บท
ตั้งค่า

บทที่ 7 อาการของซูอีกำเริบ

บทที่ 7

อาการของซูอีกำเริบ

ความกังวลของซูอีก่อนหน้านั้นกลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไปเลยเมื่อเห็นพัฒนาการอันรวดเร็วของตงฟางอู๋เฟิน และด้วยเหตุนี้ สองสามวันต่อมา ซูอีจึงมาหาตงฟางอู๋เฟินพร้อมกับคัมภีร์ปราณสวรรค์

น้อยคนนักจะรู้ว่ายังมีเคล็ดวิชาลับที่แสนสำคัญนี้อยู่ ตลอดมาคัมภีร์ปราณสวรรค์จะตกทอดให้กับเจ้าสำนักจากรุ่นสู่รุ่นเท่านั้น

เนื้อเรื่องเดิม ตงฟางอู๋เฟินจะได้คัมภีร์นี้ไปคือตอนหลังที่รู้ว่าถูกซูอีหลอกใช้ เมื่อคิดถึงว่าช้าเร็วอย่างไรพระเอกก็ต้องฝึกวิชาลับนี้อยู่ดี เพื่อชิงความได้เปรียบพร้อมกับตักตวงผลประโยชน์ ซูอีจึงเป็นฝ่ายเสนอวิชาลับอันล้ำค่าให้อีกฝ่ายเสียเอง มิหนำซ้ำยังสอนเดินลมปราณขั้นถัดไป

แต่...ความชะล่าใจเป็นบ่อเกิดของหายนะ ระหว่างเดินลมปราณขั้นกลาง นางเริ่มรู้สึกเจ็บปวดกลางอกก่อนจะลุกลามไปทั่วร่าง ภายในเหมือนถูกแผดเผาด้วยเปลวไฟ ม่านตาแดงก่ำ ลมหายใจถี่กระชั้น

นางหยุดเดินพลังปราณแล้วลืมตาขึ้น รีบบอกตงฟางอู๋เฟิน “เจ้าฝึกต่อแล้วกัน” จากนั้นก็ลุกพรวดพราดและกลับเรือนตัวเอง

จากความทรงจำของซูอีคนก่อน อาการเช่นนี้ หากกำเริบขึ้นมาแล้วต้องระบายความร้อนออกถึงจะดีขึ้น ถ้านางยังอยู่ในห้องของตงฟางอู๋เฟินไม่แน่ว่าอาจหน้ามืดปลุกปล้ำเขาก็เป็นได้ นางไม่กล้ามีความสัมพันธ์กับชายที่ไม่ได้รัก โดยเฉพาะตงฟางอู๋เฟินที่เป็นตัวชี้เป็นชี้ตาย

นางปิดประตูลงกลอน อาการกำหนัดยิ่งปล่อยนานยิ่งยากจะต้าน ถึงตรงนี้สมองของนางเริ่มมึนเบลอแล้ว

จู่ๆ ก็คิดถึงแท่งหยกขนาดมหึมาที่ปิดตายไว้ในกล่องไม้ ถ้าใช้สิ่งนั้นมาระบายความร้อนได้ละก็...

ไม่ๆ

นางส่ายหน้าสลัดความคิดที่จะใช้สิ่งนั้น หากมือก็ถลกชายกระโปรงขึ้นมาถึงเอวบางคอด นางปลดกางเกงชั้นในลง นิ้วแตะลงที่ร่องกลางชื้นแฉะอย่างไม่รู้ตัว

“อ่า...”

นางร้องครางขณะขยับนิ้ว แต่ในหัวก็ยังครุ่นคิดถึงแท่งหยกที่อยู่ในกล่องที่อยู่ใต้เตียง พร้อมกันนั้น อีกใจหนึ่งก็รู้สึกอดสูกับตัวเองที่ต้องมาอยู่ในสภาพแบบนี้

“อึก...อื้อ...”

ระหว่างใช้นิ้วละเลงระบายความใคร่ มีช่วงหนึ่งที่สมองของนางเดี๋ยวว่างเปล่าเดี๋ยวคงอยู่ เหมือนหลอดไฟที่ติดๆ ดับๆ

ทว่า...รู้ตัวอีกทีในมือของนางก็ประคองแท่งหยกลื่นๆ เย็นๆ สอดเข้าสอดออกกึ่งกลางลำตัวเสียแล้ว

ไม่รู้ตัวเลยว่าตนนำสิ่งนี้ออกมาตอนไหน หากก็เดาว่าคงเป็นตอนที่สติไม่อยู่กับตัว

“อึก อื้อ อ๊า…”

นางหยุดการคาดเดา ครวญครางขณะที่ในหัวโล่งไปหมด มากไปกว่านั้น พอใช้สิ่งนี้ลงมือกับตัวเองแล้วก็ยากที่จะยับยั้งความต้องการ

“งี่เง่า...บ้าที่สุด..อ๊ะ อื้อ อ่า...”

เป็นการตวาดใส่ตัวเองในสภาพที่น่าสมเพช

ซูอีน้ำตาเล็ด สะอึกสะอื้น แต่มือก็ขยับแท่งหยกไม่หยุด สภาพน่าเวทนาเช่นนี้จะไม่ให้รู้สึกว่าตนอดสูได้อย่างไร

“เจ้าสำนักเจี๋ย?”

ในสภาพที่เหมือนครึ่งหลับครึ่งตื่น ซูอีได้เสียงทุ้มของชายหนุ่มดังเข้ามาในโสต หนำซ้ำยังรู้สึกเหมือนว่าได้เห็นใบหน้าคมคายหล่อเหลาอยู่ใกล้แค่คืบ

ซูอีหัวเราะทั้งน้ำตา

“อาเฟิน...เจ้าเข้ามาอยู่กระทั่งในฝันของข้า?”

ตั้งแต่ตัดสินใจช่วยเหลือตงฟางอู๋เฟิน นางกับเขาก็เหมือนตัวติดกัน การเฝ้ามองเขาในบางครั้งก็ทำให้หัวใจนางเต้นแรง แม้กระทั่งตอนนี้...

ซูอียกมือขึ้นกุมเสื้อบริเวณหน้าอกขณะหัวใจเต้นแรง

“ทำไมต้องเป็นเจ้า...ช่างประไร เช่นนั้นข้าขอยืมเจ้ามาจินตนาการระหว่างระบายความใคร่หน่อยแล้วกัน”

เมื่อพูดจบ มือข้างที่กำเสื้อก็ยื่นออกไปโอบกอดลำคอ ส่วนมือที่ประคองแท่งหยกขยับถี่ๆ

หากในตอนนั้นเอง แท่งหยกกลับถูกดึงออกจากร่องกลางบุปผา นางรู้สึกโหวงหวิว แต่เพียงเสี้ยวอึดใจเท่านั้น สิ่งใหญ่โตระคนร้อนผ่าวก็แทรกผ่านเนื้ออวบอูมเข้ามา มิหนำซ้ำจังหวะความเร็วตอนที่สิ่งนั้นสวนกระแทกเข้าๆ ออกๆ กลับทำให้นางเสียวซ่านและรู้สึกดีมากกว่าเดิม

“อ๊ะ อ๊า…” นางร้องครวญคราง ”ดียิ่ง อ่า...ทำไมพอจินตนาการถึงเจ้าแล้ว...ถึงได้รู้สึก...อื้อ...ดีเช่นนี้ อ๊างง...!”

และแล้ว ซูอีก็สุขสมภายใต้จินตนาการโดยใช้ตงฟางอู๋เฟินเป็นตัวช่วย!?

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel