ตอนที่4
แต่เมื่อเห็นว่าเขาจ้องมาแบบไม่วางตา คิดว่าคนที่เก็บอาการเก่งอย่างเธอก็ใจหวิวไปเหมือนกัน
“ก็แค่ผู้หญิงนุ่งผ้าขนหนู จะมองอะไรนักหนา ไม่เคยเห็นหรือไง”
เธอย้อนกลบอาการร้อนๆ หนาวๆ และเพื่อให้เขาเบนสายตาไปทางอื่นบ้าง
“เคย แต่ไม่คิดว่าผู้หญิงตัวเล็กๆ จะซ่อนรูป” ไม่พูดเปล่าแต่สายตาจ้องมาไม่ลดละ
แล้วผู้หญิงคนอื่นๆ ที่ถูกเนื้อต้องตัวกัน ไม่ละลายไปเลยหรือไง แค่คิดเธอก็ปวดท้องน้อย จนไม่อยากอยู่เฉย
“แล้วจะรู้ว่าผู้หญิงตัวเล็กคนนี้ไม่ได้มีดีแค่ซ่อนรูป”
“มั่นใจขนาดนั้นเชียว แต่ก็ไม่แน่ล่ะขนาดยอมแต่งงานกับคนที่ไม่เคยรู้จัก”
“แล้วไง จะย้ำอะไรหนักหนา แต่งได้ก็เลิกได้ไม่เห็นแปลก”
คำพูดไม่มีหักไม่มีงอ ไม่สมกับรูปร่างหน้าตาที่ดูบอบบางเกินที่จะทำอะไรรุนแรงได้ ทำเอาเจ้าบ่าวๆหน้าถอดสี
พอได้ยินคำว่าเลิก เจเดนหนุ่มหล่อผู้ที่มีสาวๆ ล้อมหน้าล้อมหลังเพื่อเอาอกเอาใจ ถึงกลับต้องกลืนน้ำลายลงคอ
“ไปดีกว่าไม่อยากคุย” เขาตัดบท หยิบผ้าขนหนูและเดินเข้าห้องน้ำไป โดยมีสายตากลมใสมองตามหลังสีหน้าหนักใจ
เจเดนเดินออกมาจากห้องน้ำ ก็พบว่าเจ้าสาวป้ายแดงนอนหลับไปแล้ว
หลังจากที่เช็ดตัวและศีรษะจนแห้งดี เขาก็คลานขึ้นเตียงแล้วสอดตัวใต้ผ้าห่มและหลับตามอีกคนไป ด้วยความอ่อนเพลีย…
รถเบนซ์คันใหม่เอี่ยมจอดตรงหน้ามุก โดยเจ้าของรถหรูเป็นคนเปิดประตูออกมาก่อน แล้วเดินลงจากรถเข้าตึก
“หนูมียาล่ะ” ทันทีที่เขาโผล่หน้าเข้ามา ยังไม่ทันที่ชายหนุ่มจะยกมือไหว้ นางก็ถามลูกชายไปเสียก่อน
“กลัวลูกสะใภ้คนโปรดหายหรือไงครับ” คนถามสีหน้าเรียบเฉย เหมือนไม่ใช่คนเพิ่งเข้าหอมาหมาดๆ
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวังและยินดีกับลูกชายสลดลง “ก็ลองแกทำหายสิ” ประกายตาที่มองดูอบอุ่นทุกครั้ง เปลี่ยนเป็นจริงจัง
“คุณแม่อ่า ไม่รักผมบ้างเลยเหรอ”
“แกนะมีคนรักเยอะแล้ว ส่วนหนูมียานะไม่มีใคร”
“แม่รู้ได้ไง แม่ไปเฝ้าเธอตลอดเวลาเหรอ” คำย้อนของเขาทำเอาฝ่ามือเรียวฝาดป้าบไปบนแขน แล้วมือหนายกขึ้นลูบไปที่โดนตี ตีหน้าเศร้า
“แม่เป็นผู้ปกครองหนูมียานะ”
“แล้วทำไมยกให้แต่งงานกับผมล่ะ”
“เพราะผู้หญิงคนอื่นไม่เหมาะ เป็นสะใภ้สุริยารัตน์”
เจเดนตาเบิกกว้างพยักหน้าประหนึ่ง ครับตามนั้น ซึ่งตอนนี้เขาไม่อยากขัดใจคุณแม่ เพราะที่ผ่านมาท่านปล่อยให้เขาใช้ชีวิตตามใจตัวเองมาหลายปี พอถึงตอนนี้เขาต้องกลับมาเดินในกรอบตามคำสัญญา เขาก็ต้องทำให้ดีที่สุด!
