บทที่ 3 หน้าที่รองรับอารมณ์?
เดือนฉายเหลือบมองคนตัวโตเดินกลับไปทำงานต่อ ซึ่งทิ้งเธอไว้กลางห้องบนพื้นแบบไม่สนใจไยดี หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดเชื่องช้า พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลพรากไปมากกว่านี้ จากนั้นพยุงกายลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับหมุนตัวเดินออกจากห้องทันใด ไม่แม้เหลียวมองคนข้างหลัง
“แค่นี้ยังน้อยไปสำหรับผู้หญิงอย่างเธอ” สายตาคมกริบมองประตูห้องที่พ้นร่างเล็กไม่นาน ก่อนเหยียดยิ้มอย่างพึงพอใจ
“ใจร้ายที่สุดเลย” เอ่ยขึ้นหลังจากเดินออกมา มือเล็กยกขึ้นเช็ดคราบน้ำตาบริเวณพวงแก้มขาวเนียน แล้วตัดสินใจก้าวเดินไปเบื้องหน้าเพื่อตรงกลับบ้าน
หลายวันต่อมา นับจากเธอกับเขามีปากเสียงกันในครั้งนั้น ทั้งคู่แทบไม่ได้คุยกันเลย ทุกครั้งบังเอิญเจอหน้ากัน เดือนฉายจะทำเมินมองไม่เห็นเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็ไม่ได้ใส่ใจนักกับการกระทำของเธอ
ในเมื่ออยากพยศดีนักเขาก็ไม่อยากแยแส แต่ความปรารถนาที่มีต่อเธอ ทำให้ยอมลดศักดิ์ศรีไปหาหญิงสาวช่วงกลางดึก
“หลับยังนะ” เสียงทุ้มพึมพำพลางเอื้อมมือจับลูกบิดประตูและผลักเข้าข้างใน ก่อนพบว่าภายในห้องมีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟสาดส่องใบหน้างดงามของคนตัวเล็กที่หลับปุ๋ยไปแล้ว
ภูเมฆเดินย่องไปหาคนบนเตียง จากนั้นล้มตัวนอนซ้อนแผ่นหลังเล็กของเดือนฉาย แขนกำยำยกขึ้นโอบเอวคอดกิ่วแน่นราวกับกลัวอีกคนจะหนีหายไปจากกัน
“ทำไมตัวหอมอย่างนี้วะ” ว่าแล้วกดจูบแก้มนุ่มหนัก ๆ อย่างมันเขี้ยว
“อื้อ” การกระทำของคนตัวโตสร้างความรำคาญแก่คนหลับ ก่อนร้องครางต่ำในลำคอ
“เดือนฉาย” เสียงทุ้มกระซิบข้างใบหูขาวสะอาด ในขณะเดียวกันมือใหญ่ลูบไล้ตามเรือนร่างงดงาม
“อื้อ อย่ากวนได้ไหม” พยายามดันใบหน้าหล่อเหลาออกห่าง แล้วพลิกตัวไปอีกด้านด้วยความหงุดหงิดซึ่งโดนรบกวนขณะหลับ
“เดือนฉาย...อย่าเพิ่งหลับสิ” ภูเมฆขยับตัวเข้าใกล้เธอพร้อมนำมือหยาบกร้านสัมผัสแก้มนวล
“อื้อ”
“ถ้าเธอไม่ตื่น ฉันจะลักหลับแล้วนะ” ไม่พูดเปล่า ชายหนุ่มขึ้นคร่อมคนตัวเล็ก ซุกไซ้หน้าคมคายกับซอกคอหอมกรุ่น ปลายลิ้นเร่าร้อนตวัดเลียตามลำคอขาวเนียนจนเปียกชื้น
“อ๊ะ พี่เมฆ” การกระทำที่รุนแรงมากขึ้น ส่งผลให้เดือนฉายสะดุ้งตื่น นัยน์ตาคู่งามเบิกขึ้นอย่างตกตะลึง
“กว่าจะตื่นได้”
“พี่เมฆจะทำอะไรคะ”
“ไม่น่าถาม นี่ไม่ใช่ครั้งแรกของเราสักหน่อย” เอ่ยตอบอย่างหัวเสียที่คนใต้ร่างไม่ยอมให้ความร่วมมือ
“ไม่ต้องมายุ่งกับฉายเลย อย่ามาแตะเนื้อต้องตัวฉายด้วย” เธอออกแรงผลักคนเหนือร่างจนเซไปอีกฝั่ง แล้วนอนหันหลังให้เขา
“ทำมาเป็นหวงตัวไปได้ ไม่มีตรงไหนของร่างกายเธอหรอก ฉันไม่เคยเห็น”
เดือนฉายปิดตาลงสนิท พยายามทำเป็นไม่สนใจกับถ้อยคำนั้น มือบางกำผ้าปูเตียงแน่นเพื่อระงับโทสะ
“เดือนฉาย”
“...” ไม่มีเสียงตอบจากคนตัวเล็ก สร้างความโกรธเคืองแก่เขายิ่งนัก พ่อเลี้ยงหนุ่มคว้าร่างเล็กเข้าสู่วงแขนพร้อมกระชับกอดแน่น
“ปล่อยนะคะ พี่เมฆ” พยายามดิ้นให้หลุดพ้นจากการเกาะกุมของคนตัวโต
“ไม่ได้กำลังรอฉันอยู่หรอกเหรอ” ปรายตามองชุดนอนบางเบาสีหวานที่เธอสวมใส่ ซึ่งข้างในไม่ได้ใส่อะไรเลย
“ไม่ใช่นะ”
“ยังจะปฏิเสธอีกเหรอ” มองเธอด้วยแววตาเจ้าเล่ห์
“มายุ่งกับฉายอีกทำไมคะ หลายวันที่ผ่านมาไม่เห็นจะสนใจกันเลย” เอ่ยบอกเสียงแผ่ว ก้มหน้าคอตกด้วยความรู้สึกมากมาย
“น้อยใจฉันหรือว่างอนล่ะ” เชยปลายคางมนขึ้นมาสบตากัน ภูเมฆอดใจไม่ไหวกับกลีบปากอวบอิ่มแสนเย้ายวน ไม่รอช้าประกบปากจูบทันใด
เดือนฉายถึงกับตั้งตัวไม่ทัน ยกกำปั้นน้อยทุบตีอกแกร่งถี่รัว แต่สุดท้ายพ่ายแพ้ให้กับจูบแสนหวาน ปลดปล่อยเรือนร่างโอนอ่อนตามการกระทำของอีกคน
เขาประคองเธอให้นอนลงบนหมอนใบใหญ่ ในขณะริมฝีปากของคนทั้งสองยังคงประกบกันอยู่
“อื้อ” เสียงครางต่ำของหญิงสาว ทำให้พ่อเลี้ยงหนุ่มไม่อาจหยุดความปรารถนาลงง่ายดาย
หลังจากตักตวงความหวานจากปากนุ่มจนหนำใจ ชายหนุ่มค่อย ๆ ถอนจูบอย่างเชื่องช้า สบตาคู่งามของเธอ
“ฉายอยากนอนแล้ว” พูดพลางเบือนหน้าไปทางอื่น รู้สึกอับอายต่อการกระทำของตัวเองเผลอไผลไปกับเขาชั่วขณะ
“ฉันยังไม่อนุญาตให้นอน เธอเป็นเมียต้องทำหน้าที่รองรับอารมณ์ผัวสิ”
“พี่เมฆไม่ได้รักฉายสักหน่อย ทำไมถึงทำแบบนี้กับคนที่ไม่ได้รักได้ล่ะคะ”
สำหรับเธอการที่จะมีอะไรกับใครสักคนต้องมาจากความรักเท่านั้น เพราะรักเขาจึงยอมทุกอย่าง ทว่าดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่ได้คิดแบบเดียวกับตนเอง
“ทำไมต้องรักด้วยล่ะ แค่ร่างกายต้องการไม่เห็นต้องคิดอะไรมาก”
“งั้นเป็นใครก็ได้ใช่ไหม ถ้าพี่เมฆเกิดอยากขึ้นมา” เธอรู้สึกเจ็บปวดเหลือเกินกับสิ่งที่ได้ยินเมื่อสักครู่
“พูดมากเดือนฉาย” ไม่คอยให้คนตัวเล็กโต้เถียงไปมากกว่านี้ จัดการปิดปากอวบอิ่มอย่างรวดเร็ว บดขยี้ปากนุ่มด้วยความหลงใหล
สำหรับเขาไม่ว่าจะจูบเธออีกกี่ครั้งไม่เคยเบื่อหน่ายสักหน ฉะนั้นการที่เขาจะมีอะไรกับใครสักคน ไม่ใช่กับใครก็ได้แต่ต้องเป็นเธอเท่านั้น
“อื้อ” ดวงตากลมโตหลับพริ้มและยอมนอนนิ่ง ๆ ให้เขาทำตามอำเภอใจอย่างไม่มีสิทธิ์โต้แย้ง
ฝ่ามือหยาบกร้านลูบไล้ตามขาเรียว ไต่เต้าขึ้นมาหยุดยังกลีบกุหลาบงดงาม นิ้วแกร่งแหวกว่ายเข้าไปข้างในช่องทางรัก ขยับขึ้นลงตามอารมณ์พิศวาส
“อ๊ะ พี่เมฆอย่าแรง ฉายเจ็บ” คนตัวเล็กสะดุ้งโหยงกับการกระทำป่าเถื่อน แขนเล็กโอบคอแกร่งแน่น
“แฉะแล้วนะ” ช้อนตามองหน้างดงามก่อนเหลือบมองเบื้องล่างที่นิ้วยาวกำลังเข้าออกในโพรงอ่อนนุ่ม
“พี่เมฆ”
“มีอะไร”
“พอเถอะ” เม้มริมฝีปากเข้าหากันเพื่อกลั้นเสียงร้องอันน่ารังเกียจ
“อยากให้หยุดจริงเหรอ” เขายิ่งขยับนิ้วเข้าออกในกลีบดอกไม้มากขึ้น ก่อนยกยิ้มมุมปากด้วยความพึงพอใจในการแสดงออกทางสีหน้าของเดือนฉาย บ่งบอกถึงความสุขที่ได้รับ
“อื้อ อ๊ะ”
“ชอบไหม” กระซิบถามข้างใบหูขาวสะอาดด้วยน้ำเสียงสุดเซ็กซี่
“ไม่ชอบ” ใบหน้างามส่ายหัวไปมา จนผมเผ้ายุ่งเหยิงแผ่เต็มหมอนใบใหญ่ เธอพยายามอดทนต่อความรู้สึก ไม่อยากยอมรับถึงการกระทำของภูเมฆกำลังทำให้รู้สึกดี
ยิ่งเธอปฏิเสธมากเท่าไรยิ่งทำให้เขาอยากเอาชนะมากเท่านั้น ชายหนุ่มจับขาเรียวแยกออกจากกันกว้าง ๆ จ้องมองร่องรักคับแน่นเปียกแฉะ ความงดงามตรงหน้าทำเอาเขาถึงขั้นหายใจติดขัด
“พี่เมฆ อ๊ะ” ไม่ทันเดือนฉายจะเอ่ยปาก ภูเมฆโน้มใบหน้าคมคายเข้าใกล้ใจกลางความเป็นหญิง ตวัดลิ้นสากเลียติ่งเสียวเล่นอย่างเมามัน
กายสาวรู้สึกสั่นสะท้าน เอื้อมมือขยุ้มเส้นผมนุ่มของเขาเพื่อระบายความเสียวซ่านพลางจิกเกร็งเท้าลงบนผ้าปูเตียง
“อื้อ”
เสียงร้องของคนทั้งสองดังประสานกัน ภูเมฆยังคงดูดเลียร่องรักอย่างหลงใหล ไม่มีท่าทีจะเบื่อง่าย ๆ
“อ๊า พี่เมฆพอเถอะ ฉายไม่ไหวแล้ว” เสียงหวานร้องปานจะขาดใจ
“...” เขาเหลือบมองหน้าหวานครู่หนึ่ง จัดการดูดด่ำร่องสวาทต่อ กระทั่งเดือนฉายทนไม่ไหวอีกต่อไป ปลดปล่อยน้ำผึ้งหวานไหลริน เขาดูดกลืนไม่เหลือสักหยดอย่างไม่คิดรังเกียจ
“เป็นไงบ้าง ชอบไหม”
“ไม่ชอบ” ตอบเสียงแผ่วแทบไม่ได้ยิน
“ว่าไงนะ” ภูเมฆขยับตัวเข้าใกล้คนตัวเล็ก ซุกหน้าหล่อกับลำคอขาวเนียน “ตอบมาดี ๆ ซะ”
“ได้ในสิ่งที่ต้องการแล้วก็กลับไปสิ” เดือนฉายทำท่าจะลุกขึ้นหนี แต่ความไวของเขาทำให้คว้าร่างเล็กได้ทัน ก่อนจับกดกับเตียงหนานุ่ม
“ใครกันแน่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ฉันหรือเธอ”
“ฉายไม่ได้ต้องการสักหน่อย”
“แน่ใจ” ถามเสียงสูง ช้อนตามองหน้างามอย่างเค้นคำตอบ
“ปล่อยฉายไปสักทีเถอะ”
“เมื่อกี้เธอมีความสุขแล้ว ถึงคราวฉันบ้าง”
แควก! ภูเมฆฉีกชุดนอนตัวสวยของคนตัวเล็กขาดเป็นสองชิ้น โยนลงบนพื้นอย่างไม่ไยดี จากนั้นทาบกายแกร่งบนเรือนร่างงามอย่างไว ไม่คอยให้เดือนฉายหาทางหนีรอด
