บทที่ 1 เกิดใหม่เป็นตัวร้าย
บทที่ 1
เกิดใหม่เป็นตัวร้าย
...นั่นคือเหตุผลว่าทำไมถึงตื่นขึ้นมาพร้อมกับความรู้สึกเหนียวเหนอะตรงกลางระหว่างขา และเลือดกองโตที่อยู่ข้างกาย
ความทรงจำที่หลั่งไหลเข้ามาในหัวหลังจากสติฟื้นคืนอย่างเต็มที่ สิ่งที่ค้นพบอย่างแรกคือ เจ้าของร่างนี้คือตัวร้ายในนิยายเรื่อง ‘เล่ห์กลรักจอมมารทมิฬ’ เป็นตัวร้าย(หญิง) ที่หลอกใช้ความสามารถของพระเอกในเรื่อง นามของนางคือ ‘เจี๋ยซูอี’ ชื่อแซ่เดียวกับนางในชาติก่อน
ตอนแต่งนิยายเรื่อง ‘เล่ห์กลรักจอมมารทมิฬ’ ดันหมดมุขในการคิดชื่อตัวร้ายหญิง ด้วยความสิ้นคิดและมักง่ายจึงหยิบชื่อจริงของตัวเองขึ้นมาตั้ง
ใช่ นางในชาติที่แล้วมีชื่อว่าซูอี แซ่เจี๋ย...เจี๋ยซูอี อายุสี่สิบสมบูรณ์เมื่อไม่กี่วันก่อน โสดสนิทและมีโลกส่วนตัวสูง อาชีพปัจจุบันคือนักเขียนนิยายออนไลน์ แม้ไม่ได้ร่ำรวยมาก แต่ก็พอหาเงินเลี้ยงชีพไปวันๆ ได้
เจี๋ยซูอีในนิยายนั้นมีตำแหน่งเป็นเจ้าสำนักดาบจันทร์เสี้ยว จุดเด่นของสำนักคือความเร็วที่เป็นอันดับหนึ่งในใต้หล้า แต่ด้วยความยึดติดกับวิชายุทธ์ ซูอีจึงเรียนวิชาลับที่มีชื่อว่าปราณสวรรค์ทั้งที่ยังไม่พร้อม ทำให้ธาตุไฟเข้าแทรก นอกจากพลังปราณปั่นป่วน ยังทำให้เกิดความต้องการทางเพศสูงเกินต้าน
ราวกับโมโหที่ในชีวิตจริงเป็นคนไร้เสน่ห์ ซูอีจึงเขียนบทตัวร้ายหญิงนี้ขึ้นมา แถมเป็นบทสะท้อนความต้องการที่คนเขียนเก็บกด
ซูอีในเรื่องนี้มีความสัมพันธ์ทางกายกับบุรุษมากหน้าหลายตา แม้แต่ตัวประกอบก็ยังไม่เว้น หลังจากนั้นก็เข้าสู่เส้นทาง 3P/4P
จากสภาพหลังจากตื่นขึ้นมา ตัวร้ายหญิงผู้นี้คงช่วยตัวเองไปด้วยกระอักเลือดไปด้วยจนสิ้นใจตาย ซึ่งเป็นเวลาเดียวกับซูอีในโลกปัจจุบันตายเพราะอุบัติเหตุหลังจากไม่ได้ออกบ้านเป็นเวลานาน!
แม้ไม่ได้วางบทให้ซูอีตายตั้งแต่ต้นเรื่อง หากก็เข้ามาอยู่ในร่างนี้แล้ว
ย้อนกลับเข้าเรื่อง ‘เล่ห์กลรักจอมมารทมิฬ’ ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นแนวกำลังภายใน เน้นความรักคาวโลกีย์ติดเรท 18+ พระเอกของเรื่องมีชื่อว่า ‘ตงฟางอู๋เฟิน’ ก่อนที่ชายหนุ่มจะก้าวเข้าสู่วิถีจอมมารและกลายเป็นเสือผู้หญิง เขาเป็นบุตรชายเจ้าสำนักกระบี่หยก แต่เพราะความโลภมากของอาแท้ๆ ‘ตงฟางเหยียน’ ต้องการฮุบทั้งตำแหน่งเจ้าสำนักและสมบัติที่อยู่ในคลังลับของสำนัก ตงฟางเหยียนจึงลอบสังหารพี่ชายและพี่สะใภ้ด้วยการปลอมตัวเป็นคนจากพรรคมาร บุกรุกสังหารคนกลางดึก
แต่ระหว่างที่ตงฟางเหยียนกำลังบุกเข้าห้องหลานชายเพื่อลงมือสังหารตงฟางอู๋เฟินเป็นรายต่อไป ชายหนุ่มรู้ตัวเสียก่อน จึงรับมือกับตงฟางเหยียนและหนีออกจากสำนักด้วยสภาพทุลักทุเล
อย่างไรก็ตาม การหนีออกมาของตงฟางอู๋เฟินทำให้อาของเขาใช้โอกาสนี้ประกาศทั่วยุทธภพว่า ตงฟางอู๋เฟินเกิดความละโมบ แปรพรรคเข้าสู่ฝ่ายมาร สังหารบุพการีและแย่งชิงคัมภีร์ลับอันล้ำค่าของสำนักแล้วหนีไป
เมื่อเรื่องนี้ออกจากปากของตงฟางเหยียนที่ฉากหน้ามีภาพลักษณ์เป็นคนดี ข่าวลือจึงน่าเชื่อถือถึงเจ็ดแปดส่วน ต่อให้ตงฟางอู๋เฟินอยากแก้ไขความกระจ่างก็ทำได้ยากแล้ว
เวลานั้นตงฟางอู๋เฟินถูกคนของสำนักตัวเองไล่สังหารเพราะเชื่อข่าวลือ ชายหนุ่มหนีเอาตัวรอด ด้วยการมุ่งหน้ามายังสำนักดาบจันทร์เสี้ยวซึ่งเป็นสำนักฝ่ายธรรมะที่อยู่ใกล้ที่สุด
ถึงจะเป็นสำนักฝ่ายธรรมะ แต่ในนิยายกำลังภายในเกือบทุกเรื่อง สำนักฝ่ายธรรมะ = สำนักที่รวบรวมเหล่าตัวร้าย เจี๋ยซูอีในเรื่องนี้ก็ไม่ต่างกัน
ตามเนื้อเรื่อง ซูอีแสร้งตีหน้าเศร้ายื่นมือโอบรับชายหนุ่มเข้ามาในสำนัก ช่วยรักษาบาดแผลและยังช่วยฟื้นฟูกำลังภายในให้กับชายหนุ่มหลังจากถูกตงฟางเหยียนทำลาย เบื้องหน้าแสนดี แต่แท้จริงเจี๋ยซูอีแค่ต้องการบ่มเพาะให้ตงฟางอู๋เฟินเป็นนักฆ่าฝีมือฉมัง หลอกใช้พระเอกให้สังหารผู้บริสุทธิ์แทนตน
ภายหลังเมื่อตงฟางอู๋เฟินรู้ความจริง เขาตามคิดบัญชีตัวร้ายเรียงตัวอย่างสามสม
เจี๋ยซูอีเองก็ได้รับผลกรรมของนางด้วยความตาย แต่ก่อนตาย นางพบกับความทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส ทั้งถูกพิษกัดกินเช้าค่ำ ผิวหนังหลุดล่อนไร้ความงาม และเสพสังวาสกับสิ่งมีชีวิตไม่เลือก ต่อให้อยากตายก็ตายไม่ได้
พอคิดถึงตรงนี้ ซูอีก็ขนลุกซู่ ตัวสั่นด้วยความพรั่นพึง
นางไม่อยากพบจุดจบแบบนั้นเลย แค่ทรมานกับอาการกำเริบจากธาตุไฟแทรกก็มากเกินพอแล้ว
ตอนเขียนนิยายเรื่องนี้ ในหัวคิดอะไรอยู่กันแน่นะ
แต่ทว่า ในเมื่อเกิดใหม่ในร่างของเจี๋ยซูอี ก็ต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ตัวเองหลุดพ้นจากจุดจบอันน่าสมเพช
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าลึกและยาวเพื่อสงบจิตสงบใจ ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงไปล้างตัว น้ำที่อยู่ในอ่างหลังฉากบังลมเย็นแล้ว ตอนเช็ดตัว ซูอีขนลุกขนชันเป็นระยะ แต่ก็คิดว่ายังดีกว่าไม่ได้ชำระร่างกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นกาม
ซูอีหยิบเสื้อผ้าขึ้นมาสวม เพราะวิญญาณและร่างกายหลอมรวมกันแล้วหรือเปล่า ตอนสวมเสื้อผ้าหลายชั้นจึงทำได้อย่างคล่องแคล่ว
เมื่อเดินออกจากห้อง ศิษย์คนหนึ่งเดินเข้ามาหยุดตรงหน้านาง
“เจ้าสำนักเจี๋ย”
นางเผลอสะดุ้งแรงเมื่อถูกเรียก แต่แล้วก็รีบเก็บอารมณ์และสีหน้าตระหนกภายใต้ความนิ่งเฉย
“มีอะไร”
ศิษย์หนุ่มสำนักดาบจันทร์เสี้ยวมองนางด้วยสายตาลุ่มหลง หากเพียงเสี้ยวอึดใจ เขาก็หลุบตาลงต่ำพร้อมกับรายงาน
“มีคนอ้างตัวว่าเป็นบุตรชายของเจ้าสำนักกระบี่หยก บอกว่าต้องการพบท่านให้ได้ แต่เพราะสภาพที่ไม่น่าไว้ใจศิษย์จึงสั่งให้เขารอนอกสำนักขอรับ”
มาแล้วสินะ ซูอีคิดในใจ ก่อนจะบอกศิษย์หนุ่มตรงหน้าว่า “เรียกให้มาพบข้า”
“เอ่อ จะดีหรือขอรับ”
นางไม่ตอบ แต่สาดสายตามองชายหนุ่มด้วยความดุดันตามแบบฉบับของเจี๋ยซูอีในนิยาย
เขาพยักหน้าเบาๆ แล้วบอก “ขอรับ” จากนั้นก็หมุนตัวก้าวเท้าออกไป
ซูอีมุ่งหน้าไปทางลานโล่งหน้าสำนัก ระหว่างทางนางยกมือขึ้นเกาจมูกเนื่องจากรู้สึกคันยุบยิบแปลกๆ ปกติจะถูกเรียกคุณป้าหรือยัยป้า พอกลายเป็นสาวพราวเสน่ห์วัยยี่สิบกว่า แม้จะเป็นตัวร้ายหญิง แต่ก็อดรู้สึกว่าตนสวยขึ้นจนตัวลอยไม่ได้เลยแหะ
“อะแฮ่ม!”
ซูอีปิดปากกระแอมพร้อมดึงสติกลับมาปัจจุบัน
‘กำลังรออยู่เลย พระเอกของฉัน!’
