ตรวนรักกรงหัวใจ

162.0K · จบแล้ว
อาคาเซีย/แวววิวาห์/สลิลโรส/ผิงอัง
121
บท
14.0K
ยอดวิว
7.0
การให้คะแนน

บทย่อ

‘รัดเกล้า’ ตกเป็นเหยื่อจากการไล่ล่าของมาเฟียอิตาลีชนิดที่เธอไม่ทันรู้เนื้อรู้ตัว หญิงสาวรู้แค่ว่าครอบครัวของเธอโดนคุกคามจาก ‘เรโก้ อัลฟอเน่’ นักธุรกิจรูปหล่อจากอิตาลีเท่านั้นแต่เหมือนเป้าหมายของชายหนุ่มดวงตาสีมรกตผู้มากล้นด้วยเสน่ห์จะไม่หยุดที่เรื่องธุรกิจเพียงอย่างเดียว แต่ที่ชายหนุ่มต้องการคือตัวรัดเกล้า!ด้วยการกระทำเจ้าเล่ห์แสนน่าอับอายของเรโก้ ที่ล่วงเกินเธอให้ญาติผู้ใหญ่ของเธอได้เห็นอย่างจงใจ จึงทำให้รัดเกล้าต้องฝืนใจแต่งงานกับเขาอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้รัดเกล้าอยากตกเป็นภรรยาของผู้ชายจอมร้ายกาจคนนี้ซะที่ไหนเล่า ในคืนวันแต่งงานเธอจึงเปิดศึกน้ำผึ้งพระจันทร์ด้วยการแยกห้องนอนกับเขาซะ ซ้ำยังหวดเรโก้ด้วยไม้เบสบอลเมื่อเขาบุกเข้ามาที่ห้องนอนของเธออีก!เรื่องนี้เองที่ทำให้เรโก้ อัลฟอเน่ ผู้ผยองในชาติตระกูลของตนเอง และไม่เคยเสียท่าให้ใครจึงต้องเปิดศึกน้ำผึ้งพระจันทร์กับเธอคนนี้ในแบบฉบับของเขา!“อย่าค่ะ เดี๋ยวฉันจัดการเอง คุณออกไปข้างนอกก่อนเถอะ”เธอห้ามเสียงสั่นรีบหันหลังให้ แต่นั่นก็ไม่ช่วยอะไรได้เลย เพราะเรโก้เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว และบั้นท้ายงอนงามที่ขาวยั่วตานั่นก็ปลุกอารมณ์ของเขาได้ดีนัก!“จะห่วงไว้ทำไมล่ะ ชุดเปียกหมดแล้วใส่ไปเดี๋ยวก็เป็นหวัดหรอก”“แต่ฉัน...”รัดเกล้าเอาแต่ห่อตัวเข้าหากันแล้วก้มหน้างุดไม่กล้าสบตาของเขา ดูเหมือนเรโก้จะรู้ทันความคิดของหญิงสาวจึงจับไหล่บางแล้วหมุนเธอมาเผชิญหน้ากับเขา“จะอายทำไม ผมเองยังไม่มีอะไรติดตัวสักชิ้น”

นิยายรักโรแมนติกนิยายรักนิยายปัจจุบันแต่งงานสายฟ้าแลบนางเอกเก่งบอดี้การ์ดมาเฟียโรแมนติกพระเอกเก่ง

บทนำ ตรวนรัก กรงหัวใจ (1)

ณ คฤหาสน์เก่าแก่ของตระกูลอัลฟอเน่...

ร่างสูงเพรียวสง่างามในชุดสูทสีกรมท่า กางเกงสแล็ก ผูกเนกไทสีเดียวกับเสื้อสูทพร้อมด้วยบอดี้การ์ดผู้ติดตามอีกสองนาย นั่นก็คือ โจวันนี และ ราฟาเอล

พอก้าวยาว ๆ ผ่านโค้งประตูเข้ามาในคฤหาสน์ด้วยความเร่งรีบ บรรดาบอดี้การ์ดผู้ซื่อสัตย์ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดีจากบ้านอุปถัมภ์ซึ่งถูกฝึกฝนเพื่อมาดูแลความปลอดภัยให้ประมุขผู้ปกครองบ้าน

ต่างพากันค้อมศีรษะให้ชายหนุ่มวัยสามสิบปีซึ่งเป็นหลานชายของท่านประธานใหญ่แห่งอัลฟอ – ลาซิโอ ผู้ก่อตั้งธุรกิจรายใหญ่และเป็นฟันเฟืองขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจสำคัญบนเกาะซิซิลีอย่างนอบน้อม

บรรดาเมดสาวในชุดเครื่องแบบเฉพาะซึ่งกำลังง่วนอยู่กับการทำความสะอาดผืนพรม และไม่ทันได้ตั้งตัวกับการมาเยือนของ ‘เรโก้ อัลฟอเน่’ หนึ่งในทายาทคนสำคัญของตระกูลอัลฟอเน่พากันหยุดมือแล้วรีบแสดงความเคารพชายหนุ่มรูปงามแทบไม่ทัน

กระนั้น... หนุ่มลูกเสี้ยวไทย – อิตาเลี่ยนรายนี้ก็ใจร้ายเหลือเกิน...

นอกจากเขาจะไม่ ‘แยแส’ รอยยิ้มหวาน ๆ ของบรรดาเมดสาวเหล่านี้แล้ว เขายังมีสีหน้าเรียบเฉยขณะเดินขึ้นบันไดโค้งสีทองขดพันอย่างสวยงามซึ่งปูด้วยพรมสีแดงไปยังชั้นสามของคฤหาสน์ โดยไม่หันไปสนใจสายตาหวานหยดย้อยของแม่สาวพวกนี้แม้แต่น้อย

และกิริยานี้เองที่พาให้บรรดาเมดสาวพากันหัวใจสลาย

เรโก้ อัลฟอเน่ ช่างเย่อหยิ่งนัก!

เมื่อถึงหน้าห้องพักของประมุขผู้ปกครองคฤหาสน์ซึ่งเป็นผู้มีอิทธิพลอาวุโสแห่งแกะซิซิลี หนุ่มลูกเสี้ยวไทย – อิตาเลี่ยนจึงยกมือให้สัญญาณกับบอดี้การ์ดทั้งสองซึ่งคอยติดตามรับใช้ใกล้ชิดให้รออยู่หน้าห้อง ส่วนตัวเขาสูดอากาศเข้าปอดลึกแล้วขยับห่วงโลหะรูปสิงห์สีทองวงโต

อึดใจต่อมาประตูห้องจึงเปิดออกกว้าง พร้อมการโค้งศีรษะอย่างนอบน้อมของผู้ที่เปิดประตูให้

ก้าวผ่านโค้งประตูแกะสลักมาได้ เรโก้จึงพุ่งสายตาไปยังประมุขของบ้านซึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้หนังสีดำตัวใหญ่และกำลังเอนกายอยู่ในอิริยาบถแสนสบาย

ข้าง ๆ คุณปู่มอร์แกน อัลฟอเน่ คือบอดี้การ์ดหนุ่มในชุดสูทหน้าตาขึงขังถึงห้านายซึ่งยืนเรียงหน้ากระดานเตรียมพร้อมรับคำสั่งจากคุณปู่ของเขาตลอดเวลา

เห็นภาพเดิม ๆ แสนเบื่อหน่าย เรโก้ก็อดตั้งคำถามให้กับตนเองไม่ได้ ว่าคุณปู่ที่เคารพรักของเขาไม่รู้สึกอึดอัดที่ต้องแย่งอากาศหายใจกับผู้ติดตามพวกนี้บ้างเลยหรือ?

ดวงตาสีมรกตพุ่งตรงไปยังประมุขสูงวัยพร้อมค้อมศีรษะให้อย่างนอบน้อม ก่อนริมฝีปากหยักได้รูปสวยสีชมพูจะแย้มยิ้มให้กับคนที่เขารักและเทิดทูน

“กว่าจะโผล่หัวมาที่นี่ได้ ต้องให้รอเป็นสัปดาห์เลยนะครับ คุณเรโก้...” น้ำเสียงทุ้มกังวานของท่านประมุขของคฤหาสน์ซึ่งมีวัยล่วงถึงเจ็ดสิบห้าปีล้อเล่นมากกว่าจริงจัง

และน้ำเสียงเอ็นดูนี้เองที่ทำให้ชายหนุ่มหายกังวลว่าคุณปู่ที่เคารพรักของเขาจะโกรธในเรื่องที่เขาปฏิบัติตามคำสั่งล่าช้า

“ต้องขออภัยในความล่าช้าด้วยครับ พอดีผมมีเรื่องวุ่นวายที่ต้องรีบจัดการเร่งด่วน” เรโก้บอกเสียงเรียบ ก่อนปรายตาไปยังบรรดาผู้ติดตามซึ่งเรียงหน้ากระดานปั้นหน้านิ่งราวกับหุ่นยนต์ พอเห็นหน้าบอดี้การ์ดพวกนี้แล้วก็รู้สึกขวางหูขวางตาขึ้นมาอีกสิน่า

ให้ตายเถอะ! เขาไม่เคยรู้สึกถึงความเป็นส่วนตัวสักครั้งที่ต้องเหยียบเข้ามาในคฤหาสน์แห่งนี้

คำถามก็คือ คุณปู่ที่เคารพรักของเขาไม่รู้สึกรำคาญบ้างเลยหรือที่ต้องอยู่กับลูกน้องแทบตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงแบบนี้

“อะแฮ่ม ผมต้องการความเป็นส่วนตัวเพื่อคุยธุระสำคัญกับคุณปู่สักครู่... ได้มั้ย?”

บอดี้การ์ดฝีมือดีชำเลืองมองหน้ากันคล้ายปรึกษาแต่ยังคงรักษาความนิ่งสงบตามที่ฝึกฝนมาเป็นอย่างดีเอาไว้ ประมุขของบ้านที่เห็นท่าทีนี้จึงโบกมือแทนคำอนุญาต นั่นล่ะ บรรดาผู้ติดตามทั้งหมดจึงค้อมศีรษะให้ท่านประธานอย่างนอบน้อมแล้วพากันออกไปจากห้อง

เรโก้ดุนลิ้นที่กระพุ้งแก้มเล่นขณะมองตามแผ่นหลังกว้างของคนเหล่านี้ไป จากนั้นจึงพ่นลมหายใจออกมายาว

เฮ้อ รู้สึกว่าหายใจได้โล่งจมูกขึ้นมาหน่อยแล้วล่ะ...

พอความเป็นส่วนตัวกลับมาเรโก้หันกลับมาให้ความสนใจประมุขของบ้านอีกครั้ง “คุณปู่เรียกผมมา มีอะไรให้ผมรับใช้ครับ?”

มุมปากของผู้สูงวัยยกขึ้นน้อย ๆ คล้ายรอยยิ้ม... แต่ก็ยังไม่ใช่รอยยิ้มซะเลยทีเดียว

“คนอย่างผมน่ะเหรอ จะกล้าเรียกใช้งานคุณเรโก้”

“โธ่ คุณปู่” เรโก้โอดครวญขึ้นมาทันทีที่ถูกล้อเล่นเช่นนี้

กิริยานี้เองที่เรียกรอยยิ้มอย่างเอ็นดูจากมอร์แกน อัลฟอเน่ เจ้าพ่อมาเฟียผู้ทรงอิทธิพลทางใต้ของอิตาลี

ดวงตาสีน้ำข้าวแฝงฝังความดุดันเฉียบขาดจึงเปลี่ยนเป็นความอ่อนโยนขณะส่งตรงให้หลานชายหัวแก้วหัวแหวนที่ถอดเขามาแทบจะทุกกระเบียดนิ้ว ยกเว้นนิสัย...

“ที่เรียกตัวแกมา เพราะมีงานสำคัญเกี่ยวกับองค์กรจะให้ทำ”

ได้ยินน้ำเสียงเนิบ ๆ จากคุณปู่มอร์แกนเช่นนั้นรอยยิ้มสดใสเมื่อครู่จึงอันตรธานหาย สีหน้าของชายหนุ่มจึงกลายเป็นขรึมขึ้นมาทันที และสีหน้าจริงจังของเรโก้ในตอนนี้ จึงมิได้ผิดแผกไปจากใบหน้าของท่านประธานใหญ่ในสมัยหนุ่ม ๆ ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้นุ่มแม้แต่น้อย