บทที่ 2 นี่แค่เริ่มต้น
งานหมั้นและงานแต่งงานถูกจัดขึ้น หลังจากนั้นแค่เพียงหนึ่งเดือน เซเวียร์ได้มาใช้นามสกุลลี และเป็นคนในตระกูลลีอย่างสมบูรณ์ก่อนงานแต่งจะถูกจัดขึ้นเสียอีก
เซเวียร์ต้องย้ายเข้าไปอยู่ในคอนโดของครูซไม่ใช่เพราะเขาอยากให้ไปอยู่ด้วยกัน
แต่เพราะคนที่บ้านครูซคือคุณย่าที่ครูซรักและเคารพบอกให้พาภรรยาไปอยู่ด้วยกัน ครูซจึงจำใจทำเช่นนั้น
เซเวียร์ยังคงเป็นที่รักของครอบครัวครูซเหมือนเดิมจนน่าแปลกใจ และไม่มีใครพูดถึงเรื่องในวันนั้นอีก
จะมีเพียงครูซที่จะย้ำคิดย้ำทำกับเธอในเรื่องนั้นเสมอเหมือนไม่อยากให้เราทั้งคู่ลืมเลือนว่าที่ได้แต่งงานกันเพราะเหตุผลอะไร
สถานการณ์ระหว่างเซเวียร์กับบิดาก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ เหมือนเดิม ท่านได้เงินค่าสินสอดไปทั้งหมด ตอนนี้ก็หายเข้ากลีบเมฆ
“ไปไหนมา!! ฉันบอกแล้วใช่ไหมเวลาโทร. หาให้รับ!!”
มันเหมือนเป็นภาพจำที่เล่นทับซ้อนอยู่ทุกวันหลังกลับจากที่ทำงาน คนอื่นทำงานเหนื่อยกลับบ้านคือได้พักผ่อน แต่กับเซเวียร์ไม่มีโมเมนต์นั้นเลย
ระดับความรุนแรงที่จะได้พบเจอขึ้นอยู่กับอารมณ์ของเจ้าของห้องว่าวันนี้เขามีอารมณ์เป็นเช่นไร มากหรือน้อยตามลำดับ แต่ไม่ว่าจะระดับไหนเซเวียร์ก็รับได้หมด
“ซีผ่าคลอดด่วนน่ะ…ขอโทษที่ไม่ได้โทร. บอกนะ”
“ฉันไม่ยกโทษให้!”
เพล้ง!
แก้วบรั่นดีถูกเขวี้ยงมาจากโซฟารับแขกกลางห้องกระแทกผนังห้องจนมันแตกกระจาย น้ำสีเหลืองอำพันที่คงมีอยู่เกือบครึ่งกระเด็นเปรอะเปื้อนไปทั่วบริเวณพื้นหน้าประตูห้องพัก
เซเวียร์ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่ประตูห้อง เมื่อเห็นว่าครูซหยุดการทำลายข้าวของแล้วเธอจึงเดินไปถอดรองเท้าก่อนจะหมุนตัวกลับมาก็พบว่าครูซเดินเข้ามาประชิดตัว
“ฉันพูดกับเธออยู่นะซี! ฉันพูดกับเธอไม่ได้ยินหรือไง!”
แอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งออกมาจากลมหายใจของชายหนุ่มทำให้ขนที่ศีรษะเธอลุกชัน ครูซน่าจะเมามาก
“ซีถอดรองเท้าอยู่นะครูซ…” ฝ่ามือหนาสอดเข้ามาในกระโปรงทรงเอสีสุภาพที่เธอใส่ไปทำงาน
“ทำไมไม่รับสาย อยากโดนดีหรือไง!” นิ้วมือที่บดขยี้เข้ามาที่จุดอ่อนไหว เธอยกมือขึ้นดันกำแพงห้อง ก่อนจะกัดริมฝีปาก
“ครูซ…”
“เธอมันคนร่านอยู่แล้วนี่…ดูสิ แฉะเลย”
ปลายนิ้วร้ายที่จุ่มจ้วงเข้าออกในร่องรักที่คับแน่นของเธอ เขาเพิ่มปริมาณนิ้วมือเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วก่อนจะขยับข้อมือและใช้ปลายจมูกไซ้ลำคอพร้อมกับขบกัดไปด้วย
“อึกกก คะ ครูซ อย่า…”
“ปากบอกอย่า…แต่ตอดนิ้วฉันแทบขาดเลยนะ”
เซเวียร์ขบริมฝีปากจนเจ็บไปหมด เธอหลับตาลงเพราะฉุนแอลกอฮอล์ที่ออกจากลมหายใจครูซ แต่มือหนาที่ตะปบอยู่ที่ใบหน้ากลับออกแรงบีบก่อนจะประกบริมฝีปากร้อนจัดจูบลงมา
จุมพิตหยาบกระด้างกับมือหนาที่กระชากเสื้อผ้าที่เธอสวมใส่ออกโดยไม่สนว่าเนื้อผ้ามันจะบาดผิวเธออย่างไร
เซเวียร์ผลักเขาออกไปสุดแรงแต่ครูซกลับกอดเธอไว้แน่น เขากวาดต้อนลิ้นสากเข้ามาในโพรงปากฉุดกระชากเธอเข้ามาภายในห้องและจับเธอโยนลงไปที่โซฟา
แควก! แควก!
“ครูซ! ปล่อยซีนะ!” คุณหมอสาวปัดป้องพัลวัน
เสื้อเชิ้ตเธอโดนเขากระชากกระดุมจนขาด แม้แต่กระโปรงที่สวมใส่ก็โดนทำลายด้วยเช่นกัน
“ชอบไม่ใช่เหรอ…ชอบให้ฉันเอาเธอแรง ๆ ไม่ใช่เหรอ”
เขากดสะโพกเธอลงก่อนจะสอดเสียบความใหญ่โตเข้ามาหา โดยที่เสื้อผ้าของเรายังหลุดออกจากร่างกายไม่หมดด้วยซ้ำ
แพนตี้ที่สวมใส่อยู่โดนฉีกออกจนขาดหลุดลุ่ยไปหมด แท่งเอ็นอุ่นร้อนที่สอดใส่เข้ามาโดยที่เธอยังไม่พร้อมสร้างความเจ็บแสบเหลือคณานับ แต่สิ่งที่ปวดร้าวที่สุดคงเป็นหัวใจ
เมื่อในขณะที่เธออยู่ใต้ร่างเขาและครูซกำลังกระทำย่ำยีร่างกายเธออยู่ เซเวียร์ก็หันไปเห็นกล่องสีแดงกำมะหยี่ที่เธอจำได้ดีว่ามันไม่ใช่ของเธอ…
“เธอทำลายชีวิตฉัน! ได้ทุกอย่างที่เธอต้องการไปหมด! อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่น! เรื่องแค่นี้อดทนหน่อยไม่ได้หรือไง!”
“อื้อ!” ครูซอัดกระแทกความใหญ่โตเข้าหาโดยไม่สนว่าเธอจะเจ็บปวดหรือไม่อย่างไร เขาแสดงออกราวกับสัตว์ป่าผู้หิวโหย
เซเวียร์คือผู้ที่ต้องรองรับการกระทำที่รุนแรงและป่าเถื่อน
ครูซไม่สนใจทั้งนั้น ถ้าเขาอยากจะได้เซเวียร์ตอนไหนเมื่อไหร่เขาต้องได้!
“ผู้หญิงหน้าเงิน! เธอไม่มีค่าอะไรเลยด้วยซ้ำ! และอย่าคิดว่าฉันพิศวาสอะไรเธอ เพราะที่ฉันเอาเธออยู่นี่ก็ขัดดอกกับเงินที่พ่อเธอมาเอาจากฉันไปแล้วกัน!!”
“ทะเบียนสมรสที่ได้ไปคิดเหรอว่ายังจะแยแส! ไม่เลยซี…เธอจำใส่กะลาหัวโง่ ๆ ของเธอเอาไว้ว่าที่ตรงนี้มันไม่ใช่ของเธอ! มันไม่ใช่ตั้งแต่แรก!” เซเวียร์รู้ดีว่ามันไม่ใช่ของเธอตั้งแต่แรก
ครูซเป็นผู้ชายคนหนึ่งที่เธอรัก รักจนหัวใจเต็มไปด้วยบาดแผล น้ำตาของเธอปลิวหายไปกับความรวดร้าวอาลัยในหัวใจ
ทุกครั้งที่ครูซเมาเขาก็มักจะอาละวาดและพร่ำพูดประโยคนี้กับเธอเสมอ
หากเขาโทร. หาและเธอไม่รับสาย ครูซก็จะโทร. จิกเป็นสิบสาย บางครั้งเป็นร้อยสายเพื่อให้เธอกลับไปรองรับอารมณ์ของเขา
ครูซเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่เธอทำงานอยู่ เป็นบอร์ดบริหารโรงพยาบาล นั่นเท่ากับว่าเซเวียร์เป็นลูกน้องเขา
บางครั้งเธอหวาดกลัวไม่รู้ว่าจะโดนเขาแกล้งยังไงบ้าง เซเวียร์จึงไม่เผชิญหน้ากับครูซที่ทำงานเลย เรียกว่าต่างคนต่างอยู่
เซเวียร์ร้องไห้โดยไร้เสียงสะอื้นและยิ่งครูซเห็นแบบนี้ก็ยิ่งหงุดหงิด ลงมือกับเธอให้เจ็บมากกว่าเดิมอีก เขาทำโดยไม่สนใจว่าการกระทำของเขาจะทิ้งบาดแผลไว้ในหัวใจเธอมากมายแค่ไหน
การแต่งงานของเซเวียร์และครูซ หากมองภายนอกก็เหมือนเพื่อนสนิทที่ขยับเลื่อนมาเป็นสามี-ภรรยากัน จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจค้างนานอยู่หลายเดือน
แต่ไม่ว่ารายการทีวีนักข่าวสำนักไหนขอสัมภาษณ์ หรืองานเลี้ยงไหน ๆ เชิญคนทั้งคู่ไปออกงานด้วยกัน ไม่มีสักงานหรือสักครั้งที่สองคนจะรับงานคู่กัน
เซเวียร์ทำตัวเป็นภรรยาที่เก็บตัวเงียบ มีบ้างที่รับสัมภาษณ์จากนักข่าวแต่จะเป็นในเรื่องงานเท่านั้น และจะไม่ตอบคำถามเรื่องส่วนตัวสักครั้งเดียว
หากจะมีงานเลี้ยงเชิญไปก็จะมีเพียงครูซที่ฉายเดี่ยวไปแบบสม่ำเสมอทุกงาน หากมีใครถามถึงภรรยาของเขา
ครูซก็ใช้คำตอบเดียวคำตอบเดิมว่าภรรยาของเขา เธอไม่ชอบความวุ่นวาย แต่ความจริงแล้วก็มีเพียงเขาและเซเวียร์ที่รู้เท่านั้น
บางทีเขาก็กลั่นแกล้งด้วยการชวนเธอไปงานเลี้ยงด้วยกัน พอเธอแต่งตัวเสร็จคำชวนก็ถูกยกเลิก
‘ไม่ต้องไป…ฉันต้องการออกงานคนเดียว’
ผ่านไปสักประมาณหนึ่งปีเซเวียร์ก็เริ่มชิน เธอไม่สนใจว่าครูซจะชวนหรือไม่ชวนเพราะต่อให้ชวนเธอก็ไม่ไป บางครั้งเขาจึงพาเพื่อนผู้หญิงหรือรุ่นน้องผู้หญิงไปเป็นคู่ควงแทน
ซึ่งพอมีข่าวลงเช่นนี้แน่นอนว่ามันต้องมีปัญหาตามมา ด้วยเราทั้งคู่เป็นคนมีชื่อเสียง ครูซก็มีหน้ามีตาโดดเด่นในสังคมไฮโซและสังคมชั้นสูง ส่วนเซเวียร์ก็เป็นหมอที่มีชื่อเสียงและมีหน้ามีตาทางสังคมเช่นกัน
ข่าวก๊อสซิปว่าเราระหองระแหงกันของเรามีแทบทุกเดือน แต่มันก็เหมือนสำนักข่าวตบมือข้างเดียว
เพราะหากวันไหนมีข่าวเรื่องเราขึ้นมารุ่งขึ้นอีกวันบ้านใหญ่ตระกูลลีก็จะชวนเราสองคนไปรับประทานอาหารร่วมกัน และมารดาของครูซก็จะลงรูปครอบครัวซึ่งมีครูซและเซเวียร์นั่งเคียงข้างกัน แค่นั้นก็สยบข่าวลือ
เหมือนจะมีคนหลายกลุ่มที่มานั่งสาปส่งว่าเมื่อไหร่เราสองคนจะเลิกกัน แต่ก็นั่นแหละ…เซเวียร์ไม่ได้ใส่ใจแล้ว
เธอไม่ได้อยู่ในจุดที่สามารถพูดกับครูซได้ทุกเรื่อง ยิ่งเป็นเรื่องนี้ยิ่งไม่มีสิทธิ์
เซเวียร์จึงเก็บความรู้สึกที่ถูกด้อยค่านี้ไว้อย่างเงียบเชียบ ปล่อยให้ความรู้สึกนี้กัดกร่อนหัวใจไปเรื่อย ๆ จนเมื่อถึงวันหนึ่งที่ทนไม่ไหวเธอจะถอยออกไปเอง
เซเวียร์คิดว่าเรื่องของเธอกับครูซก็เหมือนภูเขาไฟลูกเล็ก ๆ ที่พร้อมจะปะทุทำลายและเธอจะรอจนกว่าจะถึงเวลานั้น
รูปภาพ
[ขอบคุณเจ้าภาพใจดีสุดหล่อเจ้าของโรงบาลนะคะ แชมเปญอร่อยมากเลย]
ช่วงแรก ๆ เรียกว่าปรับตัวลำบาก ในบางครั้งเซเวียร์ค่อนข้างอ่อนไหวจนถึงขั้นอ่อนแอ แต่เพราะเธอมีความรักที่มีต่อครูซเป็นทุนเดิม และมีงานที่หล่อเลี้ยงชีวิต การดำเนินชีวิตในแต่ละวันจึงไม่ได้เศร้ามากมายนัก
เซเวียร์เพียงต้องยอมรับและเสแสร้งว่าตัวเองเข้มแข็งอยู่เสมอ
แต่เมื่อเห็นรูปภาพเขาแนบชิดกับใครต่อใครโดยเฉพาะผู้หญิง แม้จะบอกให้ตัวเองเข้มแข็งแค่ไหนก็อ่อนแอทุกครั้ง
แม้รูปภาพมันจะไม่ได้น่าเกลียดหรือสื่อไปในทางลบในความสัมพันธ์ของเราก็ตาม แต่เธอก็ยังเสียใจอยู่ดีที่ที่ตรงนั้นมันไม่เคยเป็นของเธอเลย ในชีวิตของครูซไม่เหลือที่ว่างใดให้เธออีกแล้ว
มันจริงที่เวลาจะเยียวยาทุกอย่าง…หนึ่งปีผ่านไปแล้วกับการแต่งงานของเรา ชีวิตคู่ที่ทรง ๆ ทรุด ๆ มันกำลังก้าวเข้าสู่ปีที่สอง
ชีวิตคู่ของเธอมันอาจจะไม่ได้ดีมาก หรือไม่เคยมีวันที่ดีเลย แต่ก็ไม่ได้ร้ายแบบที่เธอจะต้องนอนร้องไห้จนหลับอย่างเช่นช่วงแรก
เซเวียร์คิดว่าทั้งหมดเป็นเพราะเธอปรับตัวได้แล้ว เธออยู่กับมันจนได้แล้ว
“พรุ่งนี้แม่ให้เธอไปออกงานกับท่าน…”
“งานอะไรคะ?”
“ฉันไม่ใช่แม่ อยากรู้ก็ไปถามท่านสิ!”
เซเวียร์พยักหน้าเข้าใจก่อนจะก้มตัวลงไปถอดรองเท้าเก็บเข้าชั้นรองเท้า และไม่ได้ปริปากพูดอะไรอีก
ทุกครั้งที่ครูซหาเรื่องเธอ สิ่งที่เซเวียร์ทำคือเงียบ ไม่ได้ประชดประชันหรือโกรธเขา แต่เธอเข้าใจทุกสิ่งและยอมรับได้ในทุกอย่าง
“ไปไกล ๆ หน้าหน่อยเห็นแล้วหงุดหงิด” ไม่ต้องรอให้ครูซพูดจบเซเวียร์ก็เดินหายไปจากครรลองสายตาแล้ว
หญิงสาวเดินผ่านหน้าเขาไป เธอเข้าห้องไปอาบน้ำเตรียมตัวนอนโดยไม่รู้ว่ามีสายตารุ่มร้อนคู่หนึ่งมองตามไปจนลับสายตา
“หึ!”
ช่วงเข้าสู่ปีที่สองของการแต่งงาน ครูซเริ่มดื่มน้อยลงจากที่ต้องดื่มทุกวันก็เปลี่ยนเป็นแค่คืนศุกร์-เสาร์ คงเป็นเพราะว่าเขาคงตกตะกอนความคิดได้
ด้วยสภาพร่างกายประกอบที่มีโรคประจำตัวคือภูมิแพ้ตั้งแต่กำเนิดกับอายุที่เพิ่มมากขึ้น งานที่ก็เยอะตามกันมา จะให้มาดื่มทุกวันแบบเดิมคงไม่ไหว ครูซจึงหันกลับมาดูแลตัวเองอีกครั้ง
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนเดิมสม่ำเสมอคือทุกครั้งที่เมา…ก็จะมาอาละวาดกับเซเวียร์เหมือนเดิม
“เมื่อไหร่จะยอมหย่า…”
เซเวียร์ไม่เคยตอบรับเรื่องหย่ากับครูซ ไม่ใช่เซเวียร์ไม่เจ็บปวด แต่เพราะเธอยอมรับในเรื่องนี้ได้
แม้ว่าครูซจะแสดงออกว่าเกลียดชังเธอมากเหลือเกิน
แต่หากเรายังเป็นสามี-ภรรยากันอยู่ สักเศษเสี้ยวของการกระทำที่ลึกซึ้งของเขาก็เหมือนมีน้ำที่หล่อเลี้ยงต้นไม้ในหัวใจของเธอไม่ต้องให้มันยืนต้นตาย
แต่ถ้าหากเธอยอมหย่า ความเป็นเพื่อนก็ไม่มีเหลือ
ครูซอาจจะหายออกไปจากชีวิต และในตอนนี้…เซเวียร์ยอมรับอย่างหมดใจว่าเธอไม่อาจจะทำใจได้ จึงยินยอมที่จะเป็นผู้หญิงที่โง่งมคนนั้น คนที่บูชาความรักอย่างไม่ลืมหูลืมตา
‘เธอควรรักคนที่รักเธอนะซี จะต้องมีคนที่ดีกว่าไอ้ครูซแน่นอน’
‘ขอให้เคารพการตัดสินใจของฉันด้วย’
‘แม้ว่าสุดท้ายแล้วจะมีแค่เธอที่เสียใจน่ะเหรอ?’
‘ถ้าวันไหนที่ฉันจะต้องเสียใจ วันนั้นฉันจะไปให้แกปลอบนะ’
เซเวียร์เฝ้าย้อนนึกถึงคำพูดของ วาดิม โจว เพื่อนสนิทอีกคน
วันที่วาดิมรู้เรื่องทั้งหมดเพื่อนขอร้องให้เธอคิดใหม่ แต่เซเวียร์ก็ยืนยันไปว่าเธอต้องการให้ทุกอย่างเป็นเช่นนี้
และในเมื่อเซเวียร์ต้องการเช่นนี้วาดิมก็พร้อมจะออกตัวให้ เพราะวาดิมก็เป็นอีกคนที่รู้ว่าเซเวียร์แอบชอบครูซมานานแล้ว และเพราะเรื่องนี้ทำให้ครูซกับวาดิมเคืองใจกันพักใหญ่
นี่คืออีกเหตุผลที่ครูซยิ่งเกลียดในสิ่งที่เซเวียร์ทำ เธอไม่ได้แค่ทำลายชีวิตเขา แต่เธอทำลายมิตรภาพที่ยาวนานของพวกเราทุกคน ทำพังจนไม่เหลือชิ้นดี และเธอก็ไม่มีความละอายเลยสักนิด!
