บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

เพราะไม่คิดว่าหนิงเฉิงจะกล้าพูดเรื่องออกจากตระกูลขึ้นมา อาจจะเป็นเพราะเขาอดทนมามากพอแล้ว หรือสงสารที่พี่สาวต้องได้รับความอยุติธรรมจากคนในครอบครัว

"เจ้าคิดดีแล้วหรือเฉิงเออร์" ผู้นำหมู่บ้านถามเขาอย่างจริงจัง

เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยเหลือทั้งคู่ด้วยวิธีใด หากพูดถึงเรื่องแต่งงานก็สมควรจะเป็นผู้อาวุโสในเรือนเป็นคนจัดการ แต่นางกงซื่อก็ทำกับหลานเกินไปที่เลือกคนเช่นพ่อหม้ายให้นาง

"ข้าคิดดีแล้วขอรับ" หนิงเฉิงกัดฟันแน่นก่อนที่จะเอ่ยออกมา เขายอมให้พี่สาวแต่งออกไปกับพ่อหม้ายไม่ได้

"ได้ ไปเรียกต้าอู๋มา" นางกงซื่อจะเอ่ยแย้งก็ไม่กล้า เพราะสายตาที่เอาจริงของผู้นำหมู่บ้านคอยมองปรามนางไว้

หนิงเฉิงลุกขึ้นไปประคองจือลู่ แล้วเดินตามผู้นำหมู่บ้านไปที่เรือนของเขา เพื่อเขียนหนังสือตัดขาดจากครอบครัว ต้าอู๋ก็รีบร้อนมาทันทีเมื่อนางกงซื่อไปแจ้งเรื่องทั้งหมดให้ฟัง

"เจ้าจะออกจากตระกูลจริงหรือเฉิงเออร์" ต้าอู๋ถามหลานชายอย่างไม่อยากเชื่อ

"จริงขอรับ" หนิงเฉิงจ้องตาต้าอู๋อย่างจริงจัง

"แต่ข้าจะไม่แบ่งที่นาให้พวกเจ้าสองพี่น้องเด็ดขาด" นางกงซื่อตะโกนเสียงดังอยู่ด้านข้าง ตอนนี้ที่นาของบิดาก็ยังอยู่ในส่วนของบ้านใหญ่ยังไม่มีการแบ่งออกมา แม้จะแบ่งแยกกันทำแต่ก็ยังเป็นส่วนของบ้านใหญ่อยู่ดี

"ไม่เป็นไรขอรับ ขอเพียงพวกท่านอย่าได้มายุ่งเกี่ยวกับข้าสองพี่น้องอีกก็พอ" หนิงเฉิงพูดขึ้นอย่างไม่หลบสายตา ที่นาเพียงน้อยนิดเขาจะต้องการไปเพื่อสิ่งใด ที่อยากได้คือท่านลุงท่านป้าสะใภ้เลิกยุ่งกับพวกเขาสองพี่น้องเท่านั้น

"เช่นนั้นก็ได้" ต้าอู๋รีบรับคำ เพราะเขาไม่ต้องการจะแบ่งที่นาทำกินตั้งแต่แรก ในเมื่อสองพี่น้องต้องการออกจากตระกูลเขาจะรั้งไว้เพื่อสิ่งใด

ผู้นำหมู่บ้านเขียนหนังสือตัดขาดขึ้นมาสามฉบับ ตอนที่บิดามารดายังมีชีวิตอยู่หนิงเฉิงยังได้ร่ำเรียนมาตั้งแต่เล็ก เพราะมารดาของเขาต้องการให้เขาสองพี่น้องรู้ตำรา เขาเพิ่งหยุดเรียนเมื่อไม่กี่เดือนที่บิดามารดาเสียนี้เอง

ทำให้หนิงเฉิงระบุลงไปอย่างละเอียด ว่าตระกูลจางไม่มีความเกี่ยวข้องกับพวกเขาสองคนพี่น้อง แม้จะยากดีมีจนก็ไม่อาจจะมาขอความช่วยเหลือต่อกันได้ นับว่าเรื่องนี้ต้าอู๋กับนางกงซื่อก็ต้องการเช่นกัน

"หากพวกเจ้ายังวุ่นวายกับสองพี่น้องอีกต้องจ่ายค่าปรับเป็นเงินสามร้อยตำลึง พวกเจ้าสองพี่น้องก็เช่นกันหากไปขอความช่วยเหลือท่านลุงของเจ้าก็ต้องเสียค่าปรับ พวกเจ้าทั้งหมดเข้าใจใช่หรือไม่"ผู้นำหมู่บ้านพูดทวนให้ทั้งหมดเข้าใจอีกครั้ง

"ข้าเข้าใจขอรับ/เจ้าค่ะ" หนิงเฉิงกับจือลู่พูดขึ้น

"ต้องเป็นเช่นนั้น" ต้าอู๋พูดขึ้นอย่างได้ใจ เพราะเขาคิดว่าสองพี่น้องจะเอาตัวรอดไปได้เช่นไร อย่างไรก็ต้องมาขอความช่วยเหลือจากตน เมื่อถึงตอนนั้นตนจะเรียกค่าปรับให้ทั้งคู่เป็นวัวเป็นม้าไปตลอดชีวิต นางกงซื่อก็เห็นดีเห็นงามตามไปด้วย

เมื่อเป็นตามที่ตกลง ผู้นำหมู่บ้านก็ส่งหนังสือสัญญาให้ครอบครัวละหนึ่งฉบับเขาเก็บไว้เองหนึ่งฉบับ และยังรับปากสองพี่น้องว่าจะช่วยจัดการเรื่องเปลี่ยนแซ่ให้พวกเขาในวันพรุ่งนี้อีกด้วย โดนหนิงเฉิงต้องรับเป็นเจ้าบ้านในวัยเพียงสิบสองหนาวเท่านั้น

ชาวบ้านที่ติดตามาดูเรื่องสนุก และบางคนที่ตามมาช่วยสองพี่น้อง เห็นเรื่องจบลงด้วยดีต่างก็แยกย้ายกันกลับ คงมีแต่พ่อหม้ายจงที่ยังโวยวายกับหมู่นำหมู่บ้านไม่เลิก เรื่องที่เขาจ่ายเงินซื้อตัวจือลู่ไว้แล้วแต่ไม่ได้คนกลับไป

ผู้นำหมู่บ้านจึงให้ต้าอู๋กับนางกงซื่อนำเงินที่รับมาคืนไป แต่พ่อหม้ายจงกับขอค่าเสียเวลาเพิ่มจากต้าอู๋อีกสองตำลึง นางกงซื่อจะไม่ยอมคืนก็ไม่ได้มิเช่นนั้นต้องให้บุตรสาวของตนที่วัยเดียวกันกับจือลู่แต่งออกไปแทน แล้วนางจะยอมได้เช่นใด

หนิงเฉิงประคองจือลู่กลับเรือน เมื่อพ้นสายตาของคนอื่นจือลู่ก็จัดผม จัดเสื้อผ้าให้เข้าที่แล้วรับเดินกลับเรือน เพราะทั้งคู่ยังไม่ได้กินอะไรกันเลยหลังจากที่ลงจากเขา นางกงซื่อก็เข้ามาหาเรื่องที่เรือนเสียก่อน

จือลู่กลับถึงเรือนก็รีบต้มน้ำ เพื่ออาบน้ำ ระหว่างที่ต้มน้ำ นางก็พาหนิงเฉิงเข้าไปกินอาหารในห้องของนาง นางมองน้องชายอย่างเอ็นดู เพราะต้องการปกป้องนางน้องชายถึงยอมตัดขาดจากตระกูลแล้วเปลี่ยนมาใช้แซ่ของท่านแม่

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel