ตอนที่ 5 วันสำคัญ
ถึงแม้จริญรัตน์จะคอยดูแลณรินอย่างดี แต่หญิงสาวก็รู้สึกเกรงใจที่ต้องอยู่เฉยๆ เธอจึงมักจะหาเวลาช่วยงานบ้านเล็กๆ น้อยๆ อยู่เสมอ ไม่ว่าจะล้างจานหลังจากกินข้าวเสร็จ หรือช่วยซักผ้าในบางวัน
แต่ทุกครั้งที่เธอจะลงมือทำอะไร จริญรัตน์ก็มักจะรีบเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน
“ไม่ต้องหรอกจ้ะณริน” จริญรัตน์พูดพร้อมกับรอยยิ้มอ่อนโยน
“แต่ฉันอยากช่วยค่ะคุณจี๊ด ฉันอยู่เฉยๆ แล้วรู้สึกไม่สบายใจ” ณรินตอบอย่างเกรงใจ
ที่จริงแล้วจริญรัตน์อยากให้เธอเรียกพวกเขาว่าพี่จี๊ดและพี่คิม แต่ดูจากสีหน้าของคิมหันต์แล้วเธอก็ไม่กล้าเรียก จึงเรียกสรรพนามของพวกเขาอย่างให้เกียรติ เพื่อเตือนตัวเองอยู่เสมอว่า เธอเป็นคนนอกที่จะอยู่ที่นี่เพียงชั่วคราวเท่านั้น
“ไม่เป็นไรหรอก จากนี้ไปเธอต้องดูแลตัวเองดีๆ นะ อีกไม่นานเราก็จะเริ่มกระบวนการแล้ว ฉันอยากให้เธอมีร่างกายที่สมบูรณ์แข็งแรงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” จริญรัตน์ยังคงยืนกราน
ณรินหยุดชะงัก เธอพยักหน้ารับคำอย่างเข้าใจ แล้วก็ปล่อยให้จริญรัตน์เป็นคนทำงานบ้านส่วนที่เหลือแทน เธอรู้สึกซาบซึ้งในความเมตตาของจริญรัตน์เป็นอย่างมาก หญิงสาวคนนี้ดูแลเธออย่างดีราวกับเป็นน้องสาวแท้ๆ ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่นใจ และมั่นใจว่าเธอได้ตัดสินใจถูกแล้วที่ก้าวเข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้
************************
เมื่อวันสำคัญมาถึง ณรินตื่นตั้งแต่เช้าตรู่ เธออาบน้ำแต่งตัวอย่างเรียบร้อยด้วยหัวใจที่เต้นรัว ไม่ว่าเธอจะเคยเข้มแข็งแค่ไหน แต่การก้าวเข้าสู่กระบวนการที่สำคัญที่สุดในชีวิตครั้งนี้ก็ทำให้เธอรู้สึกประหม่าอยู่ดี
จริญรัตน์เดินเข้ามาในห้องด้วยรอยยิ้มสดใส
“ตื่นแล้วเหรอณริน” เธอเอ่ยทัก
“ค่ะ คุณจี๊ด” ณรินเรียกชื่ออีกฝ่ายอย่างแผ่วเบา
“ไปกินข้าวเถอะ วันนี้วันสำคัญ ฉันจะอยู่ข้างๆ ให้กำลังใจเธอด้วยตัวเอง และฉันก็อยากเห็น ‘ลูก’ ของเราตั้งแต่เริ่มต้น ฉันตื่นเต้นมากเลยล่ะ” เธอพูดพลางวางมือลงบนท้องของณรินอย่างแผ่วเบา
ณรินปล่อยให้จริญรัตน์ทำแบบนั้น เธอมองดูแววตาที่เต็มไปด้วยความหวังและความรักของจริญรัตน์แล้วก็อดที่จะรู้สึกตื้นตันใจไม่ได้ เธอพยักหน้าให้เจ้าของบ้านเล็กน้อย ก่อนที่ทั้งสองคนจะเดินลงไปหาคิมหันต์ที่รออยู่ที่โต๊ะอาหาร
ตลอดทางไปคลินิก จริญรัตน์ยังคงจับมือของณรินไว้แน่น คอยปลอบใจและให้กำลังใจเธออยู่เสมอ ณรินเหลือบมองฝ่ายภรรยาที่กำลังส่งยิ้มให้เธออย่างจริงใจ เธอรู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างประหลาด การอุ้มบุญครั้งนี้อาจจะไม่ได้น่ากลัวอย่างที่เธอคิดไว้ในตอนแรก เธอเชื่อว่าตราบใดที่ยังมีจริญรัตน์อยู่เคียงข้าง การเดินทางครั้งนี้ก็จะปลอดภัยและสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดีอย่างแน่นอน
และเมื่อกระบวนการฝังตัวอ่อนเสร็จสิ้นลงอย่างราบรื่น นายแพทย์ศิวัชก็อธิบายขั้นตอนการดูแลตัวเองหลังจากการฝังตัวอ่อนอย่างละเอียด
“หลังจากนี้ คุณณรินต้องพักผ่อนให้มากๆ งดกิจกรรมที่ต้องออกแรงหนัก และทานอาหารที่มีประโยชน์นะครับ”
ณรินพยักหน้ารับคำอย่างตั้งใจ ขณะที่จริญรัตน์และคิมหันต์นั่งฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“แล้วเมื่อไหร่เราจะรู้ผลคะคุณหมอ” จริญรัตน์ถามด้วยความกระวนกระวายใจ
“ประมาณหนึ่งเดือนครับ” คุณหมอยิ้ม “หลังจากนั้นเราจะนัดให้คุณณรินเข้ามาตรวจอีกครั้ง เพื่อยืนยันว่าตัวอ่อนฝังตัวสมบูรณ์ดีหรือไม่”
แม้จะต้องรออีกหนึ่งเดือนเต็มๆ แต่สองสามีภรรยาก็รู้สึกมีความหวังอย่างเต็มเปี่ยม พวกเขาขอบคุณศิวัชและพากันเดินออกมาจากคลินิกด้วยรอยยิ้ม
“ต่อไปนี้เธอห้ามทำงานบ้านเด็ดขาดเลยนะณริน” จริญรัตน์หันไปกำชับหญิงสาวขณะเดินไปที่รถ
“พักผ่อนอย่างเดียวเลยนะ ฉันอยากให้ลูกของเราแข็งแรงที่สุด”
“ใช่ พักผ่อนอย่างเดียวก็พองานหนัก คุณจี๊ดเธอชอบทำงานบ้านอยู่แล้ว เธอไม่ต้องทำอะไรหรอก” เป็นครั้งแรกที่เขาพูดกับเธอยาวขนาดนี้ด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนขึ้นกว่าทุกครั้ง
“ค่ะ คุณจี๊ด คุณคิม” ณรินพยักหน้ารับคำ เธอรู้สึกถึงความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้มีลูกของคนทั้งสอง เธอรู้สึกว่าตัวเองได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้แล้ว และความหวังของเธอก็คือการทำให้ความฝันของพวกเขาเป็นจริงให้ได้
************************
ชีวิตของณรินในบ้านของคิมหันต์และจริญรัตน์ดำเนินไปอย่างสะดวกสบายเกินกว่าที่เธอคาดคิดไว้มาก จริญรัตน์เองก็มักจะเอาใจใส่เธอเป็นพิเศษ คอยหาผลไม้หรือเครื่องดื่มบำรุงสุขภาพมาให้ถึงห้อง
“กินเยอะๆ นะณริน บำรุงไว้ก่อน” จริญรัตน์มักจะพูดเสมอ
ณรินได้แต่นั่งมองหญิงสาวตรงหน้าด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานกันไปหมด ทั้งซาบซึ้งและเกรงใจ จริญรัตน์ดูแลเธอราวกับไข่ในหิน ซึ่งทำให้เธอรู้สึกผิดเล็กน้อยที่ต้องมาสร้างความลำบากให้
“คุณจี๊ดคะ คุณไม่จำเป็นต้องดูแลฉันขนาดนี้ก็ได้ค่ะ” ณรินเอ่ยขึ้นในวันหนึ่ง “ฉันเกรงใจคุณจริงๆ ค่ะ”
จริญรัตน์ยิ้มแล้วส่ายหน้า “ไม่ต้องเกรงใจหรอกณริน” เธอลูบแขนณรินเบาๆ
“สิ่งที่เราทำก็เพื่อลูกของเรานะ เราอยากให้ลูกแข็งแรงที่สุด”
ณรินเงียบไป เธอสัมผัสได้ถึงความรักที่จริญรัตน์มีต่อลูกในท้องของเธอ แม้จะยังไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ก็ตาม หญิงสาวพยักหน้าเล็กน้อยแล้วก้มหน้าลงดื่มน้ำผลไม้ที่อีกฝ่ายนำมาให้ เธอรู้สึกว่าตัวเองโชคดีแค่ไหนที่ได้มาพบเจอกับผู้หญิงที่จิตใจดีเช่นนี้ และเธอก็ตั้งใจที่จะดูแลตัวเองให้ดีที่สุดเพื่อตอบแทนความปรารถนาอันบริสุทธิ์ของจริญรัตน์
ทว่าเมื่อเวลาล่วงเลยผ่านไป ในขณะที่จริญรัตน์ก็ยังคงดูแลเธอเป็นอย่างดี แต่สิ่งที่ณรินเริ่มสังเกตเห็นมากขึ้นเรื่อยๆ คือท่าทีของคิมหันต์
แม้คิมหันต์จะปฏิบัติต่อเธออย่างสุภาพและให้เกียรติขึ้นกว่าช่วงแรกที่พบกัน แต่เขาก็ดูไม่ตื่นเต้นหรือกระตือรือร้นกับเรื่องการตั้งครรภ์เท่าภรรยาเลยแม้แต่น้อย ทุกครั้งที่จริญรัตน์พูดถึงลูกในท้องของเธอ แววตาของคิมหันต์มักจะมองไปที่ภรรยาด้วยความรักใคร่มากกว่าที่จะจ้องมองมาที่ท้องของณริน
ณรินเคยเห็นคิมหันต์นั่งเฝ้าดูจริญรัตน์ที่กำลังเปิดดูอัลบั้มรูปลูกในอินเทอร์เน็ตด้วยกัน และเธอก็สังเกตได้ว่าเขามักจะใช้มือลูบผมจริญรัตน์อย่างอ่อนโยนเสมอ ไม่ได้สนใจภาพลูกในจอเลย
ในสายตาของคิมหันต์ดูเหมือนว่าการอุ้มบุญครั้งนี้จะเป็นเพียงหนทางที่จะทำให้ภรรยาของเขาสมหวังเท่านั้น ไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของเขาเอง
ณรินได้แต่ถอนหายใจเบาๆ เธอไม่รู้ว่าสองสามีภรรยานั้นต้องการลูกมากแค่ไหนแต่ที่แน่ๆ จริญรัตน์ต้องการลูกมาก ในขณะที่เธอคาดเดาว่าฝ่ายคิมหันต์ทำเพื่อเอาใจภรรยาเท่านั้น
************************
