
บทย่อ
ลูกอุ้มบุญที่เกิดมาหน้าคล้ายภรรยาของเขาที่จากไป เขาทำใจไม่ได้จนไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าลูกสาว เธอที่เป็นแม่อุ้มบุญจึงต้องเลี้ยงลูกให้เขา รอเวลาให้เขาปล่อยวางจากอดีต ก่อนที่จะหมดเวลาของตัวแทนอย่างเธอ
ตอนที่ 1 ความหวังที่เลือนราง
เสียงเครื่องปรับอากาศในห้องให้คำปรึกษาในคลินิกรักษาภาวะมีบุตรยากดังหึ่งเบาๆ ราวกับจะกลบเสียงสะอื้นไห้ของใครบางคน จริญรัตน์กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าเนื้อขณะที่น้ำตาไหลอาบแก้มเธอไม่อาจยอมรับความจริงที่เพิ่งได้ยินจากคุณหมอได้
“คุณหมอจะบอกว่า ฉันไม่มีทางมีลูกเองได้แล้วเหรอคะ” เสียงของหญิงสาวสั่นเครือ หลังจากที่เธอแท้งครรภ์ครั้งที่สาม หมอที่รักษาก็บอกว่าเธอไม่สามารถตั้งครรภ์ได้เองแล้ว
“คุณจริญรัตน์ครับ เราเข้าใจความรู้สึกของคุณนะครับ แต่ด้วยภาวะผนังมดลูกของคุณที่ค่อนข้างบางและไม่แข็งแรง การตั้งครรภ์ต่อไปอาจจะมีความเสี่ยงสูงมาก ทั้งต่อตัวอ่อนและตัวคุณแม่เอง” นายแพทย์เฉพาะทางด้านมีบุตรยากจ้องมองคู่สามีภรรยาตรงหน้าด้วยความเห็นใจ
“เราลองทำมาหลายครั้งแล้วนะครับ ทั้งการบำรุง ฉีดฮอร์โมน หรือแม้แต่การฝังตัวอ่อนที่แข็งแรงที่สุดแล้ว แต่ผลลัพธ์ก็ยังออกมาในทางเดียวกัน” เขาอธิบายด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล
จริญรัตน์หันไปมองหน้าสามีวัยเดียวกัน ริมฝีปากของเธอกำลังสั่นระริก คิมหันต์รวบมือของภรรยามากุมไว้แน่น เขาสัมผัสได้ถึงความเย็นเฉียบของปลายนิ้วเธอ แต่สายตาของเขากลับเต็มไปด้วยความเข้มแข็ง
“แล้วถ้าเราอยากจะมีลูกจริงๆ ล่ะครับ เราต้องทำยังไง” สามีวัยสามสิบห้าถามเสียงเรียบ แววตาฉายแววกังวล
นายแพทย์วัยกลางคนถอนหายใจเบาๆ
“มีทางเลือกสุดท้ายครับ คือการหาญาติมาอุ้มบุญให้ ทางเรามีขั้นตอนการคัดเลือกผู้ที่เหมาะสม ทั้งในด้านสุขภาพร่างกาย สภาพจิตใจ เพื่อให้คุณทั้งสองมั่นใจได้ว่าจะได้คนอุ้มบุญที่ดีที่สุด” คุณหมออธิบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป
จริญรัตน์ส่ายหน้าอย่างแรง ก่อนจะหันไปหาสามี
“ไม่เอาค่ะ ฉันไม่อยากให้คนอื่นอุ้มลูกของเรา ฉันอยากเป็นคนอุ้มท้องลูกเอง” เธอกลั้นสะอื้น ดวงตาเริ่มแดงช้ำ คิมหันต์ดึงภรรยาเข้ามากอดปลอบ
“ใจเย็นก่อนที่รัก เราจะลองคุยกันอีกทีนะครับคุณหมอ ขอเวลาให้เราตัดสินใจอีกหน่อย” เขาพึมพำเบาๆ ข้างหูเธอ ก่อนจะหันไปพูดกับหมอด้วยน้ำเสียงที่เป็นกังวล
นายแพทย์เฉพาะทางพยักหน้าอย่างเข้าใจ “ได้ครับ ยังไงลองกลับไปคิดดูนะครับ เรายังมีความหวังอยู่เสมอ”
คิมหันต์พยุงจริญรัตน์ออกจากห้องตรวจ หญิงสาวเดินอย่างเลื่อนลอย มือยังคงกุมมือสามีไว้แน่น แต่ดูเหมือนจิตใจจะไม่อยู่กับเนื้อกับตัว
ภรรยาสาวหันหน้ามาสบตาสามี น้ำตาที่ไหลพรากและความเจ็บปวดในดวงตานั้นทำลายกำแพงความเข้มแข็งของคิมหันต์ลงอย่างสิ้นเชิง
“คิมคะ ฉันไม่มีทางที่จะได้เป็นแม่คนแล้วจริงๆ ใช่ไหม” คำพูดนั้นราวกับมีดที่กรีดลงกลางใจของคิมหันต์ เขาได้แต่ดึงเธอเข้ามากอดไว้แนบอก
“ไม่หรอกที่รัก เรายังมีทาง เราจะหาทางด้วยกัน ไม่ว่ายังไงเราต้องมีลูกของเราให้ได้” เขากล่าวปลอบประโลมเธอ แม้จะไม่อยากให้เธอต้องผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำเล่า แต่ก็ทำได้เพียงปลอบใจและให้กำลังใจเท่านั้น
หลังกลับจากโรงพยาบาล จริญรัตน์ก็เอาแต่นั่งซึมอยู่บนโซฟา ตัวเธอดูเล็กลงไปถนัดตา ราวกับว่าความฝันทั้งหมดได้มลายหายไปกับตา
“ผมว่าถ้าเราไม่มีลูกก็ไม่เป็นไรนะ” คิมหันต์เอ่ยขึ้นทำลายความเงียบ เขานั่งลงข้างๆ แล้วเอื้อมมือไปกุมมือภรรยาไว้
“แค่มีเราสองคนก็พอแล้ว”
จริญรัตน์หันขวับมามองเขา ดวงตาที่บวมช้ำจากน้ำตายังคงเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
“ไม่นะคิม ฉันอยากมีลูก ฉันอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ”
“แต่คุณหมอบอกแล้วว่ามันเสี่ยง ผมไม่อยากให้คุณต้องเจ็บปวดอีก ผมไม่อยากเห็นคุณต้องเสียใจแบบนี้อีกแล้ว” เขามองเธอด้วยความรักและเป็นห่วง จริญรัตน์สะบัดมือออกอย่างแรง
“คุณไม่เข้าใจหรอก คุณไม่ได้อยากมีลูกแต่แรกอยู่แล้วนี่” เสียงเธอแผดขึ้นสูง
“แต่ฉันอยากมี ฉันอยากเป็นแม่คน”
คิมหันต์นิ่งไป ตอนแรกเขาไม่ได้อยากมีลูกจริงๆ เขาแค่อยากให้ภรรยามีความสุข แต่เมื่อเห็นความทรมานของเธอ เขาก็รู้สึกเหมือนมีหินหนักๆ ทับอยู่บนอก มันเจ็บปวดและทรมานไปหมด จนต้องยอมทำทุกอย่างเพื่อความสุขของเธอ
“ถ้าอย่างนั้น เราจะลองทำตามที่หมอแนะนำดูไหม เรื่องการหาคนอุ้มบุญ” เขาเอ่ยอย่างระมัดระวัง
“ไม่” จริญรัตน์ตะโกนลั่น
“ฉันไม่ยอมให้คนอื่นอุ้มท้องลูกของเราเด็ดขาด ลูกของฉัน ฉันอยากเป็นคนอุ้มท้องเอง ถ้าเธอเกิดผูกพันกับการอุ้มท้องขึ้นมาแล้วไม่ยอมยกลูกให้เราล่ะเราจะทำยังไง ฉันทำใจไม่ได้หรอกนะ” น้ำตาไหลลงมาเป็นทางอีกครั้ง เธอก้มหน้าลงซบเข่า สะอื้นฮักจนตัวโยน
คิมหันต์ได้แต่เงียบ เขาไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว ภาพภรรยาที่กำลังแตกสลายตรงหน้าทำให้เขารู้สึกปวดใจ ได้แต่ปล่อยให้เธอร้องไห้ออกมาอย่างสุดเสียง โดยที่มือก็ยังคงลูบผมของเธอเบาๆ อย่างปลอบประโลม
เมื่อเสียงสะอื้นนั้นเริ่มซา เขาก็ตัดสินใจพูดกับเธออีกครั้ง “ถ้าคุณกังวลว่าแม่อุ้มบุญจะเอาลูกไปเราก็ให้ญาติคุณอุ้มบุญให้ก็ได้”
จริญรัตน์เงยหน้าขึ้นจากเข่า ดวงตาที่แดงก่ำจ้องมองสามีอย่างสับสน
“คุณจะให้ญาติของฉันอุ้มบุญเหรอ”
“ใช่ ถ้าเราให้คนอื่นที่ไม่รู้จักมาอุ้มท้อง ก็ไม่น่าไว้ใจ แต่ถ้าเป็นญาติของเรา อย่างน้อยเราก็รู้จักเขาดีกว่าเรื่องการหาคนอุ้มบุญ” คิมหันต์พยักหน้า สีหน้าจริงจัง เขาเว้นจังหวะก่อนจะพูดประโยคถัดไป
“และผมจะให้เซ็นสัญญาที่รัดกุมที่สุด คัดเลือกคนที่แข็งแรงและสุขภาพดีที่สุด ให้คุณสบายใจได้เลย”
จริญรัตน์นิ่งไปครู่หนึ่ง เธอมองหน้าคิมสามีอย่างพิจารณา หัวใจที่กำลังปวดร้าวเริ่มมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง เธอไม่อยากให้คนนอกมาอุ้มลูกของตัวเองจริงๆ แต่ในเมื่อญาติของเธอก็ถือว่าเป็นคนในครอบครัว และไว้ใจได้
“แล้วมันจะสำเร็จเหรอคะ” เธอถามเสียงแผ่ว คิมหันต์ยื่นมือไปจับใบหน้าของภรรยาอย่างอ่อนโยน
“สำเร็จสิ เพื่อคุณและเพื่อลูกของเรา ผมจะทำทุกอย่างให้คุณมีความสุข และผมอยากให้คุณเป็นแม่คนจริงๆ นะที่รัก” เขากล่าวเสียงนุ่ม
คำพูดนั้นทำให้จริญรัตน์ยิ้มทั้งน้ำตา เธอพยักหน้ารับ “ก็ได้ค่ะ อุ้มบุญก็ได้ ขอบคุณนะคิม ขอบคุณจริงๆ”
“งั้นเราจะเริ่มติดต่อหาญาติคุณกันเถอะ” เขาบอกเธอ ก่อนจะกอดภรรยาไว้แน่น เขาดีใจที่เห็นรอยยิ้มกลับมาบนใบหน้าเธออีกครั้ง
แม้จะเป็นรอยยิ้มที่เปื้อนน้ำตา แต่เขาก็รู้ว่าภรรยาได้ตัดสินใจแล้ว เธอได้เลือกที่จะก้าวเดินต่อไปในเส้นทางที่ยากลำบากนี้เพื่อเติมเต็มความฝันที่จะมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ
************************
