บทที่ 5 ทำอะไรไม่เคยถูกใจสักอย่าง
ภูเมฆกระโดดลงจากเตียงเพื่อวิ่งตามหลังคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ก่อนคว้าเธอเข้าสู่วงแขนได้ทัน กระชับกอดเธอแน่นเพื่อรั้งไม่ให้หนีไปไหน
“ปล่อยนะพี่เมฆ ฉายจะไปอาบน้ำ” พยายามขัดขืนสุดฤทธิ์ ขณะนี้อยากเอาตัวเองออกห่างเขามากที่สุด เนื่องจากบทสนทนาระหว่างกันก่อนหน้ายังคงตอกย้ำความรู้สึกได้ดี เจ็บปวดรวดร้าวไปหมดทั้งใจ ไม่ต่างถูกเข็มนับหมื่นเล่มทิ่มแทง
“ที่เธอพูดเมื่อกี้หมายความว่าไง”
“ก็อย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ”
“เดือนฉาย!!” บีบท่อนแขนเล็กแน่น จ้องเขม็งคนในอ้อมกอดด้วยแววตาเกลียดชังปนขยะแขยงในถ้อยคำนั้น
“ทำไมล่ะคะ ฉายจะให้เด็กที่พ่อไม่ต้องการเกิดมาทำไม”
“ฉันไม่คิดเลยเธอจะจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนี้ เลวที่สุด!!” ตะคอกใส่หน้าหวานเสียงดังสนั่น จนเธอสะดุ้งเฮือกหนึ่ง
“ใช่ ฉายมันเลว เพราะฉายไม่เคยเป็นที่ต้องการของใครเลย” ประโยคท้ายเริ่มเบาลงเรื่อย ๆ ตามด้วยเสียงสะอึก
“ไม่ต้องมาแกล้งบีบน้ำตาหรอกนะ ฉันเคยบอกแล้วไงน้ำตาของเธอไม่ได้ทำให้ฉันหวั่นไหวสักนิดเดียว”
“ทำไมฉายต้องรักคนอย่างพี่เมฆด้วยนะ ฉายเกลียดตัวเองเหลือเกิน” ยกหลังมือเล็กขึ้นซับน้ำตาบริเวณพวงแก้มนวล
เธอไม่เข้าใจตัวเองสักนิด ทำไมถึงยังรักผู้ชายคนนี้ คนที่ทำให้เจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ต่างจากคนโง่เขลา
ความเงียบเข้าปกคลุมภายในห้อง หลังสิ้นสุดคำพูดของเดือนฉายก็ไม่มีเสียงใดเล็ดลอดจากปากคนทั้งสอง
กว่าภูเมฆจะเอ่ยขึ้นทำลายบรรยากาศอันน่าอึดอัด ก็ล่วงเลยผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ
“อาบน้ำกันเถอะ” ไม่พูดเปล่า คนตัวโตช้อนเดือนฉายในท่าเจ้าสาวเข้าสู่อ้อมแขนเพื่อมุ่งหน้าเข้าห้องน้ำ หญิงสาวไม่ได้ขัดขืนยอมจำนนต่อการกระทำของเขาง่าย ๆ
ทั้งสองคนแช่ตัวด้วยน้ำสมุนไพรในอ่างอาบน้ำขนาดใหญ่ ที่ภูเมฆเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด โดยชายหนุ่มโอบกอดเดือนฉายจากด้านหลัง และเธอพิงศีรษะกับแผงอกล่ำสัน
‘เธอไม่ได้สำคัญกับฉันด้วยซ้ำ ทำไมถึงปล่อยไปไม่ได้สักทีนะ’
ทำได้แค่พูดในใจพลางปรายตามองคนตัวเล็ก ซึ่งเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้วด้วยความเหนื่อยล้ากับบทรัก
“ฮึก ฉายเจ็บเหลือเกิน” คนหลับละเมอออกมา ทำให้ภูเมฆเหลือบมองเห็นคราบหยาดน้ำใส จึงช่วยซับออกอย่างเบามือที่สุดด้วยความกลัวจะทำเธอตื่น
“ความรู้สึกนี้คืออะไรแน่” รู้สึกปวดหนึบตรงหน้าอกข้างซ้าย เลยยกมือขึ้นบีบหวังหยุดอาการเหล่านั้น
ก่อนความคิดกับความรู้สึกจะเลยเถิดไปมากกว่านี้ ภูเมฆไม่รีรอทำการอาบน้ำให้เดือนฉายกับตัวเองจนเสร็จสิ้น แล้วพากันออกไปข้างนอกก่อนแต่งตัวให้เรียบร้อย
“หลับสบายเลย” นอนตะแคงข้างมองดูหญิงสาวหลับอย่างเอ็นดู จากนั้นดึงเข้าสู่วงแขนพร้อมหลับใหลไปด้วยกันตลอดทั้งคืน
นับจากเหตุการณ์เมื่อคืนกระทั่งถึงเช้าวันใหม่ เดือนฉายกับภูเมฆแทบไม่ได้พูดคุยกันสักคำ ทั้งคู่เพียงแค่มองหน้ากันเงียบ ๆ แต่ก็รับรู้ถึงความรู้สึกของกันและกัน
ทว่าพ่อเลี้ยงหนุ่มกลับรู้สึกหงุดหงิดถึงพฤติกรรมของเดือนฉาย เพราะผ่านมาแล้วครึ่งวัน อีกคนยังไม่มีท่าทีจะเอ่ยปากพูด แถมวันนี้ดันเป็นวันหยุดของเขาจึงไม่ต้องเข้าไร่ เลยมีเวลาว่างอยู่กับเธอ
ขณะนี้เขากับเธอกำลังอยู่ในห้องนั่งเล่น ซึ่งเดือนฉายเอาแต่จ้องมองภาพเคลื่อนไหวในจอโทรทัศน์ ไม่แม้เหลือบมองคนข้างกายสักนิด นั่นยิ่งส่งผลให้ภูเมฆขุ่นเคือง
“นี่เธอ” ในที่สุดทนไม่ไหวกับสงครามประสาทของเธอ จึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
เธอเหลือบมองเขาด้วยหางตาแวบหนึ่ง และให้ความสนใจทีวีต่อทำราวกับเขาคือธาตุอากาศ ไม่จำเป็นต้องแยแส
“เดือนฉาย จะเอาแบบนี้จริงเหรอ” คว้าข้อมือเล็กขึ้นมาบีบด้วยอารมณ์เดือดพล่าน
“ฉายทำอะไรคะ”
“เป็นอะไรของเธอ คิดจะเล่นสงครามประสาทกันใช่ไหม”
“ตอนฉายพูดก็ผิดพอไม่พูดก็ผิดอีกเหรอ สรุปพี่เมฆต้องการอะไรกันแน่คะ” ไม่รู้ต้องทำตัวหรือวางตัวยังไงแล้ว อีกฝ่ายถึงจะพึงพอใจ บางครั้งดีบางครั้งร้ายแต่ส่วนใหญ่จะร้ายมากกว่า
“ฉันไม่ชอบที่เธอเอาแต่เงียบ”
“พี่เมฆก็ถามมาสิ ไม่ใช่เรียกนี่เธออยู่ได้” ประโยคท้ายเสียงหวานพึมพำแทบไม่ได้ยิน แต่พ่อเลี้ยงหนุ่มได้ยินชัดเจนก่อนพูดขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์
“เธอว่าอะไร เมื่อกี้ฉันได้ยินนะ”
“ตามนั้นแหละค่ะ”
“เฮอะ!! อยากให้ฉันเมตตาเธอ แต่ดูเธอสิเถียงคำไม่ตกฟาก ใครเขาอยากจะใจดีด้วยวะ” ใช้มืออีกข้างบีบปลายคางมนอย่างแรง
“เอ่อ ขอโทษค่ะ พอดีจะแจ้งว่าคุณมานีมาค่ะ” เสียงของป้าบัวแทรกขึ้นเรียกความสนใจจากภูเมฆหันมอง
“ป้านีมาเหรอครับ” ถามเสียงสุภาพกับผู้มีอายุมากกว่า
“ค่ะ ตอนนี้รออยู่ในห้องรับรองแขก”
“เดี๋ยวผมตามไปครับ”
“ค่ะ” หลังจากแจ้งเจ้านายเสร็จ ป้าบัวจากไปทันที
“รีบตามมาล่ะ อย่าให้ผู้ใหญ่รอนาน” ชายหนุ่มปล่อยเธอเป็นอิสระ แล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนออกจากห้องอย่างไว โดยไม่รอกัน
“เฮ้อ...” เดือนฉายถอนหายใจยืดยาว ทันทีที่รู้ว่าใครมา
เธอรวบรวมความกล้าครู่หนึ่งตรงไปห้องรับรองแขก เพราะหากช้ากว่านี้คงได้โดนใครสักคนตำหนิ
“กว่าจะมาได้ ชักช้าอยู่นั่นแหละ” ทันทีที่เธอปรากฏ มิวายโดนมานีหรือป้าของภูเมฆตำหนิด้วยสีหน้าไม่พอใจ
“สวัสดีค่ะป้านี”
“เธอนี่มันไร้มารยาทที่สุด แทนที่จะขอโทษที่ทำให้ผู้ใหญ่รอนานแต่กลับเมินเฉย แย่” จ้องมองเดือนฉายด้วยแววตาเหยียดหยามปนรังเกียจ
“ขอโทษค่ะ ฉายทำตัวเสียมารยาทแล้ว” มือเรียวยกขึ้นไหว้หญิงวัยกลางคน
ถึงเธอจะช้าแค่ไม่กี่นาทีก็ไม่อาจโต้กลับได้ ยังไงอีกคนเป็นถึงผู้ใหญ่ แถมยังมีศักดิ์เป็นญาติฝ่ายสามี มิหนำซ้ำต่อให้อธิบายอย่างไรก็ไร้ประโยชน์อยู่ดี เนื่องจากมานีเกลียดเธอมาก
สาเหตุมาจากปมในใจเกี่ยวกับสามีทิ้งไปหาเมียน้อย ทำให้เธอต้องช้ำใจ เลยมองว่าการที่เดือนฉายแต่งงานกับภูเมฆ เป็นต้นเหตุทำลายความรักของหลานชายกับคนรัก จนอีกคนต้องหนีไป
สำหรับมานี เดือนฉายคือมือที่สามทำลายความรักของคนอื่นพัง เธอจึงรู้สึกเกลียดหญิงสาวมาก
“เมฆ...ป้าจะพักที่นี่สักอาทิตย์นะ” มานีไม่สนใจเดือนฉายซึ่งกำลังยืนพนมมือไหว้เธอกลางห้อง แต่หันไปคุยกับหลานชายแทน
“ได้สิครับ สำหรับป้านีคนสวยได้เสมอ”
“ปากหวานจริงเลยหลานชายคนนี้” เธออารมณ์ดีเพราะถ้อยคำของภูเมฆ ก่อนหุบยิ้มเมื่อสายตาปะทะเดือนฉาย
“เธอไปจัดห้องให้ฉันสิ นั่นกระเป๋ายกขึ้นไปบนห้องด้วย”
“เอ่อ ป้านีครับ เดี๋ยวผมให้คนอื่นไปจัดห้องแทนดีกว่า” ภูเมฆเห็นท่าไม่ดีรีบแทรกขึ้น
“เมฆจะขัดใจป้าเหรอ ตั้งแต่เมฆของป้าแต่งงานกับผู้หญิงคนนั้นก็เริ่มไม่เหมือนเดิม มันคงทำให้เมฆไม่สนใจป้าแก่ ๆ คนนี้แล้วสินะ” หญิงวัยกลางคนแสร้งตีหน้าเศร้าพร้อมตีโพยตีพายยกใหญ่
“ผมว่าให้คนอื่นจัดห้องแทนเดือนฉายดีกว่านะครับ ผมกลัวเดือนฉายจะจัดห้องไม่ถูกใจป้านี”
“ช่างเถอะ ป้าพูดอะไรไปเมฆคงไม่สนใจหรอก”
“ป้านีครับ”
“เอ่อ ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวฉายจัดห้องให้ป้านีเอง” ก่อนสองป้าหลานจะผิดใจกันไปมากกว่านี้ เพราะสาเหตุมาจากเธอ เดือนฉายเลยอาสาจัดห้องแทน
“จริงเหรอ”
“ค่ะ” ว่าพลางพยักหน้าตอบรับ
“งั้นก็รีบไปสิ ยืนเอ้อระเหยอีกทำไม”
“ค่ะ ฉายจะรีบไปเดี๋ยวนี้”
หญิงสาวเดินพ้นห้องรับรองแขกไม่กี่ก้าว ทันใดนั้นฝ่ามือใหญ่ของพ่อเลี้ยงหนุ่มรั้งไว้
“เดี๋ยว”
“มีอะไรหรือเปล่าคะ พี่เมฆ” เงยหน้ามองคนตัวโตอย่างไม่เข้าใจ คาดไม่ถึงจะเดินตามหลังเธอแทนที่จะอยู่กับมานี
“เธอไหวเหรอ ให้คนอื่นไปทำแทนเถอะ เมื่อคืนฉันทำเธอเจ็บมากไม่ใช่เหรอ” ว่าแล้ว มองดูเธอตั้งแต่ศีรษะจรดเท้า
“สนใจฉายด้วยเหรอคะ”
“ฉันแค่ไม่อยากให้เธอต้องมาล้มป่วยตายในบ้านฉัน อย่าคิดว่าฉันจะห่วงใยผู้หญิงแบบเธอ”
“งั้นไม่ต้องกังวลหรอกค่ะ ถ้าฉายจะตายจะไปไกล ๆ บ้านพี่เมฆเลย ขอตัวก่อนนะคะ” แกะมือหนาและผลักเขาหนึ่งทีจนอีกคนเซ อาศัยจังหวะนั้นหนี ไม่แม้เหลียวหลังมองคนตัวโตกำลังตะโกนเรียกตัวเองเสียงดังสนั่น