“สวัสดีค่ะคุณแม่” สาวสวยยกมือที่ถือของพะรุงพะรังขึ้นไหว้ผู้หญิงที่เธอเคารพรักด้วยความทุลักทุเล
“จ๊ะลูก …แล้วนี่ทำไมไม่ช่วยน้องถือของบ้าง” นางรีบรับไหว้ แล้วประโยคหลังนางก็หันไปเอ็ดลูกชายที่ยืนวางมาดอยู่
“หนูมียาเอาของไปเก็บบนห้องนะคะ ยายนวลขึ้นไปส่งคุณมียาหน่อย” นางหันไปสั่งแม่บ้านคนสนิทที่ยืนเตรียมพร้อมรอรับใช้อยู่ใกล้ๆ
เมื่อแม่บ้านเดินนำลูกสะใภ้คนโปรดขึ้นชั้นสองไปแล้ว นางก็หันมาจัดการกลับลูกชายต่อ
“เป็นไง น้องเป็นไงบ้าง”
“เป็นไงละแม่” ลูกชายทำหน้าเมื่อยใส่
“ก็แม่จะได้อุ้มหลานเร็ว ๆนี้ไหมล่ะ”
คนถูกถามกลืนน้ำลายลงคอ …อย่าว่าแต่จะทำหลานให้แม่เลย แค่พูดด้วยดี ๆก็จะกัดกันคอขาด! เจเดนคิดแล้วทำหน้าบุเลี่ยน
“ทำหน้าแบบนี้ หมายความว่าแกไร้น้ำยาหรือ”
“อ้าวแม่ ไร้น้ำยาที่ไหน ก็ผมยังไม่ได้…” พูดได้แค่นั้นก็ทำหน้าเซ็ง
“ว่าแล้วเชียวว่าแกต้องไร้น้ำยา ไหนมั่นใจในความหล่อเฟอร์เฟคของตัวเองหนักหนา ว่าผู้หญิงคนไหนได้อยู่ใกล้ละเสร็จทุกราย”
“ก็แม่บอกเองว่าผู้หญิงคนนี้ ไม่เหมือนพวกสาว ๆของผมไง จะให้มาเหมือนกันได้ไง”
นางทำหน้าอ่อนใจเมื่อลูกชายตัวแสบย้อนกลับมาเช่นนั้น “งั้นแกเตรียมตัวพาน้องไปต่างจังหวัดเลย พาไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ แล้วจัดการเผด็จศึกให้ได้ ไม่งั้นฉันถือว่าแกไม่จริง” นางกำชับ เจเดนได้แต่พ่นลมหายใจทิ้งกับความต้องการของผู้เป็นแม่
“หากเธอไม่เต็มใจ ผมก็ไม่กล้าทำอะไรเธอหรอกนะแม่”
“จะเป็นพ่อพระไง บางทีน้องอาจจะชอบแกอยู่ก็ได้ แต่เพราะแกไม่เคยใส่ใจความรู้สึกน้องจึงมองไม่เห็นเอง”
“แม่ นี้จะลงที่ผมว่าไร้น้ำยาจริง ๆใช่ไหม ได้งั้นผมจะจัดให้ตามใจแม่ หากเธอมาฟ้องอะไรทีหลัง อย่ามาว่าผมแล้วกัน” เจเดนรับคำตามอารมณ์ที่ไม่อยากถูกลบเหลี่ยม ของชายหนุ่มฮอตแห่งปี จะยอมได้ไง!
ลูกชายเดินหายไปแล้วนางจึงกลับมานั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่เพียงลำพัง
เมื่อเปิดประตูเข้ามาในห้อง เจเดนก็พบว่าเจ้าสาวของเขากำลังจัดสิ่งของให้เป็นระเบียบเข้าที่
ตอนนี้ห้องส่วนตัวของเขาก็ไม่เป็นห้องส่วนตัวอีกต่อไป เมื่อข้าวของเครื่องใช้ มีเพิ่มขึ้นมาอีกหลายอย่างซึ่งเป็นของใช้ผู้หญิง จากผ้าม่านสีทึบ ตอนนี้กลายเป็นสีชมพูที่ดูแล้วไม่เข้ากับตัวเขา แต่ก็ไม่อยากขัดใจแม่บังเกิดเกล้า ที่ช่วยกันกับลูกสะใภ้เปลี่ยนโทนสีห้องนอนเขา
เจเดนไม่พูดไม่จาก็เดินไปหยิบกระเป๋าขนาดกลางจัดเสื้อผ้ากางเกงยัดใส่เข้าไปโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าจะอยู่ในสภาพไหน โดยมียายืนมองด้วยความสงสัยก่อนจะถามออกไป เมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าที่ถูกรีดไว้อย่างดี แต่ถูกเจ้าของจับยัดลงกระเป๋าแบบนั้น ก็ยับย่นหมด
“คุณทำอะไรของคุณคะ”
“ไม่เห็นหรือไงว่าคนกำลังจัดกระเป๋าอยู่”
“จัดกระเป๋า…” เธอเอ่ยทวน อย่างไม่แน่ใจ “แต่ที่ทำอยู่เขาไม่ได้เรียกว่าจัดกระเป๋าแล้วนะคะ”
“ไม่เรียกว่าจัดกระเป๋าแล้วให้เรียกว่าไง หรือที่บ้านเขาสอนให้จัดแบบอื่น งั้นมาช่วยจัดให้ผมหน่อยสิ”
