บทที่2 อกหัก (2)
รัดเกล้าถึงกับควันออกหูเลยเชียวที่ฟาบิโอตอบคำถามแบบไม่ถนอมน้ำใจและไว้หน้าเธอเลย หรืออีกนัยหนึ่งก็คือ เขาไม่แคร์เธอ ไม่เลยสักนิด!
และสาเหตุที่เขาเย็นชาต่อเธอเช่นนี้คงมาจากเหตุการณ์เมื่อคืน ซึ่งการที่เธอปฏิเสธที่จะมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับเขาก็ไม่ได้หมายความว่าเธอยินยอมให้เขายุ่งเกี่ยวและมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงคนอื่นได้
เขาทำแบบนี้ก็เท่ากับเหยียบย่ำหัวใจกันชัด ๆ!
“ฉันจะพยายามเข้าใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเพื่อนสนิทของคุณ หรือไม่ก็เป็นญาติคนไหนของคุณที่มาพักอาศัยร่วมห้องกับคุณ โอเคไหม?”
ฟาบิโอไม่ตอบ นอกจากอัดควันบุหรี่เข้าปอด แล้วพ่นควันขาว ๆ ออกมาจนรัดเกล้าแทบหายใจไม่ออก
“แต่ดิฉันมีคำอธิบายที่ดีกว่านั้นนะมิสพิพัฒน์พงษ์” สาวผมสีน้ำตาลเข้มที่ขยี้บุหรี่กับลูกกรงระเบียงปรายตามามองรัดเกล้า จากนั้นเธอจึงเข้ามาสวมกอดฟาบิโออย่างสนิทสนม “ฉันกับฟาบิโอตัดสินใจว่าเราจะกลับมาคบกันอีกครั้ง หวังว่าคุณจะเข้าใจนะคะ”
“เรา...งั้นเหรอ?”
“ใช่ เรา” สาวผมสีน้ำตาลย้ำคำเดิม
รัดเกล้ารู้สึกว่าความโกรธขั้นสูงสุดทำให้เธอหูบอดไปชั่วขณะเลยเชียว เธอยืนนิ่งงันอยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนปรายตาไปยังฟาบิโอตัวต้นเหตุที่โอบเอวแม่สาวเซ็กซี่อย่างไม่แคร์ความรู้สึกของเธอ
“อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิเทียร่า นี่ไม่ใช่ความผิดของผมนะ คุณต่างหากที่ปฏิเสธผมก่อน และผมก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเองไม่ใช่เหรอ”
ราวกับถูกตบหน้า รัดเกล้ารู้สึกชาไปทั้งหน้า คิดไม่ถึงว่าเธอจะได้ยินถ้อยคำนี้จากฟาบิโอ
“คุณพูดอย่างนี้ออกมาได้ไงฟาบิโอ?”
“ก็มันเรื่องจริง หรือคุณกล้าปฏิเสธล่ะ?”
หัวใจดวงน้อยเจ็บหนึบยิ่งกว่าเก่าเมื่อคำพูดของเขาราวกับแส้หนามที่เฆี่ยนตีหัวใจ
“คนอย่างคุณต้องการแค่เซ็กซ์เท่านั้น”
“พูดอีกก็ถูกอีก มีใครบ้างล่ะที่ไม่ต้องการเซ็กซ์ ผมไม่ใช่นักบวชนักบุญที่จะอดใจต่อสิ่งงดงามแสนเย้ายวนพวกนี้ได้ และผมไม่เคยอดอยากสักครั้ง ยกเว้น เมื่อมาคบกับคุณ” ฟาบิโอเหยียดยิ้ม แล้วจุมพิตสาวผมสีน้ำตาลเข้มที่เอียงแก้มมาให้เขาอย่างเต็มใจ
ภาพบาดตาบาดใจนี้เองที่ทำให้รัดเกล้าทนต่อสิ่งเร้าต่อไปไม่ไหว เธอตรงเข้าไปแยกคนสองคนออกจากกัน พร้อมกับระดมกำปั้นใส่หน้าอกของฟาบิโอด้วยความเจ็บใจ แต่เขากลับใช้แรงที่มากกว่าผลักให้เธอกระเด็นมาชนเก้าอี้จนจุก
“ผมคิดว่าเราสองคนควรยุติความสัมพันธ์แบบแฟนเท่านี้ คุณไม่เหมาะที่จะเป็นแฟนของผมหรอกเทียร่า”
“คุณพูดอะไรออกมาฟาบิโอ!!!” หญิงสาวทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ออกมาให้ได้ เขาบอกเลิกความสัมพันธ์กับเธอต่อหน้าผู้หญิงคนอื่น ซ้ำผู้หญิงคนเก่าของเขายังยิ้มเยาะเย้ยเธอ
นี่มันเรื่องบ้า บ้าที่สุดเลย!!!
“ก็ตามที่คุณได้ยินนั่นล่ะ คุณขี้หึงมากเกินไปที่จะมาเป็นแฟนของผม ผู้หญิงของผมทุกล้วนใจกว้าง และที่สำคัญเธอให้อิสระกับผมเต็มที่”
ฟังเหตุผลของเขาเถอะ!
และที่ทำให้รัดเกล้าตกใจแทบช็อกนั่นก็คือ อยู่ ๆ มีผู้หญิงผมสั้นอีกคนซึ่งนุ่งกระโจมอกออกจากห้องน้ำ พร้อมปรายตามามองเธออย่างสนใจ สายตาคู่นั้นคล้าย ๆ จะถามว่าเธอเป็นใคร แต่ก็ไม่มีคำถามอะไรออกมา นอกจากจะเดินผ่านเธอไปและเข้าไปจุมพิตฟาบิโออีกคน
ซึ่งภาพที่เห็นยิ่งทำให้รัดเกล้า ‘มึนหนัก’ ยิ่งกว่าเก่า ริมฝีปากจิ้มลิ้มเผยอขึ้นน้อย ๆ จนเห็นฟันกระต่ายซี่ขาวสะอาดคู่หน้า ขณะที่ดวงตาคมสวยยังสบนิ่งกับดวงตาของฟาบิโอ
“อ้อ ผมเกือบลืมบอกคุณไปอีกอย่างนะเทียร่า มิเชลใจกว้างให้ผมคบหากับลอร่าได้ด้วย เธอสองคนคือผู้หญิงของผมในตอนนี้”
รัดเกล้ามองหน้าคนนั้นที คนนี้ที และเธอก็เข้าใจในสิ่งที่ฟาบิโอบอกกับเธอมากขึ้น
“ไอ้ทุเรศ! ทุเรศที่สุด ไอ้คนเฮงซวย!” รัดเกล้าบริภาษออกมาเป็นภาษาไทยอย่างเหลืออด
พร้อมปากระเป๋าสตางค์ที่ตั้งใจนำมาคืนใส่หน้าหล่อเหลาของฟาบิโออย่างแม่นยำ จากนั้นเธอจึงร้องไห้โฮแล้ววิ่งออกจากห้อง โดยมีเสียงหัวเราะชอบอกชอบใจของหนุ่มสาวดังไล่หลังมา…
ว่ากันว่าช่วงเวลาอกหักคือช่วงเวลาที่หนุ่มสาวจะอ่อนไหวมากที่สุด และคนเราสามารถลุกขึ้นมาทำอะไรที่เพี้ยน ๆ ที่คนปกติไม่สามารถทำกันได้ ซึ่งรัดเกล้าก็เป็นหนึ่งในจำนวนคนเพี้ยนพวกนั้น รัดเกล้าเอาแต่ขังตัวเองอยู่ในห้องพักและร้องห่มร้องไห้เป็นวัน ๆ โดยไม่สนใจว่าเธอต้องกินต้องนอน และต้องออกไปทำงานเหมือนคนอื่น ๆ
เธอร้องไห้ให้กับความไม่เอาไหนของตนเองที่ไปตกหลุมรักผู้ชายแสนเลวคนนั้น พอคลายโศกเศร้าเสียใจบ้างแล้วนั่นล่ะเธอจึงโทร ฯ ไปลางาน จากนั้นจึงลุกขึ้นมาสลัดภาพผู้หญิงแสนเศร้าของตนเองทิ้งซะ
ถึงเธอจะมีความมั่นใจในตัวเอง และมั่นใจว่าเธอมีเรือนร่างที่สวยงามไม่แพ้สาวคนอื่น ๆ แต่รัดเกล้าก็มีนิสัยอย่างหนึ่ง คือไม่ชอบโชว์ของดีที่แม่ให้มาให้ใครได้เห็น ยกเว้นแต่ออกงานเลี้ยง และมีนัดสำคัญเท่านั้น
แต่เมื่อถึงวิกฤตพบกับความผิดหวังเข้า เธอถึงจะลุกขึ้นมาเปลี่ยนตัวเองสักครั้ง ปกติรัดเกล้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบแฟชั่นเป็นอย่างมาก สิ่งที่เธอรักและสนใจเป็นพิเศษคือแฟชั่นการแต่งตัวของสาว ๆ ในมิลาน
แต่ก็ขัดแย้งกันตรงที่เธอชื่นชอบการออกแบบเสื้อผ้าสวย ๆ ให้คนอื่นได้สวมใส่ซะมากกว่า ขณะที่ตัวเธอเองกลับไม่ค่อยแต่งตัวตามแฟชั่น นอกจากชอบแต่งตัวสวนกระแส และเลือกแฟชั่นการแต่งตังที่เป็นตัวของตัวเองแบบสุด ๆ เท่านั้น
