บทที่ 5
หนิงเฉิงเอากองใบไม้ออกอย่างรวดเร็ว จือลู่ก็เร่งมือขุด ทั้งคู่ทำงานอย่างเข้าขาทำให้ใช้เวลาไม่นานก็ขุดออกมาได้กองใหญ่ เมื่อเห็นว่าเวลาล่วงเลยมานานแล้ว หนิงเฉิงจึงเตือนให้พี่สาวรีบลงจากเขา เพราะหากมืดบนเขาจะเกิดอันตรายได้ จือลู่ก็ไม่ได้ขัดน้องชายและเห็นด้วย
เพราะไม่น่าจะมีคนรู้เรื่องถังเช่าเยอะ บริเวณรอบๆที่ยังไม่ได้สำรวจอาจจะมีอีก ไว้ลองนำไปขายเสียก่อน หากได้ราคาดีเช่นในภพของนางค่อยขึ้นเขามาหาอีกก็ยังได้
หนิงเฉิงเก็บถังเช่าใส่ไว้ในห่อผ้าแล้ววางลงในตะกร้าอย่างเบามือ จือลู่ที่มองดูถึงกับหลุดหัวเราะออกมาอย่างขบขันที่น้องชายของนางระมัดระวังถึงเพียงนั้น
ระหว่างทางกลับหนิงเฉิงและจือลู่ยังเก็บผักป่าที่กินได้และผลไม้ลงไปด้วย เพื่อไม่ให้ชาวบ้านที่ยังเก็บของป่าอยู่สงสัย แต่เมื่อทั้งคู่ออกมาด้านนอกของป่าก็ไม่พบผู้ใดเสียแล้ว เพราะชาวบ้านคงกลับเรือนไปทำอาหารกันหมดแล้ว สองพี่น้องจึงเดินกลับบ้านอย่างสบายใจ
จือลู่เมื่อกลับถึงเรือนนางก็รีบนำถังเช่าไปล้างทำความสะอาดแล้วนำไปผึ่งลมทันที พรุ่งนี้นางค่อยอำออกมาตากแดด เพราะไม่รู้ว่าในภพนี้ร้านยาจะรับซื้อเป็นแบบไหน ตากแห้งคงจะขายง่ายกว่า
ทั้งคู่จึงกลับเข้าเรือนเพื่อไปกินอาหารจากกล่องของจือลู่ไปก่อน หากจะให้ลงมือทำอาหารในตอนนี้ก็ไร้เรี่ยวแรงเสียแล้ว เสียงตะโกนเรียกหน้าเรือนหนิงเฉิงรู้ได้ทันทีว่าเป็นป้าสะใภ้ใหญ่ของตน
จือลู่รีบวิ่งไปที่ถังเช่าที่นางผึ่งลมไว้ นางโกยทั้งหมอลงห่อผ้าแล้วนำไปเก็บไว้ในกล่องเครื่องสำอางของนาง ไม่รู้ว่าตอนที่เปิดขึ้นมาจะยังอยู่หรือไม่แต่ก็ยังดีกว่าให้นางกงซื่อพบแล้วถูกแย่งไป
เมื่อเห็นว่าพี่สาวจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว หนิงเฉิงจึงเดินออกไปที่หน้าเรือนเพื่อดูว่านางกงซื่อมาด้วยเรื่องอันใด
หนิงเฉิงรีบเปิดประตูเรือนที่กำลังถูกนางกงซื่อแทบจะพังลงมาแล้ว
"ท่านป้าสะใภ้ใหญ่ ท่านมีเรื่องอันใดถึงได้พังประตูเรือนข้าเช่นนี้" หนิงเฉิงพูดอย่างไม่พอใจ
"หุบปากของเจ้าไปเสีย เรียกนังจือลู่ออกมา พ่อหม้ายจงมารอที่เรือนของข้าแล้ว" นางกงซื่อเท้าสะเอวด่าทอหนิงเฉิง
"ท่านคงลืมไปเสียแล้ว ท่านปู่ผู้นำหมู่บ้านบอกท่านไว้ว่าเช่นใด" หนิงเฉิงช่วยย้ำเตือน
"แล้วเช่นไร ข้ารับเงินพ่อหม้ายจงมาแล้ว หลีกไป" กงซื่อไม่สนคำเตือน นางผลักหนิงเฉิงออกแล้วรีบเข้าไปในเรือนทันที
