บทที่ 17
จือลู่ที่คิดตามคำของหนิงเฉิงนางจึงเห็นด้วย และนางก็ไม่ต้องเป็นคนออกหน้าเองด้วย วันรุ่งขึ้นนางจึงไปที่ตลาดค้าทาสด้วยตนเอง โดยมีพ่อบ้านฉินและท่านป้าจูไปช่วยนางเลือก
"คุณหนูไม่ทราบท่านหาทาสไว้ใช้งานอันใดเจ้าคะ" สตรีวัยกลางคนเดินออกมาต้อนรับจือลู่
"เถ้าแก่เนี้ย ข้าอยากได้ท่านสตรีวัยสิบห้าสิบหกหนาว ท่านพามาให้ข้าเลือกสักหลายคน" จือลู่กล่าวขึ้น
เพียงไม่นานเถ้าแก่เนี้ยก็พาทาสสตรีออกมาให้จือลู่เลือกสิบกว่าคน ป้าจูก็ช่วยนางเลือกดูคนที่สะอาดสะอ้าน ใบหน้าชวนมองได้มาหกคน จื่อลู่นางก็รับไว้ทั้งหมด
ก่อนจะกลับหางตานางมองไปเห็นในห้องขังของบุรุษที่มีบุรุษวัยฉกรรจ์นับสิบคนอยู่ภายในห้องขัง
"คนพวกนั้น เคยทำงานอะไรมาก่อนเจ้าคะ" นางถามเถ้าแก่เนี้ยที่กำลังจัดเตรียมสัญญาทาสให้นาง
"ทาสหลวงพวกนี้ เคยเป็นคนของสำนักคุ้มกันภัยมาก่อนเจ้าค่ะ" แต่เรื่องความผิดของพวกเขาเถ้าแก่เนี้ยกระซิบบอกนางว่าเพราะไปมีเรื่องกับขุนนางเข้าจึงโดนใส่ร้าย อยู่กับนางมาเกือบปีแล้วไม่มีใครกล้าซื้อออกไปสักคน
จื่อลู่เมื่อได้ยินว่าเป็นคนของสำนักคุ้มกันภัยมาก่อนก็สนใจ นางจึงหารือกับพ่อบ้านว่าจะซื้อพวกเขาเพื่อมาทำงานให้สำนักขายข่าวและองครักษ์ของนางดีหรือไม่
พ่อบ้านฉินเดินไปตรวจสอบพวกเขาที่อยู่ภายในห้องขัง แต่ละคนไม่มีสีหน้าท่าทางยินดีเมื่อได้ยินว่าจะมีคนซื้อพวกเขาสักคน ไม่นานพ่อบ้านก็กลับมาแล้วเดินพาจือลู่ไปที่ห้องขัง
"คุณหนูหัวหน้าสำนักคุ้มกันภัยต้องการพูดคุยกับท่านขอรับ" จือลู่จึงเดินตามพ่อบ้านไป
"มีเรื่องอันใดจะกล่าวกับข้าหรือเจ้าคะ" จือลู่สอบถามคนที่เป็นหัวหน้า
เขาเดินเข้ามาใกล้จือลู่ เมื่อสังเกตจากรูปร่างภายนอกก็รู้ว่าเป็นเพียงคุณหนูท่านหนึ่งแต่จือลู่ที่ใช้หมวกคลุมใบหน้าก็ทำให้คนจับสังเกตสีหน้าของนางไม่ได้
"หากคุณหนูต้องการซื้อตัวพวกข้าจริง ข้าก็มีเรื่องขอร้องท่านเพียงเรื่องเดียว หากท่านทำไม่ได้ก็ขออย่าได้ซื้อพวกข้าไปเลยขอรับ"จือลู่เลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ เพราะนางไม่คิดว่าจะโดนเรียกมาต่อรองเช่นนี้
"ท่านกล่าวเสียเถิด หากข้ารับได้ข้าก็จะช่วยแต่ถ้าไม่ได้ก็เพียงแค่ไม่ช่วยเท่านั้น" นางกล่าวขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ
"ข้ามีภรรยาและบุตรอีกสองคน อยากให้ท่านซื้อพวกนางกลับไปด้วย" จือลู่จ้องมองไปที่ดวงตาของเขา
"เพียงแค่นี้"
"ใช่ขอรับ พี่น้องของข้าล้วนแล้วแต่ยังไม่ออกเรือน" จือลู่พยักหน้าอย่างเข้าใจ
นางมิได้ตอบตกลง เพียงหันหลังเดินกลับออกไปและให้เถ้าแก่เนี้ยไปพาครอบครัวของหัวหน้าผู้คุ้มกันภัยมาให้นางดูตัว ทั้งสามคนมีสภาพที่อิดโดยอย่างน่าสงสาร เด็กน้อยสองคนวัยไม่เกินสิบหนาวทั้งคู่จ้องมองนางอย่างหวาดกลัว
อาจจะเป็นเพราะแววตาของเด็กน้อยทั้งคู่ทำให้นางอดสะท้านในใจไม่ได้ จือลู่จึงได้ซื้อคนทั้งหมดกลับจวนไปด้วยในวันนั้น นางยังให้พ่อบ้านฉินกับท่านป้าจูจัดการเรื่องเครื่องใช้เสื้อผ้าที่อยู่ให้ทุกคนด้วย
ทั้งหมดสิบห้าชีวิตรวมถึงเด็กน้อยทั้งสอง มิคิดว่าตนเจ้านายคนใหม่จะซื้อพวกตนทั้งหมด และยังให้ที่พัก รวมถึงเครื่องนอน เสื้อผ้าใหม่ทั้งหมดแก่พวกเขา
เมื่อกลับถึงจวนนางก็ไม่ได้เรียกพวกเขาให้เขามาพบ เพียงให้พวกเขาแยกย้ายไปพักตามที่ป้าจูจัดให้
"อีกสองวันค่อยมาพบข้า หากมีใครที่เจ็บป่วยให้รีบแจ้งพ่อบ้านฉินหรือพี่เทียนทันทีนะเจ้าค่ะ"
ก่อนที่นางจะให้พวกเขาแยกย้ายไปจัดแจงเรื่องของตนนางก็ให้พวกเขาไปกินข้าวเสียก่อน โดยให้ภรรยาของหัวหน้าใช้ของในครัวได้เต็มที่
"พวกท่านกินข้าวเสียก่อน พี่สาวท่านทำอาหารได้ใช่หรือไม่"
"ได้เจ้าค่ะ" ภรรยาหัวหน้าผู้คุ้มกันภัยเอ่ยกับจือลู่
"ของในครัวไม่ว่าจะข้าว หรือเนื้อท่านใช้ได้เต็มที่ ข้าไม่หวงของกิน" เมื่อกล่าวจบ จือลู่ก็เรียกเด็กน้อยทั้งสองไว้ และส่งของว่างของนางให้ทั้งคู่ได้กิน
"ท่านไปทำอาหารเถิด ปล่อยให้พวกเขาอยู่เล่นเป็นเพื่อนข้าก่อน" จือลู่บอกกับมารดาของเด็กน้อย
"พวกเจ้ามีนามว่าอันใด"
"ข้าน้อยนามว่า ตู้หวังฮ่าว ขอรับ" เด็กชายวัยเจ็ดหนาวเอ่ยขึ้นด้วยเสียงอันเบา
"ข้าน้อย ตู้ซูมี่ เจ้าค่ะ" เด็กน้อยวัยสี่หนาวก้มหน้าอย่างเขินอาย
"เด็กดี กินเยอะๆ" จือลู่บีบแก้มเด็กทั้งคู่อย่างหมั้นเขี้ยว
เมื่อหนิงเฉิงกลับมาถึงจวนก็ต้องตกใจ พี่สาวของเขาซื้อคนเพิ่มอีกแล้ว และยังพาเด็กน้อยเข้ามาเล่นในเรือนอีกด้วย
