ตอนที่ 4 เธอมีสิทธิ์อะไร?
กลางดึกห้องทั้งห้องจมอยู่ในความเงียบ มีเพียงแสงไฟสลัวจากโคมไฟสีขาวข้างหัวเตียง ผ้าม่านสีเทาเคลื่อนไหวเบา ๆ ตามแรงลมที่ลอดผ่านเข้ามาจากช่องหน้าต่างที่เปิดเอาไว้
อุณหภูมิภายในห้องไม่ได้หนาว แต่เธอกลับสั่น เสียงเปิดประตูดังขึ้นแผ่วเบา ราวกับเงาสีดำค่อย ๆ แทรกผ่านความฝันเข้าสู่ความจริง คีลเดินเข้ามาในห้องอย่างเงียบเชียบ ฝีเท้าของเขานิ่งเงียบ แต่รับรู้ได้ถึงแรงกดดันทุกครั้งที่เขาเข้ามาใกล้
ลลินลุกขึ้นจากเตียงทันทีดวงตาเบิกกว้าง จังหวะนั้นหัวใจของเธอกระตุกวูบ แสงไฟจากโคมไฟสาดไปยังร่างสูงใหญ่ของเขาอย่างพอดิบพอดี ก่อนที่จะก้าวเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว
“คุณ...” เสียงเธอสั่น รีบดีดตัวลุกขึ้นนั่ง ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ลอยออกมาจากตัวของผู้ชายตรงหน้า
คีลไม่พูด เข้ามาหยุดตรงหน้าและก่อนที่เธอจะขยับออกห่างมือของเขาก็ยกขึ้นคว้าเข้าที่ท้ายทอย บีบแน่นจนเธอสะดุ้ง ริมฝีปากหยักได้รูปทาบลงบนริมฝีปากของเธอทันที
ลลินไม่มีโอกาสให้ปฏิเสธ จูบของเขาร้อนรุ่มและไร้ซึ่งความอ่อนโยนใด ๆ ลมหายใจของเธอติดขัด มือเล็กพยายามดันหน้าอกเขาออก แต่แรงทั้งหมดของเธอ…ไม่ได้ทำให้เขาขยับแม้แต่นิดเดียว
เขากดริมฝีปากลงมาอย่างจงใจ บดขยี้ ลากลิ้นลึกเข้าไปในโพรงปากจนเธอสะอื้น เหมือนเขาอยากจะกวาดล้างทุกสิ่งที่ยังหลงเหลืออยู่ในหัวใจของเธอ ด้วยปลายลิ้นของเขาเอง
แผ่นหลังของลลินชนกับหัวเตียงนอน มือเขาจับไหล่มนกดไว้แน่น ร่างบางไม่มีการดิ้นรนอีกต่อไป การกระทำของเขากำลังย้ำว่า…เธอไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเมินเฉยต่อทุกอย่างที่เขากำลังทำ
ในห้องมีเพียงเสียงหอบของเขาและเธอ ในห้องนี้…ทุกอย่างกำลังเป็นไปตามอารมณ์ของคีล เขาผละริมฝีปากออกมาเพียงครู่เดียวสายตาที่มองลงมาไม่ใช่เพียงแค่ความต้องการ แต่มันคือแรงปรารถนาที่ซ่อนเอาไว้ไม่มิดชิด
เขาพูดเสียงต่ำ ด้านข้างใบหูเธอ “เกลียดฉันงั้นเหรอ? เธอมีสิทธิ์อะไร! เธอมีสิทธิ์อะไร!”
ยังไม่ทันที่เธอจะพูดตอบ เขาก็รวบเอวบางเอาไว้แน่น ดึงทั้งตัวของเธอให้นอนหงายลงไปบนเตียงนอน ก่อนที่เขาจะใช้ร่างกายอันใหญ่โตขึ้นคร่อมร่างของเธอเอาไว้
มือของเขากระชากเสื้อเธอออกในครั้งเดียว เสียงผ้าขาดดังขึ้นในทันที เศษผ้าร่วงลงข้างลำตัว และผิวเธอเริ่มมีริ้วรอยสีแดงจากการเสียดสีของเนื้อผ้าจนรู้สึกถึงความเจ็บแสบ
คีลโน้มตัวลงคร่อมร่างเธอบนเตียง มือเขากดไหล่บางลงไปกับที่นอน ลมหายใจร้อนเป่ารดลงมาที่ใบหน้า แววตาเขาดูหิวกระหายจนแทบคลั่ง ลลินเบือนหน้าหนี เขาเลื่อนริมฝีปากลงมาซุกไซ้ที่ลำคอแล้วขบเม้มจนเกิดรอยแดงอย่างไม่ปรานี มืออีกข้างของเขาลูบผ่านเอว ปลายนิ้วร้อนลากขึ้นมาที่ทรวงอก
ร่างบางสะดุ้ง “อย่า...” เสียงเธอแผ่ว
แต่เขาไม่ฟังมือหนาค่อย ๆ คลึงปลายยอดอกเธอช้า ๆ มีเพิ่มแรงกดหนักสลับเบาวนปลายนิ้วเป็นจังหวะ เธอเม้มปากแน่นขาสองข้างเริ่มสั่นหายใจถี่ขึ้น เขาโน้มตัวลงครอบริมฝีปากลงบนยอดอก ดูดแรง...ลากลิ้น...กัดเบา ๆ จนเธอร้องครางออกมา
“อ๊ะ…” เสียงที่หลุดออกมาจากปากเธอ ทำให้เขาพอใจ
มืออีกข้างของเขาเลื่อนต่ำลง ผ่านหน้าท้องแบนเรียบ ลอดเข้าสู่ระหว่างต้นขา เธอดันขาเข้าหากันโดยอัตโนมัติ แต่เขาแทรกขาของตัวเองเข้ามาระหว่างเรียวขาเธอ
“อย่า...” เสียงเธอเบาจนแทบฟังไม่ออกว่ากำลังเอ่ยสิ่งใด
“อ้าขาออก” เขากระซิบสั่งเสียงเบาข้างใบหู ก่อนที่ปลายนิ้วจะสอดเข้าไปช้า ๆ
เธอกัดริมฝีปากตัวเอง ตัวเกร็งขาสองข้างกระตุกเล็กน้อย เสียงหอบแผ่วเบาหลุดออกมาจากปากเล็ก นิ้วเขาเคลื่อนลึกเข้าไปด้านในขยับเข้าออกช้า ๆ แล้วค่อย ๆ เพิ่มจังหวะ ปลายนิ้วกวาดหาจุดไวต่อสัมผัสภายในของเธอ
จนร่างบางสั่นอย่างควบคุมไม่อยู่ เขาก้มลงประกบปากจูบกับเธออีกครั้ง คราวนี้เธอไม่ดิ้นขัดขืน แค่ปล่อยให้เขาใช้ลิ้นกวาดทุกซอกภายในปากอย่างเต็มใจ
มือเล็กกำผ้าปูเตียงนอนแน่น ร่างสั่นสะท้านและเต็มไปด้วยความเสียวซ่าน ลมหายใจของเธอแรงขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากหลุดเสียงร้องแผ่วเบาออกมาอย่างหักห้ามใจไม่อยู่
“อื้อ... อึก...” แล้วร่างของเธอก็เกร็ง สะโพกบางกระตุกเล็กน้อย เสียงหอบหายใจถี่ ดวงตากลมโตปิดแน่น เธอได้ถึงจุดสุดยอดอย่างเงียบงันภายใต้ร่างของเขา
คีลค่อย ๆ ถอนนิ้วออกช้า ๆ มองเธอที่นอนนิ่งเหมือนขอนไม้ แต่ผิวกายกลับเต็มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าสวยสองข้างแก้มมีสีแดงเรือง เหงื่อซึมเต็มไรผม ลมหายใจที่หอบถี่กำลังปรับเป็นปกติ
เขาก้มลงกระซิบที่ข้างหู “แค่นี้ก็ไม่ไหวแล้วเหรอ?”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองครั้ง ท่ามกลางความเงียบของคนทั้งสองที่กำลังแนบชิดกันอยู่บนเตียงนอน
ลลินสะดุ้งสติที่ล่องลอยเพราะร่างกายสั่นสะท้านเพิ่งผ่านอารมณ์แห่งความสุข ถูกดึงให้กลับมาในชั่วพริบตา เธอคว้าเอาผ้าห่มมาคลุมร่างแทบไม่ทัน หน้าของเธอแดงจัด หัวใจเต้นแรง คีลปรายตามองประตูเพียงชั่วครู่ก่อนจะหันหน้ามามองเธอ
เสียงเคาะดังขึ้นอีกครั้ง แววตาของเขาขุ่นเคืองเล็กน้อย ก่อนจะเอ่ยคำสั่งสั้น ๆ “เข้ามา”
ประตูเปิดออกหญิงสาวในชุดสาวใช้เดินเข้ามาช้า ๆ เธอก้มหน้า ไม่กล้ามองแม้แต่นิดเดียว น้ำเสียงที่เอ่ยรายงานสั่นเล็กน้อย
“คุณซาร่า... หญิงสาวที่นายท่านพามาด้วย... เธอตกบันไดค่ะ”
บรรยากาศในห้องตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง สีหน้าของคีลเปลี่ยนไปในทันที เขาหันไปหยิบเสื้อเชิ้ตที่อยู่บนพื้นขึ้นมาสวมใส่อย่างลวก ๆ ไม่ใส่ใจ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป โดยไม่แม้แต่จะหันมามองคนที่อยู่บนเตียง
ร่างของลลินห่อตัวอยู่ใต้ผ้าห่ม ดวงตากลมโตกำลังแดงมองตรงไปยังประตูห้องบานใหญ่ ที่คีลพึ่งเดินออกไปเมื่อครู่ เธอซุกใบหน้าลงบนผ้าห่มก่อนจะปล่อยโฮออกมายกใหญ่
เสียงรองเท้ากระทบพื้นหินอ่อนก้องกังวานไปตามทางเดิน คีลเดินผ่านโถงใหญ่โดยไม่หันซ้ายมองขวา หน้าของเขาเรียบเฉย คิ้วขมวดต่ำแต่ดวงตากลับนิ่งอย่างผิดปกติ
ห้องพักรับรองที่ซาร่าอยู่… เปิดไฟสว่างจ้า พยาบาลส่วนตัวของเขากำลังนั่งจัดยาอยู่ข้างเตียง กลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางลอยอยู่ในอากาศและยังมีเสียงบ่นเบา ๆ ของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทันทีที่เขาเปิดประตูเข้ามา
“ในที่สุดคุณก็มา...” เสียงนั้นออดอ้อน แต่แฝงความน้อยเนื้อต่ำใจที่เขาหายไปจากระยะสายตาของเธอ
หญิงสาวที่นอนอยู่บนเตียงแววตากลับไม่ได้มีอาการเจ็บป่วยเลยสักนิด เธอแค่ขาแพลง และต้องการให้ใครสักคนสนใจ...แต่คนที่เข้ามาในห้อง กลับไม่มีแม้แต่แววตาห่วงหา
คีลมองเธอนิ่ง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีอารมณ์ใด ๆ และที่สำคัญ… ไม่มีความห่วงใยแม้แต่น้อย
“ฉันแค่ตกบันไดขั้นเดียวเอง” เธอพูดพร้อมขยับผ้าห่มให้เลื่อนลง เผยให้มองเห็นต้นขาขาวเรียว แต่เขาไม่แม้แต่จะสนใจมองมัน
เขาหันไปพยักหน้าให้พยาบาลแทนคำขอบคุณ
“จัดเตรียมรถให้เธอ ออกจากที่นี่คืนนี้” เสียงของเขาดังขึ้น ก่อนที่สาวใช้จะรีบเดินออกจากห้องเพื่อไปทำตามคำสั่ง
ซาร่าขมวดคิ้วทันที “อะไรนะ? ฉันยังเดินไม่ได้เลยนะ!”
เขาไม่ตอบ โยนกระดาษแผ่นหนึ่งให้กับเธอเพียงเท่านั้น “ค่าเสียเวลา” สิ้นเสียง เขาก็เดินออกจากห้องไป