บทที่ 8
สองชั่วยามที่นั่งโขยกเขยกมาตลอดทาง จือลู่กับหนิงเฉิงที่ต้องยืนนิ่งๆเสียก่อนเมื่อลงจากเกวียนวัว ก็เริ่มออกเดินสอบถามชาวเมืองว่าร้านขายยาที่ให้ราคายุติธรรมคือร้านใด
"แม่นางน้อย เจ้านำสมุนไพรไปขายที่ร้านยาฉือกัง ท่านหมอโยวให้ราคายุติธรรมกับเจ้าแน่นอน" แม่ค้าขายผักป่าบอกสองพี่น้อง
ทั้งคู่จึงรีบแบกตะกร้าเดินไปทางที่แม่ค้าชี้บอก เสี่ยวเอ้อหน้าร้านก็ไม่ได้ดูถูกทั้งคู่ที่สวมเสื้อผ้าเก่าๆ มีแต่รอยปะชุน แถมยังยิ้มรับพูดคุยสอบถามอย่างดี
"ไม่ทราบว่าพวกเจ้าต้องการขายสมุนไพรหรือซื้อยา"
"พี่ชาย ข้ามีสมุนไพรมาขายไม่ทราบว่าร้านท่านจะซื้อหรือไม่ขอรับ" หนิงเฉิงหยิบถังเช่าขึ้นมาหนึ่งกำมือ แล้วส่งไปให้เสี่ยวเอ้อ
"พวกเจ้ารอประเดี๋ยว ข้าต้องไปถามท่านหลงจู๊เสียก่อน" เพราะเขาไม่เคยเห็นสิ่งที่ทั้งคู่นำมา แต่ก็ไม่อาจไล่ไปได้ เพราะท่านหมอเคยสั่งไว้ หากพบสมุนไพรที่ไม่รู้จักให้มาสอบถามเสียก่อน จึงได้รีบเดินไปหาหลงจู๊ที่อยู่ภายในร้าน
เพียงไม่นานหลงจู๊ก็รีบร้อนออกมาพร้อมเสี่ยวเออร์ แล้วให้สองพี่น้องเดินตามเข้าไปด้านในของร้าน
"พวกเจ้าหาสิ่งนี้จากที่ใด" จือลู่จ้องมองหลงจู๊นิ่งแต่ไม่พูดออกมา หนิงเฉิงก็เช่นกัน หากเพียงแค่ดูจากท่าทางที่ตื่นเต้นของหลงจู๊ก็รู้ว่าของที่นำมาขายได้ และต้องได้ราคาที่ดีแน่
"เอ่อ ข้าถามผิดแล้ว พวกเจ้ามีมากน้อยเพียงใด" หลงจู๊เปลี่ยนคำถามเสียใหม่เมื่อเห็นสีหน้าของสองพี่น้องที่ดูจะไม่พอใจ แม้จะอยู่ในชุดปะชุน แต่ท่าทางของทั้งคู่ก็ทำให้เขามิอาจดูแคลนได้
"อยู่ที่ท่านว่าให้ราคาที่ดีเพียงใดเจ้าค่ะ"
"ดีดีดี ไหนข้าขอดูเสียหน่อย" ชายชราหนวดขาวท่าทางทรงภูมิตบมือขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่แสนฉลาดของจือลู่
สองพี่น้องรีบลุกทำความเคารพและแนะนำตัวทันที
"ไม่ต้องมากพิธี เจ้านำออกมาให้ข้าตรวจสอบเสียหน่อย" เขาโบกมือเพื่อให้ทั้งคู่นั่งลง หนิงเฉิงจึงนำถังเช่าในตอนแรกที่ตนส่งให้เสี่ยวเอ้อส่งให้ชายชราดู
ท่านหมอโยวเมื่อหยิบถังเช่าที่หนิงเฉิงส่งมาให้ก็อดจะแปลกใจไม่ได้ ถังเช่าที่มีขนาดใหญ่ วิธีการเก็บก็สมบูรณ์ในสองคนนี้ต้องมีคนใดที่รู้วิธีเก็บเป็นแน่ แล้วยังทำความสะอาดมาเรียบร้อยแล้วด้วย
"พวกเจ้ารู้วิธีเก็บ" เขาเงยหน้าขึ้นมาจากกองถังเช่า แล้วเอ่ยถามสองพี่น้อง
"ข้าเพียงรู้มาเล็กน้อยเจ้าค่ะ ไม่กล้ารับคำชมของท่านหมอ" จือลู่ก้มศีรษะลง
หมอโยวมองสองพี่น้องอย่างพิจารณา ใบหน้าของจือลู่เข้ารู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกแต่ก็ไม่สามารถบอกได้ว่าคุ้นเคยเช่นไร
"ท่านรับซื้อหรือไม่ขอรับ" หนิงเฉิงที่เห็นสายตาของท่านหมอโยวจับจ้องพี่สาวของตนอย่างพิจารณาก็เอ่ยขัดขึ้น
"ซื้อ ซื้อ เจ้ามีมากเพียงใด"
"ท่านซื้อเท่าใดเจ้าคะ" จือลู่ยังยืนยันว่านางต้องการที่จะฟังราคาก่อน
"ข้าให้ชั่งละหนึ่งพันตำลึง" จือลู่ขมวดคิ้วคิด นางจับมือหนิงเฉิงที่ใต้โต๊ะเพื่อไม่ให้เขาแสดงอาการ (1=ชั่ง=500กรัม) หนึ่งชั่งหนึ่งพันตำลึงเท่ากับหนึ่งกิโลกรัมสองพันตำลึง จือลู่นางจึงหยุดคิด
"เช่นนั้น หนึ่งพันห้าร้อยตำลึงทอง เจ้าพอใจหรือไม่" หมอโยวรีบเพิ่มราคาเมื่อเห็นว่าจือลู่เหมือนจะหยุดคิด
แต่ที่จือลู่กำลังคิดคือทั้งหมดที่นางนำมาจะขายได้มากเพียงใด นางไม่คิดว่าหมอโยวจะพูดถึงหนึ่งพันตำลึงทองไม่ใช่ตำลึงเงิน ได้ราคาเพิ่มเช่นนี้ใครจะไม่สนใจ แต่ตอนนี้หนิงเฉิงนั่งนิ่งเหมือนวิญญาณหลุดออกจากร่างไปเรียบร้อยแล้ว
"พอใจเจ้าค่ะ ขอบคุณท่านหมอที่เมตตา" จือลู่ดึงหนิงเฉิงให้ลุกขึ้นขอบคุณท่านหมอโยว
หนิงเฉิงที่เพิ่งจะได้สติจึงได้นำถังเช่าออกมาจากทั้งสองตะกร้าวางลงบนโต๊ะต่อหน้าท่านหมอและหลงจู๊ ทั้งสองตกตะลึงสิ่งของที่หายากแต่สองพี่น้องหามาได้มากมายขนาดนี้
"พวกเจ้า พวกเจ้า ช่างเป็นลูกรักสวรรค์เสียจริง" หมอโยวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงขาดๆหายๆ
หลงจู๊เรียกเสี่ยวเอ้อให้ยกถังเช่าสองถุงไปชั่ง ระหว่างที่รอหมอโยวก็สอบถามความเป็นมาของทั้งคู่ว่ามาจากที่ใด เหตุใดถึงไม่เห็นบิดามารดาของทั้งคู่มาด้วย
"มารดาของพวกเจ้าแซ่จ้าวอย่างนั้นหรือ" หมอโยวถามทั้งคู่
"มีอันใดหรือไม่เจ้าคะ" จือลู่ถามขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่แปลกไปของหมอโยว เมื่อรู้ว่ามารดาของพวกนางมาจากเมืองหลวงและใช้แซ่จ้าว
"ไม่มีอันใด คนแซ่จ้าวมีมากนักภายในเมืองหลวง" เขาจำต้องโกหกทั้งคู่เพราะยังไม่แน่ใจว่าจะใช่เช่นที่พวกเขาคิดหรือไม่
"ท่านหมอโยวขอรับ สมุนไพรหนัก สิบชั่งขอรับ" จือลู่พยักหน้าอย่างชื่นชม เพราะนางก็คิดไว้ว่าคงหนักประมาณนี้ แต่หนิงเฉิงที่กำลังคำนวณว่าจะได้รับเงินมากเพียงใดก็นิ่งเฉยอยู่ เพราะเขายังคำนวณออกมาไม่เสร็จ
