บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 อุบัติเหตุ

หลายวันผ่านไป จริญรัตน์นั่งอยู่บนโซฟาตัวเดิม แต่ครั้งนี้บรรยากาศกลับยิ่งเงียบเหงาและอ้างว้างกว่าครั้งก่อน โทรศัพท์ในมือถูกวางลงอย่างช้าๆ พร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลลงมาอีกครั้ง

“ไม่มีใครยอมเลยคิม” เธอพึมพำเสียงแผ่ว

“ฉันโทรหาทุกคนแล้ว ทั้งลูกพี่ลูกน้อง พี่สาว หรือแม้แต่ญาติห่างๆ ทุกคนต่างก็บอกว่ามีภาระต้องดูแล ไม่พร้อมจะอุ้มท้องให้ คนที่อยากอุ้มให้ก็ไม่เข้ากฎเกณฑ์”

คิมหันต์นั่งลงข้างๆ และดึงเธอเข้ามากอด เขาลูบศีรษะเธออย่างปลอบโยน

“ไม่เป็นไรนะที่รัก เรายังมีทางอื่น”

“ทางอื่นอะไรล่ะ” เธอสะบัดตัวออกจากอ้อมกอดเขา ดวงตาเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง

“ญาติฝั่งคุณก็เหมือนกันนี่ คุณไม่ได้ยินที่แม่พูดเหรอว่าเรื่องแบบนี้มันน่าอาย แล้วก็ไม่ยอมให้หลานคนไหนมายุ่งเกี่ยวเด็ดขาด”

คำพูดของจริญรัตน์แทงใจคิมหันต์เข้าอย่างจัง เขานึกถึงบทสนทนากับมารดาเมื่อไม่กี่วันก่อน ใบหน้าของมารดาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจยังคงติดตา และมันทำร้ายจิตใจของภรรยาเขามาก

“ผมอธิบายเหตุผลแล้วนะครับคุณแม่ นี่คือความหวังสุดท้ายของจี๊ด”

“ความหวังอะไรกัน แกอย่าไปทำเรื่องน่าอายแบบนี้เลยคิม” มารดาของเขาตอบกลับเสียงแข็ง

“ให้คนอื่นอุ้มท้องลูกของเราเนี่ยนะ มันไม่มีทางที่สังคมจะยอมรับได้ และแม่ก็ไม่อนุญาตให้ลูกหลานคนไหนของแม่ต้องมาทำเรื่องแบบนี้เด็ดขาด”

คิมหันต์คิดถึงบทสนทนาระหว่างเขากับมารดาแล้วถอนหายใจยาว เขากลับมาสนใจจริญรัตน์ที่กำลังร้องไห้อย่างหนัก

“ผมขอโทษนะจี๊ด ผมพยายามแล้ว”

จริญรัตน์สะอื้นฮัก “ฉันรู้ว่าคุณพยายาม แต่สุดท้ายมันก็ไม่มีใครอยากช่วยเรา”

เธอลุกขึ้นเดินไปที่หน้าต่าง มองออกไปยังความมืดมิดภายนอก ราวกับว่าความฝันที่จะได้เป็นแม่คนนั้นช่างมืดมนไม่ต่างกัน

คิมหันต์เดินเข้าไปสวมกอดเธอจากด้านหลัง

“ยังมีทางสุดท้าย เราจะหาคนอุ้มบุญที่ไม่ใช่ญาติของเรา” เขาเอ่ยเสียงจริงจัง

จริญรัตน์หันกลับมามองเขา ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความหวาดหวั่นและไม่มั่นใจ

“แต่ฉันไม่ไว้ใจคนนอก อีกอย่างแบบนั้นมันผิดกฎหมายด้วยนี่คะ คนที่จะอุ้มบุญให้ต้องเป็นญาติ และต้องเคยตั้งครรภ์มาก่อนเท่านั้น ไม่ใช่เหรอ เรา.. เราจะให้คนนอกมาช่วยได้ยังไง” เธอพูดแล้วร้องไห้ออกมาอย่างสุดกลั้น

“แต่มันไม่มีทางเลือกอื่นแล้วที่รัก” คิมหันต์ยืนยัน

“ผมเห็นคุณเจ็บปวดมามากพอแล้ว และผมจะไม่ยอมให้คุณต้องเสียใจไปมากกว่านี้ ผมจะช่วยหาคนที่ดีที่สุดเท่าที่จะหาได้ สุขภาพแข็งแรง และไม่มีประวัติเสีย ผมจะทำทุกอย่างให้คุณได้เป็นแม่” เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของภรรยาให้เธอวางใจ

จริญรัตน์พยักหน้าช้าๆ น้ำตายังคงไหลไม่หยุด แต่ครั้งนี้เป็นน้ำตาของความหวังที่ริบหรี่อีกครั้ง ความหวังที่สามีหยิบยื่นให้เธอในวันที่ไร้หนทาง

“ขอบคุณนะคะ” เธอหันไปสวมกอดเขา ซบหน้าลงที่หน้าอกแล้วยิ้มทั้งน้ำตาด้วยความซึ้งใจ

************************

ในวันถัดมา คิมหันต์และจริญรัตน์กลับไปที่คลินิกรักษาผู้มีบุตรยากเพื่อปรึกษาหมอเฉพาะทางอีกครั้ง เขานั่งกุมมือภรรยาไว้ตลอดเวลา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจ ขณะที่จริญรัตน์เองก็ดูสงบขึ้นมาก

“คุณหมอครับ ผมกับภรรยาตัดสินใจแล้วครับ เราจะหาคนอุ้มบุญตามคำแนะนำของคุณหมอครับ” คิมหันต์เริ่มบทสนทนา

นายแพทย์ศิวัชพยักหน้าอย่างเข้าใจ “เป็นเรื่องที่ดีครับ คุณทั้งสองไม่ต้องกังวลนะครับ ทางเรามีขั้นตอนที่ได้มาตรฐานและปลอดภัยที่สุด”

“แต่เรามีเรื่องอยากจะรบกวนคุณหมอครับ เราอยากให้คุณหมอช่วยประกาศหาให้หน่อยได้ไหมครับ เราไม่รู้จะเริ่มต้นยังไงดี” คิมหันต์เอ่ยด้วยน้ำเสียงจริงจัง

“แต่แบบนั้นคุณจะไม่สามารถรับรองเด็กเป็นลูกได้ตามกฎหมายนะครับ เว้นแต่ผู้อุ้มบุญจะยินยอมแล้วยกให้เป็นบุตรบุญธรรมอย่างถูกต้อง ซึ่งมันเสี่ยงมากเลยที่เธอจะอยากเก็บเด็กเอาไว้เองหรือทำการต่อรอง” นายแพทย์วัยสี่สิบห้ากล่าวตามตรง

“แต่เราหาคนไม่ได้แล้วจริงๆ นะครับ ญาติของเราไม่มีใครช่วยรับอุ้มบุญให้เลย”

“เอาอย่างนี้นะครับ พวกคุณต้องหาคนมารับอุ้มบุญให้ได้ ไม่จำเป็นต้องตรงตามเงื่อนไขทางกฎหมาย ผมจะช่วยปิดหูปิดตาในส่วนนี้ให้ แต่ขั้นตอนในการรับเลี้ยงเด็กพวกคุณต้องศึกษาและจัดการกันเอง”

“ได้ครับ ผมเข้าใจแล้ว ขอบคุณนะครับคุณหมอ” เขารับปากแล้วมองภรรยาที่เริ่มจะร้องไห้อีกครั้ง

ทั้งสองออกจากคลินิกไปด้วยความหวังที่ริบหรี่อีกครั้ง คิมหันต์โอบไหล่ภรรยาเพื่อปลอบใจ จากนั้นก็พาเธอกลับบ้านไปเพื่อตั้งหลักกันใหม่

ในขณะเดียวกัน ณริน หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดกำลังสะพายกระเป๋าเป้ใบใหญ่เดินไปตามทางเท้า เธอเดินเตร็ดเตร่อยู่ในเมืองใหญ่ที่เต็มไปด้วยผู้คนที่ไม่รู้จัก

ณรินกำลังกังวลกับอนาคตที่ยังไม่แน่นอน ระหว่างที่เดินไปเธอก็นึกถึงชีวิตที่เพิ่งหลบหนีมาจากบ้านเกิดที่เต็มไปด้วยปัญหา เธอยังไม่มีงานทำ ยังไม่มีที่พักพิง และเงินเก็บก็มีเพียงไม่กี่พัน ไม่กล้าแม้แต่จะเช่าห้องอยู่เพราะกลัวว่าจะไม่มีเงินซื้ออาหารประทังชีวิต

ขณะที่เธอจะข้ามถนนที่หน้าปากซอยแห่งหนึ่ง รถเก๋งสีขาวมุกก็เลี้ยวเข้ามาตรงจุดที่เธอข้ามพอดี

“กรี๊ด” ณรินกรีดร้องลั่นแล้วล้มลงด้วยความตกใจ ก่อนที่คิมหันต์จะหักพวงมาลัยจนปีนขึ้นทางเท้า แล้วรีบลงจากรถไปดูหญิงสาวคู่กรณี เขามัวแต่หันไปมองภรรยาที่กำลังนั่งร้องไห้เป็นระยะ จนเกือบจะชนคนเข้าให้แล้ว

“เป็นอะไรหรือเปล่าครับ” เขาถามเธอ ขณะที่จริญรัตน์ก็รีบเข้ามาพยุงหญิงสาวให้ลุกขึ้น

“ฉันเจ็บข้อเท้าค่ะ แต่ไม่น่าจะเป็นอะไรมาก” เธอตอบด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย

“พาเธอไปพักที่บ้านเราก่อนเถอะค่ะ หากไม่ดีขึ้นค่อยพาไปส่งโรงพยาบาล” ภรรยาสาวออกความเห็นแล้วพยุงณรินขึ้นยืน พาเธอขึ้นรถไปด้วยกัน

ระหว่างทางคิมหันต์มองกระจกหลังเป็นระยะ เขากลัวว่าอีกฝ่ายจะมีแผนเรียกร้องค่ารักษาอะไรหรือไม่ เพราะดูจากสภาพแล้ว เธอคงเพิ่งมาจากต่างจังหวัด

“โทรหาญาติหรือยังครับ ให้เขามาดู”

“ฉันไม่มีญาติค่ะ เพิ่งมาถึงเมื่อเช้านี้ กำลังหาที่พักและหางานทำ” เธอตอบเสียงเบา

เธอมาจากต่างจังหวัด ขึ้นรถกับคนแปลกหน้าแบบนี้ก็กังวลไม่น้อย

“มาหางานทำเหรอ” จริญรัตน์ถามอย่างใส่ใจ

“ค่ะ” เธอก้มหน้า มือทั้งสองบีบแน่นที่ตัก ไม่กล้าตอบอะไรไปมากกว่านี้

************************
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel