6
Chapter 6
เช้าวันต่อมา ฉันนอนอยู่บนเตียง ผ้าห่มผืนใหญ่ก็ถูกดึงอย่างแรงจนฉันสะดุ้งตื่นขึ้นมา พี่พันแสงหน้าบึ้งอยู่ปลายเตียงจ้องฉันอย่างไม่พอใจ ฉันเหลือบไปมองที่นาฬิกาตอนนี้ตีห้าแล้ว ฉันเพิ่งจะนอนได้ไม่ถึงชั่วโมงเลย ฉันก็ถูกเขากระชากผ้าห่มออกจากร่าง
“ลุก แล้วออกไปจากห้องพี่เดี๋ยวนี้!” น้ำเสียงของเขาดังห้วน ใบหน้าบูดบึ้งไม่สบอารมณ์ที่สุด ฉันลุกขึ้นนั่งพร้อมกับเบ้หน้า เมื่อรู้สึกเจ็บตรงใจกลางความสาว มันเจ็บมาก ทั้งเจ็บทั้งแสบ ท้องน้อยก็จุกไปหมด “รีบไปอย่าอิดออด อยากได้พี่อยากเป็นคุณนายจนตัวสั่น ถึงได้ขึ้นมาหาแบบนี้”
“…” ฉันหน้าเหวอ ตกใจไม่คิดว่าเขาจะพูดกับฉันแบบนี้ เมื่อคืนเขาเป็นคนโทรเรียกฉันขึ้นมาเอง ฉันไม่ได้อยากขึ้นมาเลย “เมื่อคืนพี่ให้ชบาเอาน้ำให้ ชบาเลย…” ฉันพูดไม่ทันจบพี่พันแสงก็โพล่งขึ้น
“พี่เมาก็จริง แต่คงไม่ทำอะไรสิ้นคิดแบบนั้นหรอก ถ้าพี่ทำจริง ก็แสดงว่าพี่ทำผิดพลาด ออกไปจากห้องพี่ แล้วเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ อย่าเปิดปากบอกเรื่องนี้กับใคร มีหน้าที่ทำอะไรก็ทำไป แต่อย่าพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูด อย่าพยายามแสดงตัวตนขึ้นมา”
ฉันหน้าชาอีกระลอก นี่ฉันกลายเป็นคนผิด กลายเป็นคนร่านที่ขึ้นมาหาเขาเอง ไม่คิดเลยว่าพี่พันแสงคนน่ารักแสนดี จะกลายเป็นแบบนี้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าอะไรทำให้เขาเปลี่ยนจากคนที่เอ็นดูฉัน กลายเป็นคนซังน้ำหน้า
“ค่ะ ไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ชบาจะไม่เปิดปากบอกเรื่องนี้กับใคร!” ฉันเสียงสั่น ไม่คิดว่าเขาจะเป็นผู้ชายใจร้ายได้ขนาดนี้
“ส่วนเรื่องหมั้น พี่จะไม่มีวันหมั้นกับเธอชบา”
“หมั้นอะไร ชบาไม่รู้เรื่อง” ฉันงง ไม่เข้าใจ
“เหอะ อย่ามาพูดว่าเธอไม่รู้เรื่อง คุณย่าจะให้พี่หมั้นกับเธอ ต่อให้เธอพยายามออดอ้อนคุณย่ามากแค่ไหน พี่จะบอกเธอให้รู้เอาไว้ พี่จะไม่ยอมหมั้น”
“ชบาก็จะไม่หมั้นเหมือนกัน!” ฉันรู้เหตุผลที่เขาไม่ชอบฉันแล้ว ถ้าเขาจะเข้าใจผิดฉันก็จนใจ ฉันจะไม่อธิบายให้คนที่ไม่พยายามเชื่อฉันเข้าใจหรอก
“หวังว่าจะทำอย่างที่พูด!”
“ค่ะ”
ฉันเดินไปหยิบชุดนอนของตัวเองมาสวมใส่ ค่อย ๆ เดินออกไปจากห้อง แม้จะเจ็บตรงนั้นแทบขาดใจ ฉันก็ต้องออกไปให้พ้นจากความน่าอับอายตรงนี้
คนใช้คนอื่น ๆ เริ่มทำงานกันแล้ว ไฟในครัวก็เปิดแล้ว ฉันจึงรีบเดินเลี่ยงไปทางประตูด้านหน้า เพื่อหลบสายตาคนที่จะมอง ตอนนี้ฉันเดินอย่างคนเสียศูนย์ ถ้ามีคนมาเห็น เขาต้องมองฉันเป็นตัวประหลาดแน่
ฉันเดินตรงไปที่เรือนเล็กแล้วล้มตัวนอน วันนี้ฉันคงทำงานไม่ไหว อย่าว่าแต่ทำงานเลย กว่าจะเดินมาถึงเรือนเล็กฉันก็แทบตาย เดินไม่ไหว เจ็บร้าวไปทั้งตัว ฉันนอนคิดอะไรไปเรื่อยก่อนจะผล็อยหลับไป
มารู้สึกตัวอีกทีก็ตอนประตูถูกทุบรัว ๆ ฉันตะเกียกตะกายลุกขึ้นไปเปิดประตูก็เจอดวงดารายืนอยู่หน้าประตู
“ป้ารำไพให้ฉันมาตาม ชบาเป็นอะไรหรือเปล่า ปกติเห็นลุกแต่เช้า วันนี้แกไม่เห็นเลยให้มาตาม”
“ชบาไม่สบายน่ะ”
“แล้วมียากินหรือเปล่า?” เธอแสดงท่าทางห่วงใยฉัน
“มีจ้ะ”
“งั้นก็พักผ่อนเถอะ เดี๋ยวดาราช่วยป้ารำไพเอง”
“จ้ะ ฝากด้วยนะดารา”
“อืม” ดวงดาราพยักหน้าแล้วเดินไปที่ตึกใหญ่ ส่วนฉันเดินมาล้มตัวนอนลงบนเตียง ก่อนจะผล็อยหลับไปอย่างอ่อนเพลีย
ฉันหลับ ๆ ตื่น ๆ ลำคอขมปร่าร่างกายยังคงร้อนระอุเพราะพิษไข้
“ตายแล้ว ทำไมถึงปล่อยให้ตัวเองไข้ขนาดนี้ชบาแก้ว” ฉันปรือตาขึ้นมอง ป้ารำไพเช็ดตัวให้ฉันบ่นอุบ “แล้วเนื้อตัวไปโดนอะไรมานี่ หรือว่าเพราะฝนตกเมื่อคืนเลยแพ้อากาศ เฮ้อ เอ…ตรงนี้มันรอยอะไร ช่างเถอะ ลุกมากินยาได้แล้วชบา”
“ค่ะคุณป้า” ฉันลืมตาขึ้นมอง ป้ารำไพกรอกยาใส่ปากให้ฉัน พอทำเสร็จท่านก็ออกไปจากห้อง ส่วนฉันยังคงนอนซมอยู่บนเตียง
******
พันแสงเดินหาวลงมาจากบนบ้าน กว่าจะตื่นเล่นเอาเที่ยงพออาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มาประจวบเหมาะกับคนใช้ตั้งโต๊ะอาหารเที่ยงพอดี เขาเดินไปนั่งที่เก้าอี้โต๊ะอาหาร คุณปู่คุณย่ากับแม่ของเขานั่งอยู่แล้ว ส่วนพี่ชายพี่สาวและพ่อคงออกไปทำงานแล้ว
“กว่าจะตื่นนะหลานชาย ย่านึกว่าจะนอนให้ถึงตอนเย็น” อลิซเหน็บหลานชาย พิมพ์รดาถึงกับส่ายหน้าเบา ๆ แล้วอมยิ้ม
“แหม่ เมื่อคืนผมดื่มหนักไปหน่อย กว่าจะได้นอนก็เกือบเช้า”
“แต่เห็นเอกบอกย่าว่า เมื่อคืนหลานมาเที่ยงคืน แล้วหลานทำอะไรอยู่จนเกือบเช้า” อลิซมองหลานชายอย่างรอคำตอบ
“ผมดื่มต่อ” ชายหนุ่มเฉไฉ แม้คำตอบที่ตอบคุณย่าไป จะเป็นการพูดปดก็ตาม
“โหย หลานปู่นี่มันคอห่านจริง ๆ ไปดื่มข้างนอกไม่พอ เมาเหมือนหมาจนไอ้เอกลากขึ้นห้อง ยังนั่งดื่มต่อได้อีก ไม่คอห่านทำไม่ได้นะ” โนอาห์หัวเราะในลำคอเบา ๆ
“หูยปู่ครับ แค่คอทองแดงก็พอแล้ว อย่าให้ถึงคอห่านเลย คิดแล้วขมคอเลย” ชายหนุ่มกลั้วหัวเราะ เมื่อคืนเมาหนัก จำอะไรแทบไม่ได้ ขับรถกลับมาได้ยังไงเขายังงง เฮ้อ ถ้าขับรถไปชนชาวบ้านเพราะเมาคงแย่
“ฮ่า ๆ”
“ตักข้าวสักทีสิ หิวจะตายอยู่แล้ว” ชายหนุ่มสั่ง ดวงดาราเลยรีบเสนอหน้าตักข้าวให้ พันแสงขมวดคิ้ว ปกติเป็นชบาแก้วทำ วันนี้ทำไมถึงเป็นดวงดาราได้ “อ้าว หกแล้ว ตามองอะไรอยู่เหรอดวงดารา” เขาเอ็ดเมื่อหญิงสาวเอาแต่มองหน้าเขา ไม่ได้สนใจตักข้าวเท่าที่ควร ทำให้ข้าวหกเลอะเทอะ
“ขอโทษค่ะ”
“ตักให้มันดี ๆ สิดารา” พิมพ์รดาเอ่ย เด็กสาวรีบพยักหน้ารับคำ บรรจงตักข้าวใส่จานให้ แล้วเก็บข้าวที่หกเลอะเทอะออก
“ชบาเป็นคนเรียบร้อยมากเลยนะ ถ้าไม่ป่วย วันนี้ดาราคงไม่ได้ทำ ดาราคงไม่ชินมือน่ะ นาน ๆ ได้มาทำหน้าที่ที่ไม่เคยทำ หลานก็อย่าถือสาเลย” โนอาห์เอ่ย
“ผมก็ไม่อะไรนะครับปู่ ผมแค่ไม่ชอบคนทำอะไรไม่ตั้งใจ แล้วชบาแก้วป่วย ป่วยเป็นอะไร?”
“เป็นห่วงเหรอหลานชาย” คนเป็นย่ายิ้ม มองหลานชายอย่างเอ็นดู
“เปล่าสักหน่อย ผมก็แค่ถามไปงั้นแหละ” ว่าจบก็ตักอาหารเข้าปาก ดวงดาราเม้มปากไม่พอใจทันที อะไร ๆ ก็ชบาแก้ว เธอทำอะไรก็ไม่ดีเลย
ไม่ดีก็ไม่พอ ไม่ได้อยู่ในสายตาอีก คิดแล้วโมโห
หลังจากรับประทานอาหารเสร็จเรียบร้อย พันแสงก็มานั่งลงที่ระเบียงห้อง เขามองไปที่เรือนเล็ก บ้านหลังนั้นปิดเงียบ เขาถอนหายใจแล้วเทเหล้าใส่แก้ว กระดกเข้าปากรวดเดียว
ติ้ง! เสียงข้อความดังขึ้น เขาจึงหยิบขึ้นมาดู
(ทับทิม : ทิมรู้มาว่าวันเกิดพี่ตะวันคือมะรืน พี่ตะวันชอบอะไรเหรอพันแสง ทิมจะไปเลือกซื้อของขวัญ)
“แม่งเอ้ย!” พันแสงโยนโทรศัพท์ลงบนโต๊ะแรง ๆ อย่างหงุดหงิด แล้วยกแก้วเหล้ากระดกรวดเดียว
