บทที่ 9 คนที่ต้องการคือใคร?
เสียงหัวเราะพูดคุยดังมาจากโถงทางเดินในคอนโดห้องชุดริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก่อนที่ไฟอัตโนมัติตามทางจะสว่างขึ้นตามเงาของคนที่กำลังจะเดินผ่าน ชายหนุ่มที่กำลังเดินโอบกอดสาวทรงสะบึ้มออกมาจากลิฟต์ ติณณภัทร์สอดมือล้วงหน้าอกหยุ่นนุ่มนั้นแต่อยู่ ๆ ก็มีเสียงเรียกจากมุมมืด ๆ เกือบสุดบันไดหนีไฟ
“เต็นท์” เจ้าของชื่อชะงักไปเมื่อได้ยินเสียงเรียกที่บางเบาคล้ายกระซิบ ชายหนุ่มหันไปมองและหรี่สายตาเพ่งดูให้ดี
มือหนาจะผลักร่างที่กำลังโอบกอดออกและเดินตรงดิ่งเข้าไปหาคนที่ปล่อยโฮออกมาเสียงดังทันทีที่เห็นหน้าเขา
“ฮึกก ฮื่อออ” ร่างบอบบางในชุดสูทดูดีเมื่อเช้าแต่ตอนนี้สภาพแทบจะดูไม่ได้ ข้างนอกฝนตกและตามตะวันคงจะตากฝนมาที่นี่
“กลับไปก่อน” ติณณภัทร์ไม่คิดจะหันกลับไปมองผู้หญิงที่พามาด้วย เขาสนใจแค่ตามตะวันเพียงเท่านั้น
ร่างเล็กตัวเปียกชื้นโอบกอดเขาไว้แน่น ตามตะวันร้องไห้สะอึกสะอื้นและโถมทั้งร่างใส่คนที่สภาพตอนนี้ก็ไม่ได้ปกติเพราะติณณภัทร์ก็ดื่มมาเหมือนกัน!
“หยุดร้องก่อน ฉันจะพาเข้าห้อง”
“ฮึกก ฮื่ออ”
หญิงสาวยอมเดินตามคนที่เธอนั่งรออยู่ตรงนี้ไม่รู้กี่ชั่วโมงแล้ว และเมื่อเข้ามาในห้องได้เธอก็โผเข้ากอดชายหนุ่มอีกครั้งราวกับว่าต้องการหาที่พึ่งพิง
คนที่โดนโอบกอดจากทางด้านหลังใช้มือข้างหนึ่งเท้ากำแพงเพื่อทรงไว้ ตามตะวันโถมทั้งร่างเข้ามาใส่และกอดรัดเขาแทบจะหายใจไม่ออก
“ไอ้ตามเป็นอะไร” หญิงสาวไม่ตอบและซบหน้าร้องไห้อยู่บนแผ่นหลังกว้างแบบนั้น มือหนาข้างหนึ่งจับมือที่กอดรัดตรงหน้าอกและลูบเบา ๆ
“อยากร้องไปนั่งร้องที่โซฟา อยากกอดฉันจะนอนให้กอดเลย แต่ถ้ารัดแน่นแบบนี้คนเมาจะอ้วก” ตามตะวันคลายกอดแต่ก็ยังคงซุกหน้าร้องไห้ไม่ยอมหยุด
คนโดนกอดหมุนตัวและหันไปประคองร่างสั่นเทาเข้ามาสวมกอดอุ้มยกและพามานั่งบนโซฟากลางห้อง ตามตะวันร้องไห้ต่อเนื่องสะอึกสะอื้นน้ำมูกน้ำตาไหลเป็นทาง เธอไม่ได้เข้ามาซุกหรือเข้ามากอดแต่ก็นั่งติดชนิดที่ว่าขาแทบเกยกัน
“พ่อ...ตัดพ่อตัดลูกกับฉันเพราะฉันไปผลักเมียเขา” นอกจากเรื่องความรักแล้ว ก็คงมีเรื่องครอบครัวที่ตามตะวันจะอ่อนไหวถึงขั้นอ่อนแอแบบนี้
“ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีพ่อ ขอแค่มีเงินก็พอ” หญิงสาวช้อนสายตาขึ้นสบมองคนพูด แต่แล้วใบหน้าก็ถูกจับหันซ้ายหันขวาอย่างแรง
“ใครทำ!”
“ข้างซ้ายพ่อ ส่วนข้างขวาติน่าเพราะฉันไปผลักแม่มัน” ติณณภัทร์ขบสันกรามแน่น ก่อนจะหยัดกายลุกขึ้นเดินไปเปิดประตูตู้เย็นและปิดเสียงดังสนั่น
“ประคบ! และไปอาบน้ำฉันจะพาไปโรงพยาบาล!” ตามตะวันส่ายหน้าและยกหลังมือขึ้นเช็ดน้ำตา
“ฉันไม่เป็นไรเต็นท์”
“แกจะไม่เป็นไรได้ไงหน้าแกแตกขนาดนั้น! แม่งเอ๊ย!” ตามตะวันสะอื้นไห้สุดแรงเมื่อเห็นติณณภัทร์โมโหจนน่ากลัว
“ฉันบอกแกแล้วว่าอย่ากลับไป! ทำไมไม่เชื่อกันบ้างวะ! ไปโรงพยาบาล...” คนที่คิดว่าจะตวาดออกมาดัง ๆ ให้สมกับความเจ็บแค้นแทน แต่พอเห็นตามตะวันยิ่งร้องไห้หนักก็ทำได้แค่ดึงมันมากอดไว้
“ฉันไม่ได้ต้องการหมอ ฮึกก” กระแสความอบอุ่นไหลเวียนไปทั่วหัวใจของคนทั้งสอง ก่อนตามตะวันจะซุกซบใบหน้าลงบนอกกว้างอีกครั้ง
“แล้วแกต้องการใคร” ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามที่ติณณภัทร์อยากได้ มีเพียงแรงจากมือบางที่กำเสื้อเชิ้ตติณณภัทร์ไว้แน่นเพียงเท่านั้น
