บทที่ 4 ออกงานด้วยกัน
หลังจากทั้งคู่ตื่นนอนก็แยกย้ายกันไปทำกิจวัตรประจำวันของตนเอง ครูซออกไปทำงานส่วนวันนี้เป็นวันหยุดของเซเวียร์ เป็นวันที่ต้องออกไปงานเลี้ยงกับคุณแม่และคุณย่าของครูซช่วงค่ำอีกด้วย
ช่วงเย็นครูซกลับมาเป็นเวลาที่เซเวียร์กำลังแต่งตัวเพื่อออกไปงานเลี้ยงกับที่บ้านเขา
ชายหนุ่มมาถึงก็กวาดสายตามองเธอแบบไม่ได้ทักทายก่อนจะปลีกตัวเข้าไปอาบน้ำ หลังจากเขาออกมาเซเวียร์ก็หันไปพูดคุยกับเขา เพราะเพิ่งวางสายจากคุณแม่ของครูซเสร็จ
“คุณแม่บอกว่าให้ฉันค้างที่บ้านใหญ่…” เซเวียร์แต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วและยังคงสวมใส่แค่ชุดคลุมอาบน้ำ
หญิงสาวเห็นชายหนุ่มเดินออกมาจากห้องน้ำและเขาเดินตรงเข้าไปที่วอล์กอินโคลเซตเปิดประตูตู้เสื้อผ้าเพื่อเลือกชุดเช่นกัน เธอจึงถือโอกาสที่กำลังแต่งตัวไปด้วยแจ้งเขาให้ทราบไปด้วย
คืนนี้เป็นงานวันเกิดของเจค เพื่อนสนิทอีกคนหนึ่งของเธอ เจคกับโคลเซเวียร์มารู้จักหลังครูซและวาดิม
“คุณแม่ท่านบอกว่ามะรืนเพื่อนท่านจะชวนไปทำบุญที่เชียงรายไปกันเป็นกรุปเลย แล้วมันตรงกับวันหยุดฉันพอดี…”
เซเวียร์ยังพูดไม่ทันจบครูซก็ปรายตามองเธอผ่านกระจกเงาของตู้เสื้อผ้า
เซเวียร์ได้รับคำชวนไปทำบุญทอดกฐินที่เชียงรายจากมารดาของครูซหลังจากตอบรับไปงานกาล่าดินเนอร์การกุศลประจำปีที่ตระกูลลีได้รับเชิญเป็นแขกกิตติมศักดิ์ทุกปี
“ฉันอยากไปทำบุญที่เชียงรายกะ…” เซเวียร์สบตาเขาผ่านกระจกเงาแค่เพียงครู่และหลุบตาลง
ปัง!
แต่อยู่ ๆ ครูซก็ปิดประตูตู้เสื้อผ้าเสียงดังลั่น เซเวียร์จึงเงยหน้าขึ้นไปมองเขาอีกครั้งและก็เห็นความไม่พอใจในสายตาคู่นั้นที่แผ่ซ่านออกมา
ร่างสูงในชุดคลุมอาบน้ำสีดำสนิทปรายตามามองเธอ มือของเขาหยิบเสื้อเชิ้ตสีขาวออกมาหนึ่งตัวพร้อมกับมองมายังอีกฝั่งหนึ่งของตู้เสื้อผ้า ที่เธอแขวนชุดที่ใช้สำหรับคืนนี้ไว้
“อย่าทำเกินหน้าที่ ฉันอนุญาตแค่ให้ไปงานเลี้ยงเป็นเพื่อนแม่ฉัน แต่กับพวกเพื่อนแม่…ไม่ต้องแสดงตัวไปให้ใครรู้จักเพราะอีกไม่นานเราก็จะหย่ากันแล้ว” ครูซพูดจบก็เดินมาหยิบไม้แขวนชุดของเธอก่อนจะยกมันขึ้นมาดู
สายตาของเขากวาดไปทั่วชุดนั้นก่อนจะเขวี้ยงชุดเดรสผ้าลินินสีชมพูอ่อนลงตะกร้าใส่ผ้าที่ใช้แล้ว
ที่ทำแบบนี้เป็นคำตอบว่าเธอจะใส่ชุดนั้นได้หรือเปล่า แล้วเขาก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เซเวียร์มองชุดที่นอนแอ้งแม้งในตะกร้า ในตอนนั้นกระบอกตาเธอร้อนผ่าว ชุดนั้นเป็นชุดที่มารดาของครูซเป็นคนส่งมาให้ แล้วคืนนี้เธอจะไม่ใส่ไปออกงานด้วยกันกับท่านได้ยังไง
คุณหมอสาวจึงเดินไปหยิบชุดที่โดนโยนทิ้งลงตะกร้าปะปนรวมกับผ้าสกปรกที่ใช้แล้ว คุณหมอสาวหยิบชุดเดรสนั่นออกจากไม้แขวน และกำลังเดินออกมาจากห้องแต่งตัว
“อ๊ะ!” มือหนาดังคีมคีบคว้าท่อนแขนเรียวเล็กกระชากให้มาประจันหน้า
“ฉันพูดไม่เข้าใจหรือไง?!” ดวงตาแข็งกร้าวจ้องมองเธอด้วยความไม่พอใจ
ตั้งแต่แต่งงานกันมาไม่มีสักครั้งที่พูดอะไรแล้วเซเวียร์จะไม่ฟัง แต่เพราะจะใส่ชุดนี้ถึงกล้าขัดคำสั่งเขา!
“ฉันแต่งหน้าทำผมเสร็จแล้วจะใส่ชุดนี้ ไม่ใส่คงไม่ได้”
เธออธิบายเสียงเบา สีหน้าและท่าทางไม่ได้มีความไม่พอใจปะปน แต่ใช้เหตุผลคุยกับครูซ
“ฉันบอกว่าไม่ให้ใส่ไง!” เขากระชากชุดไปแต่เซเวียร์ก็ยึดชุดไว้ไม่ยอมปล่อยคืน เรายื้อแย่งกันอยู่พักหนึ่งสุดท้ายเขาก็ได้ชุดไป
ครูซฉีกทำลายมันทันทีก่อนจะเขวี้ยงทิ้ง และใช้เท้าบดขยี้ทั้งยังใช้ปลายเท้าเตะชุดออกไปไกล
เซเวียร์หน้าถอดสีมองเขาด้วยแววตาเสียใจ
“ทำไมถึงทำแบบนี้คะ ชุดนี้ฉันไม่มีสิทธิ์ใส่หรือไง?!”
เพื่อชุดนี้แล้วเซเวียร์ถึงกล้าตวาดกลับมายิ่งทำให้ครูซยิ่งโมโห
เซเวียร์คิดว่าครูซไม่ต้องการให้เธอใส่คู่กันกับมารดาของเขาจึงทำแบบนี้กับเธอ…เซเวียร์ยอมรับว่าเสียใจที่แม้แต่ชุดที่แม่เขาหามาให้ครูซก็ไม่ให้เธอใส่
“อย่ามาประชดฉัน! ฉันสั่งอะไรก็ทำ!” ครูซเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าฝั่งเซเวียร์ เขากวาดเสื้อผ้าบนราวครึ่งหนึ่งมาโยนใส่เธอ
“ชุดที่ฉันสั่งตัดให้เธอมีเป็นครึ่งร้อยชุดทำไมไม่ใส่! ชุดนั่นมันทั้งผ่าหน้าและเปิดหลัง! ผ้าบางขนาดนั้นไม่หนาวหรือไง! ฉันไม่ให้ใส่! เพราะถ้าเธอใส่ไปก็เท่ากับเป็นการดูถูกฉัน! แต่งตัวไปงานกับแม่ฉันหรือจะแต่งไปโชว์ผู้ชายกันแน่!”
เซเวียร์รู้มาตลอดว่าครูซเกลียด แต่สิ่งที่เธอไม่คิดอยากจะเชื่อเลยคือเขาจะมองเธอแบบนี้ การแต่งตัวของเธอจะดูถูกทั้งตัวเองและตัวเขา ครูซกล้าคิดมันออกมาได้ยังไง
เซเวียร์ไม่เคยคิดจะทำแบบนั้นสักครั้ง และชุดนี่…เธอก็ไม่ได้เป็นคนหามาตั้งแต่แรก เป็นมารดาของเขาที่หามาให้ และเท่าที่เธอมองชุดมันไม่ได้โป๊เลยแถมยังมีเบลเซอร์คลุมทับอีก
เพียงแต่เซเวียร์ไม่ได้หยิบเบลเซอร์ออกมาแขวนคู่กัน
“พูดไม่ออกเลยใช่ไหม! ใช่สิ…ผัวเก่ากลับมาจากอังกฤษแล้วนี่ แถมครอบครัวมันก็ไปงานนี้ด้วย! เอาสิ! จริง ๆ เธอปิดแค่หัวกับ…ก็พอ” ครูซแค่นหัวเราะทั้งยังมองต่ำค้างไปที่กลางลำตัวเธอ
ไม่ต้องอธิบายเพิ่มเติมหรือตีความให้แตกฉาน ครูซกำลังตราหน้าว่าเธอตั้งใจใส่ชุดที่เขาไม่อนุญาตให้ใส่เพื่ออ่อยผู้ชายคนอื่นที่ไม่ใช่สามี
รวมไปถึงงานนี้ก็มีผู้ชายที่เคยคุยแต่ไม่เคยคบไปด้วย ครูซเหมารวมว่าผู้ชายคนนั้นเป็นผัวเก่าเธอ
เซเวียร์เหมือนมีลมหอบใหญ่พัดใส่ทำให้เกือบหน้ามืด เธอกำมือแน่นมองเขาด้วยสายตาทั้งผิดหวังและเสียใจ ความอุ่นร้อนที่ขอบตาเอ่อล้นน้ำตาจวนเจียนจะไหล
“เรื่องที่ฉันทำผิดต่อคุณ คุณด่าฉันได้นะ แต่อย่าเอาความคิดสกปรกมาพูดใส่ว่าฉันจะทำเรื่องไร้ค่าแบบนั้น ฉันเป็นผู้หญิงที่มีสามีแล้ว กับพี่ภูมิฉันไม่เคยตกปากรับคำคบกับเขา ส่วนจะใช่ผัวเก่าไหมคงต้องถามคุณ! เพราะคุณรู้ดีที่สุด!”
เซเวียร์พูดจบก็เชิดหน้าขึ้น ครูซกลับหัวเราะออกมาราวกับชอบใจ
ภูมิรักษ์ หรือ ภูมิ คือรุ่นพี่คนหนึ่งที่เซเวียร์เคยทำความรู้จัก แต่ความสัมพันธ์พัฒนาต่อไม่ได้ ก็เลยไม่คบ
“อ๋อ…ลืมไปฉันเป็นผู้ชายคนแรกของเธอ แต่เธอไม่น่ากล้าพูดแบบนี้นะ ที่บอกว่าตัวเองจะไม่ทำเรื่องไร้ค่า”
ครูซเย้ยหยันเธอ ก่อนจะลอยหน้าเหยียดยิ้มมองร่างเล็กตรงหน้าที่ตอนแรกก็ยืนตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ ก่อนจะจับปลายคางเล็กให้เงยหน้าขึ้นมาสบตากัน
“สิ่งที่เธอกับพ่อเธอทำมันยิ่งกว่าไร้ค่าอีกซี พูดออกมาก็อายปากบ้างเถอะ ฉันฟังยังเคืองรูหูเลย” หยาดน้ำตาสีใสไหลรินออกมาจากดวงตาคู่สวยทันทีที่ครูซพูดจบ
“ไม่เอาน่า…เดี๋ยวตาบวมไปงานเลี้ยงแม่จะมาด่าว่าฉันรังแกอะไรเธออีก” ครูซพูดปลอบพร้อมยิ้มใส่ ก่อนจะไล่ใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้เธอ
“ฮึกกก” เซเวียร์ปัดมือหนาออกจากดวงหน้า และหมุนตัวเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า เธอร้องไห้ไปเลือกชุดไปทั้งคับแค้นใจและน้อยใจอย่างที่สุด ที่ไม่ว่าอะไรก็สู้เขาไม่ได้เลยสักอย่าง
“จะร้องทำไมนักหนามันมีใครตายหรือไง!”
