บท
ตั้งค่า

ตอนที่ 2 นายท่าน

รถลีมูซีนสีดำเงาวับเคลื่อนตัวช้า ๆ เข้าสู่ประตูเหล็กบานใหญ่ที่เปิดอ้าออกอย่างเงียบงัน ท่ามกลางความเงียบสงัดของค่ำคืนไร้แสงจันทร์ ไม่มีเสียงสุนัข ไม่มีเสียงคน ไม่มีแม้แต่เสียงใบไม้ไหวจากลม ทุกอย่างเงียบงันอย่างผิดปกติ ราวกับคฤหาสน์หลังนี้เป็นเพียงสุสานหลังโตที่แสนน่ากลัว

ลลินนั่งนิ่งอยู่ในรถ ความเงียบโอบล้อมตัวเธอเหมือนกำลังจมอยู่ในเงามืด หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ กลิ่นอากาศในรถชวนให้ขนลุก คนขับที่สวมชุดสูทสีดำไม่พูด ไม่แม้แต่จะสบตาเธอผ่านกระจกมองหลัง...ราวกับได้รับคำสั่งว่า “อย่ามองเธอ”

เธอกำเสื้อคลุมตัวบางแน่นขึ้น ลมหายใจขาดห้วง เขาต้องการอะไรจากเธอกันแน่ถึงได้พามายังสถานที่ไกลผู้คนแบบนี้ หรือว่าแค่อยากลงโทษ…ให้สมกับความแค้นเจ็ดปีที่ผ่านมา

รถหยุดลงหน้าอาคารหลักของคฤหาสน์ บันไดหินอ่อนเรียงขึ้นไปยังประตูบานสูง ราวกับทางเข้าสู่วิหารของจอมอสูร เมื่อเธอก้าวลงจากรถ ลมเย็นราวใบมีดกรีดผิวก็พัดมาปะทะใบหน้าทันที

เขาไม่ออกมารับเธอ มีเพียงหญิงสาวในชุดเมดสีดำที่เดินมาจากมุมมืด ก้มศีรษะโดยไม่สบตาเธอ และเชิญเข้าไปด้านในด้วยคำพูดเพียงประโยคเดียว

“นายท่านรออยู่ที่ห้องค่ะ”

ภายในคฤหาสน์เป็นสถานที่ที่แม้แต่แสงไฟก็ไร้ความอบอุ่น พื้นหินอ่อนสีเข้มสะท้อนแสงไฟระย้าจากด้านบน แต่ทุกแสงดูหม่นหมองในสายตาของเธอ บนผนังไร้ภาพตกแต่ง ไม่มีนาฬิกา ไม่มีทีวี ไม่มีเสียงสิ่งมีชีวิตเลยแม้แต่น้อย

เสียงรองเท้าของเธอกระทบพื้นดังก้อง หัวใจยิ่งเต้นแรงมากยิ่งขึ้น เมื่อเธอหยุดอยู่หน้าประตูบานหนึ่ง หญิงสาวคนนั้นเปิดประตูให้ ไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกมา

โต๊ะไม้โอ๊กสีดำสนิทตั้งอยู่กลางห้อง มีแฟ้มเอกสารหนังวางอยู่เพียงหนึ่งแฟ้ม เสียงประตูปิดลงเบื้องหลัง พร้อมเสียงฝีเท้าที่เธอจำได้ดี เขาเข้ามาในห้องเงียบ ๆ

คีล แวรงเดอ ลาฟาแยตต์ ในเสื้อเชิ้ตสีดำที่พับแขนขึ้นถึงข้อศอก เดินตรงมาที่โต๊ะทำงานของเขา ไม่แม้แต่จะมองหน้าเธอ เขาเปิดแฟ้ม วางปากกาลงบนกระดาษ แล้วเลื่อนมันมาตรงหน้า ลลินก้มมองกระดาษ ข้อความแต่ละบรรทัดชัดเจนทุกตัวอักษร

“ข้อตกลงฉบับใหม่” ทุกตัวหนังสือคือคำสั่งที่เธอไม่อาจละเมิดสัญญา และต้องถูกลงโทษตามข้อบังคับที่เขียนเอาไว้ มือของเธอสั่น ไม่ใช่เพราะกลัวแต่เพราะ... แววตาที่กำลังจ้องจากอีกฟากของโต๊ะ

เธอกำลังจะพูดบางอย่าง แต่เขาใช้นิ้วเคาะกับโต๊ะเป็นจังหวะ แค่เพียงมองแววตาคู่นั้น มันก็สามารถออกคำสั่งได้โดยไม่ต้องพูดแม้แต่คำเดียว สุดท้ายเธอก็ต้องยอมจำนน...

เสียงปากกาหมึกซึมขูดลงบนกระดาษดังขึ้นในความเงียบ คีลยังยืนเงียบไม่ขยับ เขาเพียงเฝ้าดูปลายนิ้วของเธอที่วางลงบนปากกา เมื่อเธอเซ็นเสร็จ เขาก็เอื้อมมือมาเก็บแฟ้มไปโดยไม่กล่าวคำใด

เขาหันหลัง เดินไปที่ประตูก่อนจะหยุดลง และพูดขึ้นเสียงต่ำ “ตั้งแต่คืนนี้...เธอจะต้องเรียกฉันว่า ‘นายท่าน’ เท่านั้น”

เธอถูกพาไปยังห้องอีกฝั่งหนึ่งของคฤหาสน์ ประตูไม้ขนาดใหญ่ถูกเปิดออกภายในคือห้องนอนที่งดงามที่สุดที่เธอเคยเห็น พื้นอ่อนเงางามผ้าม่านสีเบจ เตียงสี่เสาขนาดคิงไซซ์ พรมผืนใหญ่จากเปอร์เซียถูกวางไว้กลางห้อง

ทุกอย่างดูหรูหรา...แต่ช่างไร้ชีวิตชีวา ไม่มีนาฬิกาไม่มีโทรศัพท์ ลลินเดินเข้ามาในห้องอย่างช้า ๆ รู้สึกเหมือนตนเองกำลังเดินเข้าสู้ห้องขังขนาดใหญ่ที่เขาสร้างเอาไว้ให้

โต๊ะข้างเตียงมีกล่องเล็ก ๆ วางอยู่หนึ่งกล่องเมื่อลองเปิดดูข้างใน เธอพบสร้อยข้อเท้าเส้นเล็ก สีเงินเย็นจับผิว มีจี้เล็ก ๆ สลักคำว่า “K” มีโน้ตแผ่นบางเขียนด้วยลายมือของเขา “ใส่มันไว้ห้ามถอด”

เธอไม่ต้องเดา…เขาคงตั้งกล้องไว้ทั่วทั้งคฤหาสน์และรู้แน่ชัดว่าเธอใส่ หรือไม่ใส่ สิ่งที่เขาเตรียมไว้

ลลินยืนอยู่กลางห้อง ใส่ชุดนอนผ้าบางสีขาวที่ถูกเตรียมไว้บนเตียง ราวกับมีคนตั้งใจให้เธอสวมมันเพื่อเขา เธอกลืนน้ำลายมองประตูที่ปิดสนิทและแล้ว...เสียง แกร๊ก จากลูกบิดก็ดังขึ้นในความเงียบ

คีลก้าวเข้ามาในห้องเงียบ ๆ เขาสวมเสื้อคลุมอาบน้ำสีดำ เส้นผมเปียกเล็กน้อยเหมือนผ่านการอาบน้ำมาหมาด ๆ ใบหน้าของเขาไร้อารมณ์แต่แววตา...กลับสว่างวาบราวกับมีเปลวเพลิงซ่อนอยู่ข้างใน

เขาไม่พูดไม่ถามแค่เดินเข้าไปหาช้า ๆ และหยุดตรงหน้าเธอ ดวงตาสีเทาเข้มของเขากวาดมองร่างของเธอจากบนลงล่างอย่างเย็นชา ลลินพยายามไม่ให้ตัวเองสั่น

เขายกมือขึ้น ช้า ๆ นิ้วเรียวยาวแตะลงมาที่ปลายคางมน...แล้วปล่อยมือออก จากนั้น เขาเพียงแค่พูดสั้น ๆ “ถอด!”

ลมหายใจของเธอสะดุด เขาไม่ได้แตะไม่ได้ออกแรงแต่คำพูดเดียวของเขา กลับทำให้เธอทำตามคำสั่ง เธอหลับตา สูดลมหายใจ แล้วเอื้อมมือไปยังสายผูกข้างเอวค่อย ๆ ดึงออก ผ้าบางค่อย ๆ ร่วงจากร่าง เผยให้เห็นเนื้อเปล่าเปลือยภายใต้แสงไฟ

เขาไม่ขยับไม่แตะต้องแค่ยืนจ้องเหมือนกำลัง “ประทับภาพ” ไว้ในหัว จากนั้นเขาก็เอ่ยอีกคำ “ขึ้นเตียง”

เธอก้าวขึ้นเตียงโดยไม่พูด...แต่ร่างกายแทบล้มลงเพราะแรงกดจากสายตาที่กำลังจ้องมองมา ลลินไม่เคยรู้เลยว่าสายตาของผู้ชายคนหนึ่งจะสามารถบังคับให้เธอทำอะไรก็ได้

เธอนั่งคุกเข่าบนผ้าปูสีงาช้าง สายตาไม่กล้ามองขึ้น แขนทั้งสองข้างยกขึ้นกอดร่างกายตัวเองเอาไว้ เพื่อใช้มันบดบังเรือนกายเปล่าเปลือยที่ไม่มีอะไรปกปิดผิวเปลือยเลยแม้แต่น้อย

คีลยังคงยืนอยู่เขาไม่พูด ไม่แม้แต่ขยับ เพียงแค่ยืนจ้องเธอในระยะที่ไกลพอจะปล่อยให้เธอจมอยู่ในความรู้สึกหลากหลาย ที่ถูกแสดงออกมาทางสีหน้าทั้งหมด

ผ่านไปนานแค่ไหนไม่มีใครรู้ แล้วเขาก็เดินเข้าใกล้ แต่ร่างเธอขยับหนีโดยอัตโนมัติเสียงลมหายใจของเธอแรงขึ้น มือสั่นโดยที่ไม่ได้ถูกจับ หัวใจเต้นเหมือนกลองรบ แต่เธอกลับรู้สึกว่ามันคือ...แรงดึงดูดประหลาด ที่ทั้งผลักและดึงให้เข้าหาในเวลาเดียวกัน

คีลนั่งลงข้างเตียงช้า ๆ แผ่นหลังของเขาตั้งตรง แววตานิ่งเหมือนสิงโตที่รอเหยื่อ “เข้ามาใกล้ๆ” เธอยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่ายปลายนิ้วเรียวแตะที่ปลายคางของเธอเชยขึ้นช้า ๆ ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะโน้มลงมาและจูบเธอในที่สุด

จูบที่เร่าร้อนและทรมาน มันไม่ใช่จูบจากความรัก แต่มันคือจูบของความเกลียดชัง เป็นจูบที่ตอกย้ำให้เธอรู้สถานะของตัวเอง ลลินพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล เผยอปากตอบรับจูบของเขา

ริมฝีปากหนากดหนัก ดูเชี่ยวชาญ ลิ้นร้อนรุกล้ำเข้ามาในช่องปากโดยไม่รอคำอนุญาต เสียงครางแผ่วหลุดออกจากลำคอเธออย่างไม่รู้ตัว มือของเขาแตะลงบนแผ่นหลัง ลากมือบีบเคล้นลงที่ก้นงอนงาม

“อึก…” เธอสะอื้นเบา ๆ

“นี่แค่เริ่มต้นเองนะ ไม่ไหวแล้วเหรอ” เขาจ้องริมฝีปากนุ่มนิ่มที่ตอนนี้มันบวมแดงเพราะฝีมือของตัวเอง

ลลินสายตาหลุบต่ำ ไม่กล้ามองใบหน้าของเขา คีลเอนตัวพิงหัวเตียงนอน มือของเขาค่อย ๆ ดึงปมเชือกผูกเอวของตัวเองออก ก่อนที่จะออกคำสั่งกับเธออีกครั้ง

“ใช้ปาก...” เสียงทุ้มต่ำของเขาดังขึ้นเพียงคำเดียว เธอไม่ตอบ ไม่ปฏิเสธ เพราะรู้ว่า... นี่คือ “หน้าที่” ในฐานะลูกหนี้ที่หนีไม่พ้น

เธอขยับเข้าใกล้ค่อย ๆ ประคองแก่นกายของเขาไว้ในมือ แล้วค่อย ๆ ครอบริมฝีปากลงไปทีละน้อย ความใหญ่กำลังพองเต็มโพรงปาก เสียงสูดหายใจดังขึ้นจากร่างสูงใหญ่

มือหนาจับท้ายทอยเธอเอาไว้ รู้ได้ทันทีว่า... เขาชอบและเขากำลังอดกลั้นต่อความเสียวซ่านที่เธอกำลังมอบให้

“อ๊า...” เธอขยับริมฝีปากขึ้นลงช้า ๆ ลิ้นแตะไล่ไปตามรอบส่วนปลายอย่างชำนาญ เสียงในลำคอเขาเริ่มต่ำลง มือเขากดแน่นที่ท้ายทอย ก่อนสะโพกหนากระตุกเบา ๆ ในบางจังหวะที่ดันลึกขึ้น
ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel