บทที่ 12
“ฟังนะคะ แซม ฉันว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องที่โง่อย่างที่สุด และมันก็ไม่สามารถจะพิสูจน์อะไรได้ด้วย” เธอเอ่ยออกไปด้วยความหวังที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเขาไปเสียทางอื่น เวลานี้สิ่งที่ลิซ่ากำลังกลัวอย่างที่สุดก็คือ เขาจะเอื้อมมือมาแตะต้องเนื้อตัวเธอ เพราะเธอย่อมไม่สามารถจะขัดขืนหรือต้านทานเขาไว้ได้เลย
“ผมบอกให้คุณมานี่” ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขาต้องการจะให้เธอทำตามคำสั่งนั้นจริงๆ แต่กระนั้น ลิซ่าก็ยังใช้ความพยายามอีกครั้งหนึ่ง
“ถ้าคุณคิดจะ...”
“มานี่...เดี๋ยวนี้”
ลิซ่ามองหน้าเขาอย่างตื่นกลัว ดวงตาคู่นั้นเย็นเยียบราวน้ำแข็ง สันกรามนูนเด่นขึ้น มันทำให้เธอได้ตระหนักในสิ่งหนึ่งว่า ขณะนี้เธอได้ยั่วยุเขาจนถึงที่สุดแล้ว การที่จะต่อต้านเขาต่อไป มีแต่จะทำให้เรื่องร้ายแรงยิ่งขึ้นกว่าเดิม
“อ๋อ...ก็ได้” เธอร้องออกมาอย่างไม่เต็มใจเลย เชิดหน้าให้สูงไว้ขณะที่เดินเข้าไปหาเขา และเข้ามาหยุดอยู่ในระยะที่เขาพอจะเอื้อมมือถึง
“เอาละ...และตอนนี้คุณจะโปรด...” รับฟังในสิ่งที่เธอตั้งใจจะพูดกับเขาอย่างมีเหตุผลเช่นนั้นน่ะหรือ
“เอาผ้าห่มออก”
คำสั่งนี้ทำให้ลิซ่าตวัดสายตาขึ้นมองหน้าเขาทันที ความตื่นกลัวเริ่มเข้าจับหัวใจอีกครั้ง
“มะ...ไม่นะ” เธอก้าวถอยหลัง ตอบปฏิเสธออกไปด้วยสัญชาตญาณ แต่เมื่อมองเห็นประกายร้าวในดวงตาคู่นั้น เธอก็รู้ว่าการปฏิเสธของเธอควรจะเป็นไปในลักษณะที่ดีกว่านี้ เพียงแต่ว่าไม่อาจจะทำได้อย่างที่ใจคิดเท่านั้น และขณะเดียวกันเธอก็ไม่สามารถจะปฏิบัติตามคำสั่งของเขาได้ด้วย เขาควรจะได้รับคำอธิบายให้เป็นที่เข้าใจว่า โดยแท้จริงแล้ว เธอไม่ใช่ผู้หญิงเสเพลที่เร่ร่อนไปตามที่ต่างๆ อย่างไม่มีจุดหมาย ไม่ใช่ผู้หญิงที่เขาจะมาออกคำสั่งให้ทำอย่างนั้นอย่างนี้ได้ หรือจะต้องปฏิบัติตาม เพื่อรองรับความใคร่ของเขาไปเสียในทุกช่วงตอน
ดวงตาคู่สีเขียวขาบประสานอยู่กับเขาอย่างกล้าหาญ เมื่อคิดว่าเธอควรจะพูดจากับเขาอย่างไร เพื่อให้เขามีความเข้าใจในสถานะอันแท้จริงของเธอ ขณะเดียวกันก็กุมขมวดปมผ้าห่มไว้แน่นกระชับ
“ผมสั่งให้คุณเอาผ้าห่มออก”
เสียงตวาดนั้นดังลั่นจนลิซ่าสะดุ้งสุดตัว ความตกใจนั้นทำให้มือที่จับขมวดปมผ้าห่มไว้คลายลง และผ้าห่มทั้งผืนก็ลงไปกองอยู่ตรงปลายเท้า เธอตวัดสายตามองหน้าเขาทันที ตระหนักแน่ถึงเรือนกายเปลือยเปล่าของตน และอิทธิพลที่มันได้สร้างให้เกิดขึ้นต่อผู้ชายคนที่กำลังยืนอยู่ตรงหน้า เธอเห็นดวงตาที่วาวโรจน์ขึ้นด้วยความปรารถนาอันล้ำลึก ขณะที่มันกวาดไปทั่วเรือนร่าง และซอกซอนไปทั่วทุกขุมขน
ในยามนั้นลิซ่าร้อนผ่าวไปทั้งเนื้อตัว ที่จริงมันก็ออกจะเป็นเรื่องเขลาอยู่ที่เธอจะเกิดความเขินอายต่อสายตาของเขาในตอนนี้ เพราะครั้งหนึ่งอย่างน้อยก็ด้วยการชี้นำของโชคชะตา เขาก็เคยร่วมหลับนอนกับเธอมาแล้ว และก็เพิ่งเมื่อครู่ใหญ่ๆ นี้เอง ที่เขาก็ได้เห็นร่างกายของเธอที่ไม่ได้มีเสื้อผ้าปิดบังไว้เลยแม้แต่ชิ้นเดียว แต่ถึงกระนั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่เธอยังรู้สึกและสำนึกถึงความอาย... อยากจะมุดหน้าหนีไปเสียให้พ้นๆ แต่กระนั้นเธอก็ยังเตือนตัวเองอยู่ว่า เธอจะสำแดงความขลาดออกมาให้เขาเห็นไม่ได้เป็นอันขาด ดังนั้น ลิซ่าจึงเชิดไหล่ขึ้น มองหน้าเขาอย่าทระนงแววท้าทายปรากฏอยู่ในดวงตา
“ฉันอยากจะบอกให้คุณรู้ไว้ด้วยนะว่า สิ่งที่คุณคิดอยู่ในเวลานี้น่ะมันผิดหมด...” เธอพูดด้วยน้ำเสียงสงบเยือกเย็นอย่างน่าแปลกใจ “คุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ฉันก็ขอยืนยันอีกครั้งว่า ฉันไม่ได้ยั่วยุให้เจ้าสัตว์พวกนั้นมันปลุกปล้ำฉันเลย...ที่ฉันไปที่นั้นก็เพื่อจะอาบน้ำในลำธารเท่านั้น...”
หางเสียงของเธอขาดหายไป รู้สึกเจ็บในลำคอขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก และเมื่อเห็นว่ามิได้รับฟังในสิ่งที่เธอพูดอยู่เพราะสายตาคู่นั้นกำลังจรดจ้องอยู่กับเนินทรวงเต่งตึง เธอก็ตั้งใจที่จะพูดต่อ ให้เขาเข้าใจให้ได้ แต่พอเธอขยับปาก เขาก็เอื้อมมาไล้เนินทรวงนั้นแล้ว
“สวยเหลือเกิน” เขาเอ่ยชมด้วยน้ำเสียงแหบพร่าและทันทีที่ได้รับการสัมผัสร่างกายของลิซ่าก็เหมือนจะทรยศต่อความตั้งใจของตัวเอง ยอดทรวงชูชันขึ้นราวกับพร้อมแล้วที่จะรอรับการจุมพิตจากเขา เธอต้องสูดลมหายใจลึก ตั้งสมาธิให้มั่น ก่อนที่จะพูดในสิ่งที่ตั้งใจไว้ว่าจะต้องพูดต่อไป
“คนพวกนั้นพยายามจะข่มขืนฉัน” เธอเอ่ยต่อ แต่เหตุผลก็ดูจะเลือนหายไปจากสมองในทันทีที่อุ้งมืออุ่นๆ ประคองทรวงอกเธอไว้ ปลายนิ้วหัวแม่มือคลึงเคล้าอยู่กับหัวนมที่เป็นสีชมพูจัด ลิซ่ารู้สึกร้าวลึกลงไปจนถึงในท้อง เธอยกมือขึ้นจับข้อมือเขาไว้ ตั้งใจที่จะให้เขาหยุดยั้งการกระทำอยู่เพียงแค่นั้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้นมอง ก็ทันเห็นปลายลิ้นสีชมพูที่กำลังเลียริมฝีปากที่แห้งเกราะอยู่ เขาจับตามองดูความเคลื่อนไหวน้อยๆ นั้นอย่างตรึงใจ
แสงเสน่หาที่ฉาบฉานอยู่ในดวงตาของเขากระทบใจลิซ่าอย่างรุนแรง เธอถึงกับหลับตาลงเพื่อปิดกั้นตนเองไว้ แต่ในนาทีต่อมาก็รู้ว่าตนเองได้กระทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไปอย่างถนัด แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายเกินไปเสียแล้ว ริมฝีปากของเขาประทับลงอย่างหนักหน่วง จุมพิตนั้นแรงร้อนจนแทบหายใจไม่ออก ลิซ่าพยายามที่จะต่อต้านขัดขวางเขาไว้ แต่ดูเหมือนจะยิ่งเลวร้ายลงไปกว่าเดิม เมื่อความทรงจำถึงเหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นในค่ำคืนวันก่อนได้ผ่านเข้ามาในสมอง พร้อมๆ กับความรู้สึกยามที่ร่างกายของเขาเคลื่อนไหวอยู่กับร่างกายของเธอ