งานกาล่าดินเนอร์การกุศลประจำปีที่ตระกูลลีได้รับเชิญเป็นแขกกิตติมศักดิ์ทุกปี
เป็นครั้งแรกที่เซเวียร์ตอบรับมางานนี้กับมารดาและคุณย่าของครูซเพราะปีที่แล้วเธอก็ปฏิเสธ ปีนี้จึงควรมา
หลังจากลงจากรถยนต์ได้เซเวียร์ก็ตรงดิ่งเข้างานไปหาท่านโดยไม่สนใจสารถีจำเป็นที่อาสาขับรถมาส่งเพราะเป็นทางผ่าน
แต่อยู่ ๆ เขาก็เกิดเปลี่ยนใจเดินตามเธอเข้างานไปโดยที่หญิงสาวไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจะมาด้วยกัน
ครูซเดินตามหลังเซเวียร์มาติด ๆ แต่เขาโดนนักข่าวดักถ่ายรูปจึงจะเรียกเธอมาถ่ายด้วยกัน แต่หันกลับมาอีกทีก็เห็นหลังไว ๆ ของเซเวียร์ เดินไปทางที่คุณย่ากับมารดาของเขายืนรออยู่ก่อนแล้ว
ระหว่างทางก็มีคนทักทายมากมายเพราะหากเป็นงานสังคมครูซไปเป็นประจำอยู่แล้ว จึงรู้จักมักคุ้นกันค่อนข้างมาก เรียกว่าทั้งงานก็ว่าได้ กว่าจะหลุดออกมาจากผู้คนก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมง
เวลาครึ่งชั่วโมงที่ผ่านไปนั้น หางตาไม่รักดีมักจะเหลือบไปมองสามสาวคือเซเวียร์ มารดาและคุณย่าของเขา ที่ไม่ว่าพวกท่านจะเดินไปทางไหนก็ลากลูกสะใภ้ที่ถูกใจคนนี้ไปด้วยเสมอ
“แล้วไหนบอกไม่มา พ่อลูกชายเนื้อหอมของฉัน” ครูซเอียงตัวไปตามเสียงเรียกทัก ก่อนจะยกแก้วแชมเปญขึ้นจิบ สายตาจับจ้องไปที่เรือนร่างบางระหงที่ยืนประคองคุณย่าของเขาอยู่อีกมุมหนึ่ง
“ผมไม่ได้บอกสักคำว่าจะไม่มา…” คนเป็นแม่เหยียดยิ้มก่อนจะคว้าแก้วแชมเปญที่บริกรเดินเอามาเสิร์ฟเพื่อดื่มเช่นกัน
“ที่นี่ไม่มีสาว ๆ ให้บริหารเสน่ห์นักหรอก มีแต่รุ่นแม่ทั้งนั้น ที่มานี่ตั้งใจมาเฝ้าใครไหม?” เขาเหลือบสายตามองมารดาที่พูดประโยคนั้นและยิ้มมุมปาก
“ผมไม่จำเป็นต้องเฝ้าใครแม่ก็รู้…” คุณบุษบาร้องเฮอะออกมา ก่อนจะหรี่สายตามองเสี้ยวหน้าลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่มันพูดกับแม่แต่ตามองเมีย
จนครูซละสายตากลับมา เพราะเซเวียร์เงยหน้ามองมาทางนี้ แล้วเขาก็ถูกมารดาจับได้ว่ากำลังแอบมองเธออยู่ ชายหนุ่มจึงยกแก้วแชมเปญจิบแก้เก้อ
“ไม่ใช่ได้กลิ่นคนคุยเก่าเมียหรือไง ถึงได้มาแสดงความเป็นเจ้าของที่นี่”
“ผมว่าผมไม่ได้คิดแบบนั้นนะครับ”
“ให้มันเพลา ๆ ลงบ้างอยู่กันมานานขนาดนี้แล้ว”
ครูซยิ้มรับก่อนจะโอบร่างมารดา แววตาของเขาเปล่งประกายผู้ชนะเพราะต่อให้ไม่เฝ้า ก็ไม่มีใครกล้าไปจากเขาทั้งนั้น
“วันนี้วันเกิดไอ้เจคมันให้มาชวนซีไปด้วย ถ้าไม่ไปแม่ก็รู้ว่ามันจะวุ่นวายไม่จบ อีกอย่างผมว่างเลยแวะมาหาแม่กับย่านี่ไง ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านี้ครับ”
คนที่ปากบอกว่าไม่มีอะไรมากไปกว่านี้ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองพูดยาวกว่าปกติยาวเกือบสามบรรทัดแน่ะ!
คนเป็นลูกยิ้มเล็กน้อยก่อนจะยักไหล่เหมือนยืนยันว่ามันก็มีแค่นั้นจริง ๆ ตามที่บอก
มารดาเขาก็บ่นนิดหน่อยตามประสาก็เรื่องเดิม ๆ คือเขาพยายามพาเซเวียร์ออกงานด้วยกัน
ครูซก็ไม่อยากเถียงกับท่านให้เสียอารมณ์ เขาก็รับปากส่ง ๆ ไปว่าหากมีงานอีกเขาจะพาเธอไปด้วย
แต่ในขณะที่รับปากสายตายังคงจับจ้องไปที่ร่างบอบบางของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นภรรยา
เซเวียร์สวมใส่ชุดออกงานที่เขาเลือกให้ เป็นร้านตัดเสื้อชื่อดังที่ครูซใช้บริการเป็นประจำ
เดรสคล้องคอสีชมพูโอลด์โรสความยาวกรอมปลายเท้า เปิดเปลือยหัวไหล่กลมกลึง
แม้มันจะเป็นแบบเปิดหลัง แต่ก็มีผ้าซีทรูบาง ๆ กั้นไว้ไม่ให้เห็นเนื้อหนังมังสาชัดเกินไป
“ก็ดีแล้วแหละที่ไม่คิดเล็กคิดน้อย ตาภูมิเขาคบอยู่กับน้องสาวของซีเห็นมางานด้วยกันอยู่ ไม่รู้แกเจอหรือยัง”
เรื่องนี้ครูซรู้มาก่อนหน้านี้ไม่กี่นาทีจากเลขาของเขา คนอย่างนั้นก็แปลกไม่ได้พี่ก็เอาน้อง
“แล้วชุดนี้แกเลือกให้ซีใส่หรือไง?” ครูซพยักหน้าก่อนจะมองชุดมารดาและอยู่ ๆ ใจเขาก็หายวาบ
“ฉันอุตส่าห์ตัดชุดส่งไปให้ลูกสะใภ้จะได้เป็นตรีมเดียวกัน แกนี่มันมารผจญจริง ๆ ดูสิ! มีแค่คุณย่าแกกับฉันที่ใส่เท่านั้น แต่ก็ไม่เป็นไรหรอกดีว่าลูกสะใภ้ฉันสวย ไม้แขวนดีใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น”
จบคำพูดมารดาครูซถึงกับอึ้งไปเลย เขาเม้มริมฝีปากมองไปที่เซเวียร์ ตอนนั้นไม่ได้ยินแล้วว่ามารดาพูดอะไรบ้าง ในสมองเฝ้าคิดไปว่าก่อนหน้านี้เขาพูดอะไรกับเธอไว้บ้าง
“ชุดโป๊ ๆ นั่นแม่เป็นคนตัดแล้วส่งไปให้ซีเหรอครับ”
คุณบุษบาพยักหน้า ก่อนจะคืนแก้วแชมเปญแก้วเก่าที่หมดแล้วให้บริกรที่เดินผ่านมา และหยิบแก้วใหม่มาดื่มอีกครั้ง
“โป๊บ้าอะไรมันมีเบลเซอร์คลุมไม่เห็นหรือไงเนี่ย!” ใช่แล้วชุดที่มารดาเขาใส่เป็นชุดเดียวกับที่เซเวียร์ยืนยันจะใส่มางานนี้ให้ได้ แถมยังมีเบลเซอร์สีเดียวกันคลุมทับอีก
ครูซเข้าใจทุกอย่างแล้ว ถึงว่าเซเวียร์จะใส่ชุดนั้นให้ได้
เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงระบายลมหายใจหนัก ๆ ออกมาก่อนจะมองไปยังร่างเล็กที่ประคองคุณย่าเขาเดินมาทางนี้
ชายหนุ่มจึงวางแก้วแชมเปญในมือและเดินเข้าไปหาท่านพร้อมกับรอยยิ้มที่เผื่อแผ่ไปถึงคนข้างกายท่านด้วย
แต่ไม่ว่าจะถลึงตามองเซเวียร์ยังไงใบหน้ากลมเกลี้ยงเรียบนิ่งไร้รอยยิ้มนั้นก็ไม่หันมามองหน้าเขาเลย
“ครูซพาซีไปเข้าห้องน้ำเถอะลูก…”
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า คุณดูแลคุณย่าเถอะ ฉันไปเข้าห้องน้ำก่อน”
เซเวียร์เอ่ยปากบอกคุณย่าก่อนจะประคองท่านส่งให้กับคนที่ได้ชื่อว่าสามี ก่อนเธอจะหมุนตัวเดินออกมาจากงานเลี้ยงเพื่อไปเข้าห้องน้ำ
ที่จริงเธอไม่ค่อยชอบออกงานพวกนี้ ไม่ค่อยชอบอยู่ในที่ที่ผู้คนพลุกพล่าน เมื่อได้โอกาสจึงขอตัวออกมาสูดอากาศบริสุทธิ์
แม้จะเสียใจเรื่องที่เถียงกันกับครูซก่อนหน้านี้ แต่ครอบครัวของครูซดีกับเธอมาก ๆ มันก็เลยทำให้เธอมีแรงใจจะสู้ต่อ…เป็นการสู้ต่อไปแบบวันต่อวัน
“หลานสะใภ้ค่ะเป็นคุณหมออยู่ที่…”
“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นคนกันเอง นี่ไงคุณหญิงพิมาลาจำได้ไหมที่แม่พาเราไปสวัสดีตอนงานแต่ง”
“รักยิ่งกว่าลูกชายอีกค่ะ นี่รออุ้มหลาน…ซีมีหลานให้แม่กับคุณย่าสักคนนะลูก”
คุณย่าของครูซจับจูงมือเธอแทบจะตลอดเวลา ส่วนคุณแม่หรือคุณป้าบัว ก็คอยเดินตามประกบแนะนำเธอให้คนอื่นรู้จักไม่ขาดปาก
โชคดีของเซเวียร์ที่เป็นคนจำใบหน้าคนเก่ง เธอยกมือบางพนมขึ้นจรดหน้าอกและไหว้สวัสดีทุกคนด้วยกิริยางดงามชดช้อยไม่ทำให้คุณย่าและคุณแม่เสียหน้าแต่อย่างใด
ผ่านไปเกือบชั่วโมงที่งานเลี้ยงเริ่มขึ้น คุณแม่กับคุณย่ากำลังสนุกกับการพบปะสังสรรค์ผู้คน แต่เซเวียร์เริ่มปวดขาเนื่องจากยืนบนส้นสูงพื้นแดงนานเป็นชั่วโมงแล้วจึงขอตัวออกมาพักด้านนอก โดยบอกท่านว่าจะมาเข้าห้องน้ำ และส่งคุณย่าให้กับครูซดูแลต่อ
ตอนที่เห็นเขาในงานก็ค่อนข้างแปลกใจเพราะหากงานไหนที่เธอไปครูซจะไม่ไปอย่างแน่นอน
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงเปลี่ยนใจมาด้วยกันที่งานนี้ แต่สุดท้ายนั่นมันก็เรื่องของเขา
คุณหมอสาวฝ่าวงล้อมคนครึ่งร้อยออกมาเพื่อจะเดินมาเข้าห้องน้ำ แต่เพียงแค่เลี้ยวออกจากประตูห้องกาล่าก็พบน้องสาวต่างมารดากำลังยืนพูดคุยกับแฟนหนุ่มนักธุรกิจที่วันนี้ก็มาร่วมงานเลี้ยงด้วยเช่นกัน
ภูมิรักษ์อดีตคนคุยเก่าที่ตอนนี้กำลังคบหาดูใจกับน้องสาวต่างมารดาของเธอ
“อ้าว พี่ซีจริง ๆ ด้วย เห็นพัฒน์ไลน์บอกว่าพี่มางานเลี้ยงกับพี่ครูซ พิมพ์ไม่อยากจะเชื่อเลย ยังคุยกับพี่ภูมิอยู่เลยว่าจะเป็นไปได้เหรอที่พี่กับสามีจะออกงานด้วยกัน”
นี่คือคำทักทายแรกหลังจากที่พี่น้องไม่เจอกันนานหลายเดือน เซเวียร์เหมือนกับจะชินเสียแล้ว เธอกดยิ้มเล็กน้อยให้คนที่ได้ชื่อว่าเป็นน้องสาวก่อนจะยกมือไหว้ภูมิรักษ์ตามมารยาทและเตรียมจะเดินไปเข้าห้องน้ำต่อ
“เห็นไหมคะพี่ภูมิ พิมพ์บอกแล้วก็ไม่เชื่อว่าทุกครั้งที่พิมพ์ทักพี่ซี พี่ซีไม่เคยทักทายพิมพ์คืนเลย เราเหมือนคนที่เป็นพี่น้องกันที่ไหน”
เซเวียร์หยุดเดินก่อนจะปรายสายตามามองน้องสาวต่างมารดาที่เกาะแขนแฟนหนุ่มและตีสีหน้าเศร้าหมองราวกับเสียใจนักหนาที่คนเป็นพี่สาวอย่างเธอไม่ทักตอบ
“พอดีพี่จะไปเข้าห้องน้ำน่ะพิมพ์ ถ้าไม่มีอะไรแล้วขอตัวก่อนนะเดี๋ยวค่อยคุยกัน” เซเวียร์พูดจบก็ยิ้มให้กับน้องสาวและแฟน ก่อนจะก้าวเท้าเดินออกมาจากตรงนั้น
“พิมพ์ก็คิดมาก ไม่มีอะไรหรอกครับ ไปเถอะเข้างานกัน”
“จะไม่มีอะไรได้ยังไงล่ะคะพี่ภูมิ หรือว่าที่พี่พูดแบบนี้เพราะพี่ยังมีใจให้พี่ซีอยู่กันแน่!”
เซเวียร์เดินเลี้ยวเข้ามาในห้องน้ำแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจ ขนาดว่าเธออยู่เฉย ๆ เรื่องก็วิ่งเข้ามาหา
