5
Chapter 5
ชบาแก้ว talk
หลังจากที่พาพี่พันแสงเข้าห้องแล้วฉันก็กลับมาที่เรือนเล็กของตัวเอง พี่พันแสงทำท่าทางรังเกียจฉันมาก ถ้าเขาส่างเมาแล้วมาเจอกัน เขาก็คงพูดจาไม่ดี หรือไม่ก็แสดงท่าทางเย็นชาใส่ฉัน
เพียงแค่เขาห่างเหิน ใจฉันก็เจ็บแล้ว ฉันต้องการพี่พันแสงคนเดิมกลับมา แต่ก็คงไม่มีวันได้กลับมา ทุกอย่างยังอยู่ในความงงงวย ฉันยังคงไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด เรื่องหมั้นหมายมีเพียงเขาที่พูด ส่วนคนอื่น ๆ ก็ยังเงียบกันอยู่เลย
เขาพูดราวกับว่าถูกบีบบังคับให้หมั้น ใครจะมาบังคับให้ฉันหมั้นกับเขา ในเมื่อเขาเป็นผู้ลากมากดี ในขณะที่ฉันเป็นเพียงแค่ลูกแม่นมต่ำต้อย ฐานะไม่อาจทัดเทียมเขาได้
“หาว~” ฉันป้องปากหาวพร้อมกับเหลือบสายตามองนาฬิกาที่ฝาผนัง ตอนนี้ก็เกือบตีหนึ่งแล้ว อีกไม่กี่ชั่วโมงก็เช้า
ครืน~ เปรี้ยง!~
เสียงฟ้าผ่าพร้อมกับเสียงลมกรรโชกรุนแรง ฉันถอนหายใจแรงแล้วลุกไปปิดหน้าต่าง ที่กำลังปะทะกันปึงปังเพราะแรงลม หลังจากปิดเสร็จเรียบร้อยฉันก็มานอนที่เตียง ฉันต้องพักผ่อนเพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าช่วยป้ารำไพทำอาหาร
ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ก่อนจะผล็อยหลับไป มารู้ตัวอีกทีก็ได้ยินเสียงโทรศัพท์แผดเสียงร้องขึ้น ฉันปรือตาพร้อมกับใช้มือควานหาโทรศัพท์ ฉันขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วหลับตาลง เมื่อเบอร์โทรศัพท์มันไม่คุ้นเคยเอาเสียเลย
“ฮัลโหล” ฉันกรอกเสียงด้วยน้ำเสียงงัวเงีย ตาลืมแทบไม่ขึ้น แต่พอได้ยินเสียงอู้อี้นั้นตาของฉันก็เบิกโพลง
(“มาหาพี่เดี๋ยวนี้”)
“พรุ่งนี้ได้ไหมคะพี่พัน ตอนนี้ชบานอนแล้ว”
(“พี่หิวน้ำ”)
“น้ำอยู่ในเหยือกที่โต๊ะตรงหัวเตียงค่ะ”
(“พี่ร้อน~”)
“ปรับแอร์ได้นะคะ”
(“ชบาแก้ว!”) เขาตะคอกผ่านโทรศัพท์ ฉันนิ่งไม่ได้เอื้อนเอ่ยคำพูดใด (“รีบมา พี่ร้อนจะตายอยู่แล้ว อยากได้พี่จนตัวสั่น ก็รีบมาปรนนิบัติพี่สิ”)
“แต่มันดึกมากแล้ว” ฉันกรอกเสียงตอบกลับไป ฉันชอบเขาก็จริง แต่ฉันไม่ได้อยากได้เขาจนตัวสั่นเหมือนที่พี่เขาพูด
(“อิดออดอะไรนักหนา โธ่เว้ย!”)
“…” ฉันไม่ใช่คนพูดยากอะไร ที่ผ่านมาฉันอยู่ในโอวาทของทุกคนมาตลอด ฉันกดวางสายแล้วนั่งครุ่นคิด ฉันควรจะไปเลยหรือจะรอพรุ่งนี้ ถ้าฉันไม่ไป พี่พันแสงก็คงหาคนเอาน้ำให้กินก็ได้ แต่ถ้าไม่มีใครเอาให้กินล่ะ เมาหนักขนาดนั้น จะลุกหาน้ำกินได้ไหม ความคิดวิ่งวน คิดไม่ตก สุดท้ายแล้วความห่วงใยก็ชนะ ฉันรีบคว้าเสื้อกันหนาวแขนยาวมาสวม เพราะตอนนี้ฉันใส่ชุดนอนยาว ถ้าเอาน้ำไปให้พี่พันแสงในสภาพนี้มันก็คงจะดูไม่ดี
หลังจากที่ใส่เสื้อแขนยาวเสร็จเรียบร้อย ฉันก็เปิดประตูเดินไปหยิบรองเท้าที่ชั้นวางรองเท้าเอามาสวมใส่ จากนั้นก็รีบเดินตรงไปที่ตึกใหญ่
ฉันเข้าไปทางด้านหลัง แล้วเปิดตู้เย็นหยิบน้ำออกมาสองขวด ที่จริงน้ำบนห้องของพี่พันแสงก็มี แต่มันน่าจะไม่เย็น ฉันก็เลยหยิบเผื่อขึ้นไป เห็นเขาบ่นว่าร้อน น้ำเย็น ๆ น่าจะช่วยได้
ฉันเดินขึ้นไปด้านบน พี่พันแสงกำลังนอนกระสับกระส่ายอยู่บนที่นอน เขาเปลือยท่อนบนแต่ท่อนล่างมีผ้าห่มคลุมเอาไว้ เหงื่อเขาไหลตามตัว ทั้งที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำ
“ชบาเอาน้ำมาให้ค่ะ ชบาวางไว้บนโต๊ะหัวเตียงนะคะ” ฉันวางขวดน้ำลงบนโต๊ะ แล้วหันหลังกลับ
“ชบา” เขาคว้าแขนฉันเอาไว้แล้วดึงรั้งลงบนเตียง
“ปล่อยชบานะคะ” ฉันดันร่างพี่พันแสงเอาไว้ ถึงฉันจะชอบเขา แต่ก็ใช่ว่าจะใจง่ายให้เขาทำอะไรตามอำเภอใจ คุณอลิซสอนฉันเสมอ ว่าเป็นผู้หญิงอย่าทำตัวง่าย เพราะมันดูไร้ค่า ฉันเองก็ไม่เคยง่ายกับใครที่ไหน ที่ผ่านมาฉันทำตัวดีมาตลอด ไม่เคยมีเรื่องเสื่อมเสีย
คุณอลิซดีกับฉัน สั่งสอนฉันให้เป็นเด็กดี ฉันทำทุกอย่างให้คุณอลิซสบายใจเสมอ ท่านส่งเสียให้เรียน ฉันก็เรียนเก่ง ได้เกรดดีตลอด ถึงเรื่องการเรียนจะเก่งมากแค่ไหน ชีวิตจริงฉันก็เป็นเด็กบื้อ สู้ใครไม่เป็น
“พี่ร้อน พี่ต้องการเธอชบา” ว่าจบเขาก็คร่อมร่างของฉันเอาไว้ ตอนนี้ฉันตกตะลึงเมื่อรู้ว่าเขาเปลือยทั้งตัว ฉันทำอะไรไม่ถูก ฉันตกใจไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนี้กับฉัน และไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในสภาพนี้
“พี่พันอย่าทำแบบนี้นะคะ พี่ตั้งสติให้ดีสิพี่พัน ตั้งสติก่อนนะพี่”
“พี่ไม่ไหว พี่ต้องการ” มือไม้ใหญ่ลูบไล้ไปทั่วร่างกายฉัน มือฉันพยายามยันอกของเขาเอาไว้
“พี่พันปล่อยชบานะคะ” ฉันผลักอกของพี่พันแรง ๆ แต่สู้แรงไม่ไหว พอจะตะโกนให้ทุกคนช่วย ริมฝีปากของฉันก็ถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหนา มือของฉันเลื่อนมาทุบที่แผ่นหลัง แต่ก็เหมือนเดิม เขายิ่งบดจูบรุนแรง มือบีบเค้นไปทั่วร่างของฉันแรงกว่าเดิม
สมองของฉันอื้ออึงมึนงง ฉันตกใจที่เขาทำแบบนี้ แต่รสจูบของเขาวาบหวามจนฉันตกอยู่ในภวังค์ ฉันพยายามดึงสติสัมปชัญญะที่กำลังเตลิดเปิดเปิงของตัวเองกลับมา รวบรวมพลังกำลังผลักร่างหนาของพี่พันแสงสุดแรง มันได้ผลเขาหงายหลังตกเตียงไป ฉันจึงลุกขึ้นกระโดดลงจากเตียง พอจะวิ่งไปที่ประตู ข้อเท้าของฉันก็ถูกคว้าเอาไว้ ทำให้ล้มชุนไปกับพื้น
“อย่าหนี พี่ไม่ยอมให้เธอหนีเด็ดขาด” ว่าจบก็ลากขาฉันเข้าหา แล้วตามมาคร่อมร่าง คราวนี้ฉันโดนตรึงแล้วถูกจูบไปทั้งดวงหน้า
“พี่พัน ปล่อยชบาเดี๋ยวนี้!” ฉันหวีดร้อง
“เธอจะดีดดิ้นเพื่ออะไร?!” เขาจูบฉันหนักหน่วง พอจะอ้าปากว่าฉันก็ถูกจูบ มือร้อน ๆ ลากไปทั่วร่างกาย ฉันหัวหมุนครั้งแล้วครั้งเล่า พยายามปฏิเสธมากแค่ไหน ร่างกายฉันกลับตอบสนองสัมผัสอย่างน่าอาย
พี่พันแสงสอดมือเข้าไปในเสื้อของฉันแล้วบีบเค้นอย่างเมามัน ฉันไม่รู้ตัวว่าจะทำอย่างไรกับสิ่งที่เกิดขึ้น เสื้อกันหนาวที่ฉันสวมใส่หลุดออกจากร่าง ตามด้วยชุดนอนตัวยาว ฉันโนบราเพราะตอนที่เขาโทรเรียกให้ฉันกำลังจะนอน ตอนนี้ร่างกายของฉันเปลือยเปล่า อวดความต่อสายตา
ลิ้นร้อนกระหวัดรัดเรียวลิ้น ร่างกายของฉันสะท้านเสียววูบวาบ รู้สึกเหมือนล่องลอยไปในอากาศ หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอย่างบ้าคลั่ง ฉันพยายามฝืนความรู้สึกเพราะรู้สึกกระดากที่จะให้เขาได้ยินเสียงหัวใจที่กำลังเต้นแรง
ร่างกายเห่อร้อนด้วยไฟพิศวาส ลิ้นสากตวัดลากเลียกวาดต้อนรสหอมหวาน ฉันรู้สึกสมองอื้ออึงมึนงง เขาจูบเร่าร้อนราวกับทะเลเดือด มือของเขาลูบไล้ไปทั่วร่างกายของฉัน ซ้ำยังซุกซนจนน่าตี
พี่พันแสงไม่หยุดรุกราน เขารั้งท้าทอยแล้วประกบริมฝีปากจูบฉันอย่างเร่าร้อน รู้สึกใจจะขาดกับสัมผัสที่แสนหวาน มือเล็กกระหน่ำทุบแต่คนตัวโตกลับบดจูบอย่างเอาแต่ใจ มือหนาลูบไล้บีบคลึงเต้าอวบของฉันอย่างเมามัน
“อื้อ” ฉันร้องท้วงในลำคอเบาๆ ยิ่งท้วงยิ่งอ่อนแรงร่างเล็กอ่อนระทวยในอ้อมแขน ฉันหลับตาเคลิบเคลิ้มร่างกายร้อนวูบวาบ ร่างกายเบาหวิวราวล่องลอย โดยมีมือหนาจับจูงชักนำ
พี่พันแสงจูบไปตามซอกคอระหง เลื่อนต่ำมาจนถึงยอดถัน เขาดูดดึงจนร่างฉันผวาตามปาก เรี่ยวแรงที่จะต่อต้านไม่หลงเหลืออีกแล้ว มันโอนอ่อนไปตามสัมผัสชวนหวามของเขา
“อื้อ พี่พัน” ฉันครางเสียวเมื่อปากเป็นอิสระ มือที่เคยผลักดัน ตอนนี้เปลี่ยนมาลูบไล้ พี่พันแสงแยกขาฉันออกแล้วสอดแทรกบางอย่างเข้ามา และแน่นอนฉันเจ็บมาก “พี่พัน ชบาเจ็บ!”
ฉันดิ้นอย่างแรง แต่เขากดสะโพกฉันเอาไว้ กระแทกท่อนเนื้อเข้ามาอย่างแรง ฉันหวีดร้อนดังลั่น พี่พันแสงจูบฉันแล้วกระแทกอย่างแรง ฉันเจ็บจนน้ำหูน้ำตาไหล ร่างกายเจ็บร้าวราวจะปริแตก พี่พันแสงรัวเอวสอบใส่ฉันอย่างบ้าคลั่ง ส่งเสียงครวญครางทุกคนที่รัวสะโพก
“อ๊า…” พี่พันแสงครางดังลั่น กระแทกเน้นหนัก กระตุกถี่ ๆ หอบหายใจแรง ๆ พอฉันผลักเขาออก เขาก็เริ่มบทรักครั้งใหม่ เริ่มขึ้นอีกหลาย ๆ ครั้ง กว่าบทรักของเขาจะจบลงก็เกือบเช้า ฉันรู้แต่ว่าฉันหมดแรง จนกระดิกตัวแทบไม่ได้ พอสิ้นสุดบทรักครั้งสุดท้าย ฉันก็หมดแรงนอนสลบไสลอยู่บนเตียง
