บทที่ 1 ลูกนอกสมรส (2)
“หนูว่าพ่อเลิกสนใจเราแม่ลูกตั้งนานแล้วล่ะ ไม่อย่างนั้นพ่อจะให้เรามาอยู่ที่นี่เหรอ?”
น้ำเสียงของนาตาชาแฝงด้วยความน้อยใจ ถึงเธอจะถูกลูกน้องของพ่อเรียกว่า ‘คุณหนูนาตาชา’ แต่ชีวิตความเป็นอยู่ของเธอแทบไม่ต่างจากคนรับใช้ในคฤหาสน์เลย แม่ของเธอยังเป็นแม่บ้าน มีหน้าที่ทำอาหารและซักผ้าให้คนในคฤหาสน์หลังนี้ บางครั้งก็ถูกภรรยาอีกคนของพ่อกดขี่ รังแก
และนี่คือชีวิตรันทดที่เธอเผชิญมากว่าสิบปี...
ตั้งแต่จำความได้ เธอเติบโตและเรียนหนังสืออยู่ที่เมืองไทย พอจบชั้นประถม จอห์น คาเตอร์ ซึ่งเป็นพ่อของเธอ ได้ส่งลูกน้องมาข่มขู่และบีบบังคับให้แม่และเธอบินไปอเมริกา ตอนนั้นเธอไม่รู้รายละเอียดมากนักเพราะยังเด็กอยู่มาก แต่เธอก็บินตามแม่ไปอยู่ที่อเมริกาได้ปีกว่า พอพ่อได้รับมรดกเป็นคฤหาสน์หลังงามจากคุณปู่ เธอและแม่จึงถูกพาตัวมาอยู่ที่อิตาลี ภายในรั้วของคฤหาสน์หลังงามซึ่งกินพื้นที่เกือบสิบเอเคอร์
อย่าเพิ่งจินตนาการว่าเธอจะมีชีวิตที่สุขสบายเหมือนคุณหนูทั่วไป ถึงจะได้อยู่ร่วมกับพ่อ ในฐานะคุณหนูนาตาชา แต่เธอก็ไม่ได้อยู่อย่างสุขสบายในคฤหาสน์หลังงามเหมือนลูกสาวมหาเศรษฐีทั่ว ๆ ไป คนอื่น ๆ ในครอบครัวไม่ให้การต้อนรับลูกและเมียนอกสมรส เธอกับแม่จึงถูกย้ายให้มาพักอยู่กับลูกน้องของพ่อซึ่งเป็นมาเฟีย!
ชีวิตของเธอแทบไม่ต่างจากนางซินฯ ในนิทานปรัมปราเลยล่ะ ตอนนั้นเธอยังเด็กจึงไม่เข้าใจเหตุผลของผู้ใหญ่ ไม่รู้ด้วยว่าเกิดอะไรขึ้นกับแม่ แต่พอได้มาอยู่บ้านหลังเล็กที่มีพื้นที่ส่วนตัวสภาพจิตใจของเธอจึงดีขึ้น เพราะถ้าขืนให้เธออยู่ร่วมกับลูกสาวคนอื่น ๆ ของพ่อ เธอคงเกลียดชังในการกระทำของพ่อมากกว่านี้
“แม่คิดว่าพ่อไม่เลิกสนใจเราแม่ลูกง่าย ๆ หรอก ไม่อย่างนั้นพ่อจะให้คนส่งการ์ดเชิญมาให้เราไปร่วมงานทำไม”
นาตาชานิ่วหน้า “งานอะไรคะ?”
นางมัลลิกาลุกขึ้นไปหยิบการ์ดเชิญซึ่งเหน็บอยู่มาส่งให้ลูกสาว “อ่านรายละเอียดเอานะ”
นาตาชารับดึงการ์ดเชิญออกจากซอง พร้อมกวาดสายตาอ่านตัวหนังสือสีทองบนกระดาษที่มีกลิ่นหอม พออ่านจบเธอจึงนำการ์ดใส่กลับเข้าในซองอย่างเดิม
“บ้าจริง พ่อคิดอะไรอยู่ถึงส่งการ์ดมาเชิญพวกเรา” หญิงสาวทำหน้าคิดหนัก
ก็ตั้งแต่เป็นลูกของพ่อมาและเท่าที่จำความได้ เธอไม่เคยได้รับสิทธิ์ไปร่วมงานเลี้ยงที่พ่อมักจัดขึ้นเป็นประจำที่คฤหาสน์สักครั้ง แม้แต่งานวันเกิดของพ่อ เธอก็ไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้อง หรือถ้าพูดให้ถูกก็คือเธอไม่เคยได้รับสิทธิ์ให้ขึ้นไปเหยียบคฤหาสน์นั่นเลย แต่วันนี้พ่อกลับส่งการ์ดเชิญมาให้เธอกับแม่
นี่มันเรื่องตลกร้ายชัด ๆ!
“ก็อย่างที่บอก พ่อต้องการให้หนูแต่งงานกับมิสเตอร์อัลเฟร์ค อันโตนิโอ”
ริมฝีปากอวบอิ่มดูเซ็กซี่ของหญิงสาวเม้มเข้าหากัน ดวงตาสีสนิมเหล็กซึ่งดูคล้ายผู้เป็นพ่อฉายแววไม่พอใจออกมาชัดเจน พ่อเห็นเธอเป็นตัวอะไร นึกจะทำอะไรกับเธอก็ได้งั้นเหรอ?!
“หนูไม่เอาด้วยเด็ดขาด!” นาตาชาปฏิเสธเสียงแข็ง
จริงอยู่ว่าเธอเป็นลูกเมียน้อย เป็นลูกนอกสมรส เป็นลูกที่พ่อไข่ทิ้งไข่ขว้างแล้วเกิดเปลี่ยนใจยอมรับกลับมาเลี้ยงดู แต่การที่พ่อยินยอมให้เธอใช้นามสกุล ‘คาเตอร์’ ก็ไม่ได้หมายความว่าเธอต้องเชื่อฟังคำสั่งของพ่อทุกอย่าง เธอมีชีวิตจิตใจ และเธอไม่ชอบให้ใครมาบังคับ
“ยาหยี การงัดข้อกับพ่อไม่ใช่สิ่งที่ลูกควรทำ หนูก็รู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง หนูเอาชนะพ่อด้วยวิธีแข็งข้อไม่ได้หรอก”
นางมัลลิกาเตือนลูกสาวด้วยความห่วงใย นางใช้ชีวิตอยู่กับจอห์นมานาน นานจนรู้จัก ‘สันดาน’ ของผู้ชายคนนี้อย่างถ่องแท้ นอกจากความเหี้ยมโหดเลือดเย็นแล้ว ยังมีความใจร้อนและเอาแต่ใจพ่วงติดมาด้วย นางไม่เคยเห็นจุดจบที่งดงามเกิดขึ้นกับคนที่กล้าแข็งข้อกับจอห์น คาเตอร์เลย หากจะมีผู้ที่งัดข้อกับชายผู้นี้ได้ ก็เห็นจะเป็น นางแองเจล่า คาเตอร์ ภรรยาที่จอห์นคาเตอร์ยกย่องให้เป็นคุณผู้หญิงของบ้านเท่านั้น
“เรื่องนั้นหนูรู้ค่ะ” หญิงสาวบอกเสียงกร้าว
เพราะเธอเพิ่งงัดข้อกับพ่อมาหมาด ๆ และผลกระทบกับเรื่องนี้ก็ทำให้เธอต้องเตรียมตัวรับมือกับเรื่องน่าปวดหัวที่ตามมา ส่วนสาเหตุน่ะเหรอ คือเธอเบี้ยวดินเนอร์เพื่อหลีกเลี่ยงไม่พบหน้า มิสเตอร์อัลเฟร์ค ว่าที่เจ้าบ่าว!
ก็ใครอยากจะไปแต่งงานกับผู้ชายที่แก่คราวพ่อเล่า!