จือลู่ก็ยืนรอนางอยู่ที่หน้าเรือน นางส่งสายตาให้หนิงเฉิงเพื่อให้รีบไปตามคนมาช่วย นางกงซื่อที่สนใจเพียงจือลู่จึงได้รู้ว่าหนิงเฉิงได้วิ่งออกไปนอกเรือนเรียบร้อยแล้ว
"นังตัวดี ตามข้าไปที่เรือนประเดี๋ยวนี้" นางกงซื่อเดินไปลากแขนของจือลู่เพื่อจะพานางไปที่เรือนของตระกูลจาง
จือลู่มิอาจสู้แรงของนางกงซื่อได้ นางจึงเตะเข้าไปที่ข้อเท้าของนางกงซื่อ มือของนางกงซื่อที่จับแขนจือลู่ไว้จึงหลุดออก จือลู่จึงได้รีบวิ่งหนีออกไปจากเรือน นางใช้มือขยี้ผมเพื่อให้ดูว่านางถูกนางกงซื่อทำร้ายร่างกายมา
หนิงเฉิงที่วิ่งไปตะโกนเรียกให้ชาวบ้านมาช่วยพี่สาว ทุกหลังที่มีคนอยู่ในบ้านก็รีบออกมาดูที่เรือนของจือลู่ แต่เจอนางที่สภาพเละเทะระหว่างทางเสียก่อน จือลู่เห็นชาวบ้านเริ่มออกมาจากเรือนก็แสร้งล้มลงไปนั่งกับพื้น นางกงซื่อที่ตามมาทันก็ลงมือทุบตีต่อหน้าชาวบ้านทั้งหลาย
"โอวโยว ฆ่าคนแล้ว นางกงซื่อจะฆ่าลู่เออร์แล้ว" ชาวบ้านที่เห็นก็รีบตะโกนร้องขึ้น
"ข้ายังไม่ได้ทำอันใดนางทั้งนั้น"
"ถุย ทุกคนเห็นกับตาว่าเจ้าทุบตีลู่เออร์จนมีสภาพเช่นนี้" ชาวบ้านชี้มือไปที่จือลู่ที่นั่งอยู่ที่พื้น
หนิงเฉิงที่วิ่งนำผู้นำหมู่บ้านมาก็รีบฝ่าฝูงคนเข้ามาหาพี่สาว หนิงเฉิงที่เห็นสภาพของจือลู่เข้ายังต้องตกใจ เพราะไม่คิดว่าพี่สาวจะเละเทะเช่นนี้ จือลู่อาศัยตอนที่ชาวบ้านกำลังด่าทอนางเกาซื่อแล้วเล่าให้หนิงเฉิงฟังว่านางทึ้งผมตนเอง ไม่ได้รับบาดเจ็บมากเพื่อให้เขาเบาใจ เมื่อได้ยินเช่นนั้นหนิงเฉิงจึงได้เบาใจ
"นางกงซื่อเจ้าคงลืมไปเสียแล้วว่าเด็กทั้งสองไม่ได้เกี่ยวอันใดกับเจ้าอีก" ผู้นำหมู่บ้านพูดขึ้นอย่างโมโห
"เหอะ นางแซ่จาง จะไม่เกี่ยวกับเรือนข้าได้อย่างไร อีกอย่างพ่อหม้ายจงก็มารอรับตัวนางแล้ว" เพราะนางกงซื่อรับเงินจากพ่อหม้ายจงมาแล้ว อย่างไรวันนี้นางก็ต้องพาตัวจือลู่ไปให้ได้
"รับเงินมาแล้วอย่างไร เจ้าก็คืนเงินพ่อหม้ายจงไปเสียก็สิ้นเรื่อง" ชาวบ้านพูดขึ้น
"เรื่องภายในครอบครัวของข้าพวกเจ้ายุ่งอันใดด้วย" นางกงซื่อเถียงขึ้นอย่างไม่ยินยอม
"ท่านปู่ผู้นำได้โปรดช่วยพวกข้าสองคนพี่น้องด้วยขอรับ" หนิงเฉิงคุกเข่าลงต่อหน้าผู้นำหมู่บ้าน
"หากท่านป้าสะใภ้ยังต้องการขายพี่สาวข้าให้พ่อหม้ายจง เช่นนั้นพวกข้าขอออกจากตระกูลจางและจะเปลี่ยนไปใช้แซ่จ้าวของท่านแม่แทนขอรับ" จือลู่เงยหน้ามามองน้องชายอย่างตกใจ มิใช่แค่นางทุกคนก็ตกใจ