เธอรู้สึกว่าตัวเองได้สูญเสียความตั้งใจลงอย่างไม่อาจจะช่วยได้เลย ทั้งนี้เพราะสัญชาตญาณได้บังคับให้เผยอเรียวปากขึ้นรับจุมพิตจากเขา ขณะที่เขาโอบแขนลงตวัดช่วงเอวได้ เธอก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอเขา แนบร่างเข้าไปหา ปลายนิ้วสัมผัสอยู่กับความหนั่นหนาของกล้ามเนื้อตรงช่วงลำคอ เธอจูบตอบเขาอย่างเร่าร้อนปานกัน ปราโมทย์กับความรู้สึกยามที่เรือนกายได้เบียดชิดอยู่กับร่างกายที่เปลือยเปล่าของเขา ชื่นชมกับรสชาติของจุมพิตจากริมฝีปากคู่นั้น สัมผัสทั้งความร้อนและกลิ่นกายของผู้ชาย ร่างกายที่ใหญ่โตนั้นจะดูมีอำนาจเหนือร่างเล็กๆ ของเธออย่างเหลือเกิน และเธอก็รักความรู้สึกเช่นนั้น แม้สำนึกแห่งความอับอายจะผ่านเข้ามาบ้าง แต่เธอก็จำต้องยอมรับว่าเธอรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
ฝ่ามือของเขาลูบไล้ไปจนทั่วเรือนกาย มันทำให้ลิซ่าถึงกับสั่นเทิ้มไปทั้งตัว คร่ำครวญหาสัมผัสนั้นอย่างไม่ต้องการจะให้เขาวางมือ แม้จะรู้ว่าการเร่งเร้าในครั้งนี้ของเขาออกจะดุดันและหักหาญอยู่ จนเธอต้องยืนตัวแข็งเมื่อเขาลูบโลมลงไปถึงจุดที่อ่อนไหวต่อการสัมผัส แต่ทว่าสิ่งที่เขากำลังปฏิบัติต่อเธอยู่ในยามนี้ มันนำความสุขมาให้ มันทำให้ร่างของเธอถูกหลอมละลายอยู่ในวงแขนของเขา ปล่อยให้เขากระทำตามใจเช่นที่เขาควรจะต้องกระทำ เปลือกตาปิดสนิท ลอยล่องไปกับความสุขที่ปลายนิ้วของเขาบันดาลให้ ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าขณะนี้มีเสียงเบาๆ หลุดลอยออกมาจากลำคอของตนเอง
“ต้องการผมแล้วใช่ไหม” เธอได้ยินเสียงเขากระซิบถามอยู่
ในสำนึกอันเลื่อนลอย ที่ไกลเกินกว่าจะยอมรับฟังในสิ่งที่เป็นเหตุผล ไกลเกินกว่าที่จะไขว่คว้าสำนึกแห่งความอับอายไว้ เธอรู้แต่เพียงว่า ขณะนี้เธอปรารถนาต่อสิ่งที่เขาปลุกเร้าให้เกิดอารมณ์ขึ้นอย่างเหลือเกิน ดังนั้นลิซ่าจึงพยักหน้า โดยมิได้ลืมตาขึ้นมา
“พูดออกมาสิ” เขาสั่งด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ลิซ่าดูจะลังเลไป มันคล้ายกับจะมีแสงแห่งความทระนงในศักดิ์ศรีสาดส่องเข้ามา แต่แสงนั้นก็เลือนหายไปในเวลาอันรวดเร็วพร้อมๆ กับที่เขาซุกจมูกลงบนเนินทรวง
“ค่ะ...ค่ะ” เธอร้องตอบออกไป
“ค่ะอะไร...ค่ะ...คุณต้องการผม หรือว่า...”
จุมพิตแรงร้อนนั้นประทับลงกลางทรวงอีกครั้ง ลิซ่ารู้สึกรัญจวนใจจนแทบจะกลายเป็นความบ้าคลั่ง กดศีรษะของเขาให้แนบอยู่กับทรวงอกเช่นนั้น ด้วยเกรงว่าเขาจะเปลี่ยนความตั้งใจ
“ค่ะ...ฉันต้องการคุณ” เธอยอมพ่ายแพ้ต่อกิเลสที่กำลังก่อกวนอยู่นั้น โดยไม่พักต้องคิดให้เสียเวลา เธอยอมรับว่าในยามนี้ สิ่งที่เธอต้องการอย่างที่สุดก็คือตัวเขา ต้องการอย่างมากมายด้วย
