บทที่ 1 ลูกนอกสมรส (4)
นางมัลลิกาถอนหายใจกับคำถามที่นาตาชาใช้ถามนางมาตลอด
“จะรักหรือไม่รักมันไม่สำคัญหรอกลูก ชีวิตของแม่มีแค่หนูคนเดียวเท่านั้นที่แม่ให้ความสำคัญ”
หญิงสาวยิ้มหวานแล้วกอดเอวมารดาไว้ “หนูถามแม่มาตลอด แต่แม่ไม่เคยตอบหนูเลยว่ารักหรือไม่รักพ่อ ทำไมคะ?”
“ก็เพราะจอห์น คาเตอร์ ไม่ใช่คนสำคัญของแม่ไง”
นาตาชานิ่วหน้า ถึงจะสัมผัสถึงความเย็นชาที่แม่มีต่อพ่อได้ แต่เธอก็อยากรู้สาเหตุว่าอะไรทำให้แม่ของเธอต้องทนอยู่กับผู้ชายใจร้ายอย่างพ่อมานาน อย่าว่าจะได้เห็นภาพพ่อกอดแม่เลย ขนาดตัวเธอเป็นลูกสาวแท้ ๆ ยังไม่เคยได้รับสัมผัสรักจากพ่อ
“แม่ก็เย็นชาเหมือนกันนะเนี่ย”
นางมัลลิกายิ้มบาง ก่อนเปลี่ยนเรื่อง “แล้วตกลงลูกจะเอายังไงกับงานเลี้ยงสวมหน้ากาก?”
หญิงสาวหยิบการ์ดใบสวยขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนมองหน้ามารดา “แม่บอกหนูเองว่าอย่าแข็งข้อกับพ่อ”
“ดีมากยาหยี จำไว้นะลูก กับจอห์น คาเตอร์ ลูกต้องใช้เหตุผลมากกว่าอารมณ์ ผู้ชายคนนี้ชอบคนว่าง่ายเชื่อฟัง”
นาตาชายิ้มมุมปากดวงตาเป็นประกายระยับ “บังเอิญว่าหนูไม่ใช่คนที่ชอบทำตามคำสั่งของพ่อด้วยสิคะ”
“แต่บางครั้งเพื่อความอยู่รอด เราต้องทำนะ แม่มั่นใจว่าหนูต้องทำได้”
“หนูจะพยายามค่ะแม่” นาตาชาบอกเสียงเย็น ดวงตาเป็นประกายระยับ ถึงเวลาที่เธอจะลุกขึ้นมาทำอะไรเพื่อตัวเองแล้ว...
เช้าวันใหม่มาเยือน การเริ่มต้นหางานพิเศษทำจึงเริ่มต้นขึ้น นาตาชารีบลงมาชั้นล่างเพราะเธอตื่นช้ากว่ากำหนดเล็กน้อย พอคว้ากระเป๋าเป้คู่ใจได้เธอจึงสะพายขึ้นหลัง จากนั้นจึงคว้ารองเท้าผ้าใบมาสวมอย่างรีบร้อน
“จะไปไหนแต่เช้าหรือยาหยี?” นางมัลลิกาที่ยุ่งอยู่กับอาหารเช้าละสายตาจากกระทะไฟฟ้ามามองลูกสาวคนสวยซึ่งดูรีบร้อนแต่เช้า
“สมัครงานค่ะ” นาตาชาซึ่งกำลังยุ่งอยู่กับการผูกหูรองเท้าตอบ
“รีบขนาดนั้นเลยเหรอ? กินมื้อเช้าก่อนสิ แม่ปิ้งขนมปังไว้ให้แล้ว”
หญิงสาวเงยหน้าขึ้นตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อเห็นสายตาห่วงใยจากมารดา เธอจึงตัดสินใจถอดรองเท้าผ้าใบแล้วเดินตรงไปยังพื้นที่เล็ก ๆ ที่ใช้เป็นครัวเพื่อประกอบอาหาร
นางมัลลิกาเอื้อมไปหยิบแยมผลไม้สำหรับทาขนมปังมาส่งให้ลูกสาว “เอากาแฟ หรือโกโก้ดี?”
“กาแฟดีกว่าค่ะ เดี๋ยวหนูชงเอง” ว่าแล้วนาตาชาจึงเอื้อมไปหยิบแก้วและกาแฟบดสำเร็จรูป
“เอาด้วยมั้ยคะ?” หญิงสาวหันมาถามก่อนตักผงกาแฟบดใส่ถ้วยแล้วกดน้ำร้อน
“ขอเป็นน้ำผลไม้ดีกว่า”
นาตาชาเบี่ยงตัวหลบมารดา แล้วเอื้อมไปเปิดตู้เย็นหยิบเอาน้ำผลไม้ออกมารินใส่แก้ว จากนั้นจึงหันมาตักน้ำตาลใส่ถ้วยกาแฟของตัวเอง ระหว่างคนให้หายร้อนเธอจึงหยิบขนมปังปิ้งมาทาแยมแล้วกัดกิน
“นั่งกินดี ๆ สิลูก จะรีบอะไรขนาดนั้น”
“หนูรีบค่ะแม่ ไปสายเดี๋ยวเขาปิด”
นางมัลลิกานิ่วหน้า “ร้านอาหารมีแต่เปิดตอนสายทั้งนั้น เช้า ๆ แบบนี้มีร้านที่ไหนเขาเปิดกัน”
“นี่ไม่ใช่ร้านอาหารค่ะแม่” หญิงสาวเคี้ยวตุ้ย ๆ ขนมปังเต็มปาก พอฝืดคอเธอจึงหยิบกาแฟมาดื่ม
“ค่อย ๆ กินก็ได้ เดี๋ยวก็ติดคอพอดี”
นาตาชาไม่สนใจคำเตือนเท่าไหร่ พอจัดการกับขนมปังปิ้งหมดแผ่นเธอจึงตบท้ายด้วยกาแฟจนหมดถ้วย แล้วดึงกระดาษทิชชูมาเช็ดปาก
“แล้วหนูได้งานได้ไง?”
“หนูหาจากในอินเตอร์เน็ตน่ะ เอาไว้เขารับหนูเข้าทำงาน หนูจะบอกแม่อีกที ไปก่อนนะคะ” หญิงสาวหอมแก้มมารดาฟอดหนึ่งจากนั้นจึงรีบไปสวมรองเท้าผ้าใบ พอคว้าสเกตบอร์ดคู่ใจได้ เธอจึงรีบขึ้นไปยืนแล้วลื่นถลาไปตามทางอย่างคล่องตัวพร้อมกับตะโกนขอทาง
“เฮพี่ชาย ขอทางหน่อย!”
เหล่าบอดี้การ์ดที่เดินตรวจความเรียบร้อยภายนอกคฤหาสน์ต่างพร้อมใจกันหลีกทางให้คุณหนูของพวกเขา และนี่คือภาพที่ทุกคนคุ้นชินเป็นอย่างดี คุณหนูนาตาชากับพาหนะคู่ใจอย่างสเกตบอร์ดอันเก่า แทนรถยนต์คันหรู!!
เมื่อถึงหน้ารั้วบ้านนาตาชาจึงนำสเกตบอร์ดไปแอบไว้ที่พุ่มไม้ เธอทำแบบนี้ประจำ เพราะถ้าให้เดินออกมาคงไม่ไหว ก็พื้นที่บริเวณคฤหาสน์กว้างมากนัก มันเหมือนกับเอาสนามฟุตบอลหลาย ๆ สนามมาเรียงต่อกันเลยทีเดียว พอพ้นจากรั้วบ้านมาได้ นาตาชาจึงรีบมุ่งหน้าไปยังผับชื่อดังที่เธอเห็นประกาศรับสมัครงานจากหน้าอินเตอร์เน็ตทันที
