บท
ตั้งค่า

บทที่ 10

จือลู่เล่าเรื่องที่นางต้องการขอความช่วยเหลือจากท่านหมอโยว ให้ช่วยออกหน้าเรื่องซื้อเรือนในเมืองให้นาง และยังเล่าว่าพวกตนโดนไล่ออกมาจากที่ว่าการจึงต้องแบกหน้ามาขอความเมตตาจากท่านหมอโยว

หมอโยวลูบเคราอย่างใช้ความคิด ก่อนที่เขาจะเอ่ยขึ้น

"เรื่องนี้ไม่ได้ยากอันใด ข้ามีเรือนอยู่หลังไม่มีผู้ใดอาศัย หากพวกเจ้าสนใจข้าจะให้คนพาไปดู หากไม่ถูกใจค่อยพาพวกเจ้าไปเลือกที่ที่ว่าการก็ยังไม่สาย" จือลู่และหนิงเฉิงจึงขอไปดูเรือนของท่านหมอโยวเสียก่อน

หมอโยวเรียกเสี่ยวเอ้อหน้าร้านให้นำทางทั้งสองไปที่เรือนอีกหลังของตน ทั้งคู่ขึ้นม้าของโรงหมอไปเพียงไม่นานก็ถึงเรือนที่ว่า เป็นเรือนสี่ประสานมีเนื้อที่มากเพียงพอหากจือลู่อยากจะปลูกผักเล็กๆน้อย ภายในถนนมีบ้านเรือนอยู่ไม่กี่สิบหลังก็นับว่าไม่วุ่นวายเกินไป

เมื่อนางเดินสำรวจดูเรือนก็นับว่าถูกใจ หนิงเฉิงเองก็เช่นกัน เพราะอยู่หางจากสถานศึกษาเพียงเดินเท้าไม่ถึงหนึ่งเค่อ(1เค่อ=15นาที) จือลู่จึงกลับไปที่โรงหมออีกครั้งเพื่อพูดคุยเรื่องราคาของเรือน

หมอโยวที่ได้ยินว่าทั้งสองคนพี่น้องถูกใจเรือนหลังนั้นก็นับว่าเขาคิดถูก เพราะหากชาติกำหนดของทั้งคู่เป็นเช่นที่เขาคิดไว้ ก็นับว่าสองพี่น้องจะอยู่ในสายตา เมื่อคนจากเมืองหลวงเดินทางมาก็สามารถพาไปพบได้โดยไม่ต้องออกตามหาอีกครั้ง

"ข้าคิดห้าร้อยตำลึงทอง พวกเจ้าจะว่าเช่นไร" จือลู่ขมวดคิ้วคิด เพราะนางไม่รู้ว่าราคาเรือนห้าร้อยตำลึงทองนั้นแพงหรือเป็นราคาทั่วไป

"เครื่องเรือนทั้งหมดในเรือนข้าก็ยกให้พวกเจ้าด้วย และจะซื้อในส่วนที่ขาดเพิ่มเข้าไปด้วย" จือลู่หันไปสบตาน้องชายก็เห็นเขาพยักหน้าให้นาง

"ได้เจ้าค่ะ ขอบพระคุณท่านหมอโยวมากเจ้าค่ะที่เมตตาพวกข้าสองคนพี่น้อง" ทั้งคู่ลุกขึ้นคารวะท่านหมอ

จือลู่จึงส่งตั๋วเงินห้าร้อยตำลึงให้ท่านหมอโยว จากนั้นสองพี่น้องก็กลับไปที่โรงเตี๊ยม ทางหมอโยวจึงส่งคนให้ไปตรวจสอบเครื่องเรือนเครื่องใช้ภายในเรือนหากขาดเหลือสิ่งใดก็ให้เติมให้ครบ และยังซ่อมแซมส่วนที่เสียหายอีกด้วย

จือลู่ระหว่างทางที่กลับโรงเตี๊ยมนางกลับไปที่ร้านขายผ้าร้านเดิม และสั่งเครื่องนอน ผ้าห่ม และเสื้อผ้า เพิ่มหลายชุดให้เพียงพอต่อหน้าหนาวที่จะมาถึง ถึงแม้ไม่ใช่หน้าหนาวแต่อากาศของเมืองเป่ยหานก็หนาวมากสำหรับนาง

ทั้งคู่จึงกลับไปพักผ่อนที่โรงเตี๊ยม เพราะพรุ่งนี้จือลู่นางจะพาหนิงเฉิงไปสอบถามเรื่องเข้าสำนักศึกษา

เช้าวันต่อมาสองพี่น้องก็แต่งกายอย่างเรียบร้อยและเดินทางไปที่สำนักศึกษา ก่อนจะเข้าเรียนหนิงเฉิงต้องเข้ารับการทดสอบเสียก่อน อาจารย์ที่รับดูแลเรื่องรับบัณฑิตสอบถามทั้งคู่เมื่อไม่เห็นบิดามารดามาด้วย พอฟังเรื่องราวของสองพี่น้องท่านอาจารย์หูจึงมองทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่อนลง

จือลู่นั่งรอน้องชายทดสอบอยู่ด้านนอก เพียงไม่นานหนิงเฉิงก็เดินออกมาพร้อมรอยยิ้ม

"พี่หญิงข้าทดสอบผ่านขอรับ" จือลู่เดินเข้าไปตบบ่าน้องชายอย่างยินดี

หนิงเฉิงจะเริ่มเข้าเรียนในอีกสิบวันข้างหน้า สองพี่น้องจึงได้พอมีเวลาจัดเตรียมย้ายของเข้าเรือนใหม่ และเตรียมเครื่องเรียนให้กับหนิงเฉิง

เมื่อออกจากสถานศึกษาทั้งคู่จึงเดินทางกลับหมู่บ้านเพื่อไปเก็บของและบอกกล่าวท่านผู้นำหมู่บ้าน กับชาวบ้านที่เมตตาพวกตน จือลู่นำของที่ซื้อมาไปเก็บที่เรือนหลังใหม่ก็พบว่ามีคนมาทำความสะอาดและกำลังปรับปรุงเรือนให้นาง

"ไม่ทราบว่ากี่วันถึงเข้าอยู่ได้เจ้าค่ะ" จือลู่สอบถามคนที่ทำงาน

"สามวันแม่หนู เจ้าทั้งสองคงเป็นเจ้าของเรือนคนใหม่สินะ" สองพี่น้องพยักหน้ารับก่อนจะขอบคุณ

หนิงเฉิงเดินนำพี่สาวไปจ้างรถม้าตามคำแนะนำของชาวบ้านในตลาด ทั้งคู่นัดแนะให้รถม้าไปรับที่หมู่บ้านในอีกสามวัน เมื่อพูดคุยจนเข้าใจแล้ว สองพี่น้องก็นั่งเกวียนวัวกลับหมู่บ้าน

เมื่อถึงหมู่บ้านเวลาก็ล่วงไปเกือบจะเย็นย่ำแล้ว ทั้งคู่จึงเดินกลับเรือนก่อน พรุ่งนี้เช้าจะไปพบผู้นำหมู่บ้าน แต่พวกเขาเจอผู้นำหมู่บ้านเสียก่อนระหว่างทางที่กลับเรือน

"พวกเจ้าไปที่ใดมา" ผู้นำหมู่บ้านถามขึ้นอย่างเคร่งเครียด

"ท่านปู่ชุยเข้าไปพูดในเรือนก่อนเจ้าค่ะ" จือลู่เปิดประตูเรือนและเชิญผู้นำหมู่บ้านเข้าไป

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel