่าน ขอโทษที่ข้ามาสาย ทำให้พวกท่านเสียเวลา” ไท่จื่อตรัสเช่นนี้
“ไม่เป็นไร งานเลี้ยงยังไม่เริ่ม ท่านจะมาสายได้อย่างไร เจิ้นเหวินไท่จือ” ฉางถิงเอ่ยบอกและยิ้มให้ไท่จื่อ ที่คารวะเขาด้วยความนอบน้อม
“ซือฝุฝากความคิดถึงท่าน ท่านบอกข้าว่า ท่านออกจากการญาณเมื่อใด ท่านจะมาพบพวกท่าน”
“ข้าเองต้องไปหาปรมาจารย์หวนลี่ยง ด้วยตัวของข้าเอง” ฉางถิงเอ่ยบอกเช่นนี้
“ซือฝุ ทุกอย่างพร้อมเรียบร้อยแล้วขอรับ” ลูกศิษย์ของฉางถิง เดินมากระซิบข้างหูเบาๆ
ไท่จื่อเสด็จไปประทับนั่งที่ศิษย์ของสำนักจัดไว้ให้โดยทันที
“ยวนหยาง” ฝูหลินเอ่ยเรียกสาวใช้ให้เข้ามาในห้อง
“คะ คุณหนู” ยวนหยางเอ่ยบอกเช่นนี้ และก้าวเดินเข้ามาหาฝูหลินที่นั่งยิ้มอยู่บนเตียง
“เอาชุดของเจ้าให้ข้าหนึ่งชุด” ฝูหลินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้ม
“เอามาทำไมหรือเจ้าคะ” ยวนหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“เอามาเถอะ เดี๋ยวเจ้าก็รู้เอง” ฝูหลินเอ่ยบอก
“คงไม่ได้ออกไปซนที่สำนักนะเจ้าคะ” ยวนหยางเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ยวนหยาง” ฝูหลินเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงดุเล็กน้อย
“ค่ะ คุณหนู” ยวนหยางเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาด้วยความจำนน ก้าวเดินออกไปจากห้อง ทิ้งให้หญิงสาวนั่งอยู่ตามลำพัง และนางก็รำพึงขึ้นมาเบาๆ
“วันนี้เราได้เจอกันแล้วนะ เราไม่ได้เจอกันตั้งสามปีแล้ว”
ฝูหลินสวมใส่ชุดสาวใช้ ก้าวเดินไปตามสวนภายในสำนักเซียนลู่ นางเห็นชายหนุ่มชุดสีขาวยืนหันหลังอยู่ ทำให้นางรู้โดยทันทีว่าเป็นใคร นางจึงก้าวไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม เมื่อนางเข้าไปใกล้เขาก็หันหน้ากลับมามองนาง
“...หมิงเยว่...” ฝูหลินเอ่ยบอกด้วยความดีใจ เฉินหมิงเยว่เผยรอยยิ้มให้นาง แล้วอ้าแขนให้นางวิ่งเข้ามาโอบกอด ฝูหลินไม่รอช้าที่เข้ามาสวมกอดเขา
“เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง ฝูหลิน” หมิ่งเยว่เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม นางมองใบหน้าเขา แล้วผลักออกจากอ้อมกอด
“ข้าก็สบายดี” ฝูหลินเอ่ยบอกด้วยรอยยิ้มเช่นกัน แต่ทว่าเขากลับมีสีหน้าเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด นางจึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย
