บท
ตั้งค่า

บทที่ 9

จือลู่ที่เห็นอาการของน้องชายก็กระซิบบอกว่าทั้งหมดเป็นเงินสามหมื่นตำลึงทอง แม้จะเก็บอาการตามคำพูดของพี่สาวแต่หนิงเฉิงก็ยังมือสั่นอย่างตกใจอยู่ดี

"เจ้าจะรับเป็นตั๋วเงินทั้งหมดเลยหรือไม่" หมอโยวถามจือลู่

"ข้ารับเป็นตั๋วเงินทั้งหมดเจ้าค่ะ แต่ขอตั๋วเงินร้อยตำลึงเงิน กับห้าสิบตำลึงเงินด้วยเจ้าค่ะ" เพราะนางจำต้องซื้อของกลับเรือนด้วย

สองพี่น้องนั่งรอเพียงไม่นานหลงจู๊ก็นำตั๋วเงินมาส่งให้ จือลู่นำตั๋วเงินใบละห้าสิบตำลึงแยกใส่อกเสื้อนางไว้สองใบและส่งให้หนิงเฉิงสองใบ ที่เหลือยัดใส่ถุงที่นางใส่ถังเช่ามาท่ามกลางสายตาตกตะลึงของทุกคน หนิงเฉิงจึงช่วยพี่สาวนำผักป่าที่นำมาด้วยวางทับไว้ด้านบน หากมองผ่านๆก็จะเห็นเพียงทั้งคู่แบกผักป่ามาขาย

ทั้งสองบอกลาหลงจู๊และท่านหมอโยวก่อนที่จะเดินออกจากร้านไป หมอโยวยืนมองสองพี่น้องอย่างใช้ความคิดเขาลูบคางตนเอง แล้วเดินกลับเข้าไปที่ห้องทำงานเพื่อเขียนจดหมายส่งไปที่เมืองหลวง

จือลู่เมื่อออกมาจากโรงหมอนางก็พาหนิงเฉิงเดินไปหาอะไรกิน

"เฉิงเออร์เจ้าอยากกินอันใด" หนิงเฉิงดวงตาสว่างวาบแล้วชี้ไปที่ร้านบะหมี่เนื้อที่ส่งกลิ่นหอมข้างทาง

"ได้" จือลู่จึงเดินพาน้องชายไปนั่งที่โต๊ะ

"ท่านลุงบะหมี่เนื้อ เพิ่มเนื้อสองที่เจ้าค่ะ"

สองพี่น้องกินบะหมี่เนื้อย่างอร่อย นางมองหนิงเฉิงที่กินหมดอย่างรวดเร็วก็สั่งเพิ่มให้เขาอีกหนึ่งชาม เมื่อทั้งคู่กินหมด จือลู่ก็เดินพาน้องชายไปที่ที่ว่าการเพื่อสอบถามเรื่องซื้อเรือน

เจ้าหน้าที่ว่าการเห็นสภาพสองพี่น้องที่แต่งตัวไม่ต่างจากขอทานเพียงแต่สะอาดกว่าเท่านั้นก็นึกดูแคลน ยิ่งจือลู่บอกว่านางจะมาสอบถามเรื่องเรือนที่ขายในเมือง เจ้าหน้าที่ด้านหน้าก็พากันหัวเราะอย่างขบขัน และไล่สองพี่น้องออกจากที่ว่าการไป

จือลู่มองพวกเขาอย่างแค้นใจ พรุ่งนี้นางจะมาใหม่ แล้วจะซื้อจวนหลังใหญ่กลับไปด้วย จือลู่จึงดึงมือน้องชายไปที่ร้านขายผ้าแทน ร้านแรกที่นางไม่เข้าไปเพราะเสี่ยวเอ้อหน้าร้านเหมือนจะรังเกียจทั้งคู่ นางไม่อยากให้น้องชายอับอายเช่นที่ว่าการอีกนางจึงไปร้านที่เล็กกว่า

"พวกเจ้าต้องการเสื้อผ้าที่ตัดแล้วหรือต้องการผ้า" จือลู่พยักหน้าอย่างพอใจที่เห็นเสี่ยวเอ้อพูดคุยกับนางและน้องชายอย่างดี

"พี่ชายข้าต้องการเสื้อผ้าที่ตัดแล้วเจ้าค่ะ" เสี่ยวเอ้อเดินนำทั้งคู่เข้าไปในร้านและส่งให้คนขายที่เป็นสตรีดูแลทั้งคู่ต่อ

จือลู่เลือกซื้อเสื้อผ้าให้นางกับน้องคนละห้าชุดที่เป็นผ้าเนื้อดี และผ้าฝ้ายที่ใส่ทำงานได้อีกสามชุด เสี่ยวเอ้อร้านตรงข้ามมองนางอย่างไม่เชื่อสายตาว่าทั้งคู่ที่คิดว่าเป็นขอทานจะซื้อเสื้อผ้ามากมายเพียงนี้

จือลู่มิได้เปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที นางนำเงอนสิบตำลึงออกมาจ่ายแล้วพาหนิงเฉิงไปหาที่พัก เพราะนางจะซื้อเรือนในเมืองให้ได้จึงไม่ได้กลับหมู่บ้านในทันที

ทั้งคู่เลือกโรงเตี๊ยมธรรมดาไม่ได้เพราะเสื้อผ้าที่ทั้งคู่สวมใส่ อีกอย่างก็เพื่อปกกันโจรที่จะมาปล้นพวกเขาทั้งคู่ จือลู่เปิดห้องพักสองห้อง เมื่อสองพี่น้องนำของไปเก็บแล้วเปลี่ยนเสื้อผ้าก็ออกไปเดินสำรวจรอบตัวเมืองอีกครั้ง

จือลู่นำตั๋วเงินทั้งหมดที่ได้มาแบ่งออกเป็นสองกองแล้วเก็บไว้ที่อกเสื้อของนางและหนิงเฉิง ที่ไม่นำไม่ฝากร้านฝากเงินเพราะนางจะนำไปเก็บไว้ที่กล่องเครื่องสำอางของนางแทน

เมื่อเดินสำรวจไปตามถนนเส้นต่างๆเพื่อดูการค้าและความเป็นอยู่ จือลู่อยากได้เรือนที่ไม่วุ่นวายนักและอยากให้อยู่ไม่ห่างจากสำนักศึกษาที่จะให้หนิงเฉิงได้เข้าเรียน

เพราะเจ้าหน้าที่ทางการไม่ยอมให้สองพี่น้องเข้าไปเพื่อติดต่อซื้อเรือน จือลู่จึงหารือกับหนิงเฉิงว่าพวกเขาควรจะขอความช่วยเหลือจากท่านหมอโยว อย่างไรก็ทำการค้าด้วยกัน ท่านหมอโยวคงจะไม่ใจร้ายกับพวกตนนัก

"พี่ชายพวกข้ามาขอพบท่านหมอโยวเจ้าค่ะ" จือลู่บอกเสี่ยวเอ้อที่อยู่หน้าร้าน

เพียงไม่นานทั้งคู่ก็ถูกเชิญเข้าไปด้านในเพื่อพบท่านหมอโยวที่ห้องรับรอง

"พวกเจ้านำหญ้าหนอนมาขายอีกแล้วหรือ" ท่านหมอโยวพูดอย่างตกใจ จือลู่มองเขาด้วยสายตาเหมือนมองคนสติไม่ดี

"หากหาง่ายเช่นนั้น ท่านคงไม่ซื้อในราคาที่แสนแพงเช่นนี้" จือลู่เอ่ยขึ้น

"เช่นนั้นพวกเจ้ามาพบข้าด้วยเรื่องอันใด"

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel