บทที่ 15
จือลู่ยังอยู่ร่วมงานจนส่งเจ้าสาว ตอนที่เจ้าสาวถูกพาไปขึ้นเกี้ยวลมก็พัดจนผ้าคลุมหน้าเปิดขึ้น เจ้าบ่าวรวมถึงคนที่ได้เห็นก็ล้วนแต่ตกตะลึงในความงาม เมื่อรู้ว่าคนที่แต่งหน้าให้เจ้าสาวเป็นจือลู่ต่างก็พากันพูดคุยสอบถามและอยากจะขอให้นางมาช่วยแต่งหน้าให้บุตรหลานของตน
จือลู่มิได้รับปาก นางเพียงบอกหากมีนางว่างนางจะมาแต่งหน้าให้ นับจากนั้นเรื่องฝีมือการแต่งหน้าของจือลู่ก็ถูกพูดปากต่อปาก เพราะชุยเหมยแต่งออกไปอยู่ในเมืองกับบุตรชายเจ้าของร้านขายข้าว
นับตั้งแต่ที่จือลู่ย้ายมาอยู่ที่จวนใหม่นางก็เริ่มรู้จักกับคนที่อาศัยอยู่ที่เรือนใกล้ๆกับนาง ท่านป้าข้างบ้านชอบนำของกินมาฝากนางและเริ่มจะบ่นเรื่องบุตรชายที่เป็นคนคุ้มกันภัยสินค้าให้ฟัง
"อาชางของข้า ยังมิยอมแต่งสะใภ้เสียที" นางทนฟังอยู่ทุกวัน ตอนแรกป้าข้างบ้านก็มาทาบทามนางให้บุตรชาย แต่นางยังมิคิดจะออกเรือนจึงได้ปฏิเสธไป
"ท่านป้าให้ข้าช่วยหาให้ดีหรือไป" จือลู่เอ่ยปากพูดออกไป เพราะนางอยากจะขอตัวกลับเข้าเรือนแล้วเท่านั้น
"จริงหรือลู่เออร์ เช่นนั้นป้าจะรอ" จากนั้นนางก็เดินกลับเรือนของนางไปอย่างสบายใข
จือลู่ก็ไม่ได้คิดสิ่งใด นางเพียงพูดออกไปเท่านั้น แล้วนางจะไปหาหญิงสาวที่ถูกใจคุณป้าจากที่ไหนได้เล่า แต่แล้ววันหนึ่งนางที่ออกไปเดินเที่ยวนอกเรือนก็พบสตรีชาวบ้านขายผักป่าที่นางมักจะแวะซื้ออยู่เป็นประจำ
นางยืนมองหญิงสาวอย่างพิจารณาก็พบว่าหญิงสาวตอนที่ปล่อยให้ท่านป้าจูเลือกซื้อผักไป
"พี่เยว่ ท่านอายุเท่าใดหรือ"
"อาลู่วันนี้เจ้ามาแปลกเสียจริง ข้าอายุสิบเจ็ดหนาวแล้ว"
"เหตุใดท่านถึงยังไม่ออกเรือนอีก" เป็นเพราะนางมาซื้อของบ่อย อาเยว่จึงไม่คิดสิ่งใดเมื่อนางเอ่ยถาม
"ข้าต้องไว้ทุกข์ให้ท่านแม่ เพิ่งจะครบสามปี"
"ท่านมีคู่หมายหรือยังเจ้าคะ" จือลู่ถามขึ้น
"ยัง เจ้าถามทำไม หรือเจ้าจะหาสามีให้ข้า
"เป็นเช่นนั้น" จือลู่พูดขึ้น ป้าจูที่เลือกผักอยู่ก็ชะงักแล้วหันมามองคุณหนูของตนอย่างตกใจ เพราะสตรีที่เป็นแม่สื่อส่วนมากจะเป็นหญิงที่ออกเรือนแล้ว และรู้จักคนมากมาย
"ท่านเตรียมตัวไว้เถิด ไว้ข้าจะพาว่าที่แม่สามีมาพบท่าน" เมื่อป้าจูเลือกเสร็จนางก็เดินจากไป โดยไม่สนสีหน้าของอาเยว่
จือลู่ที่กลับมาจากตลาดก็ไปพบท่านป้าจิ่วที่เรือนทันที ป้าจิ่วที่เห็นจือลู่มาหาก็รีบออกมาต้อนรับ
"มาพบข้าด้วยใบหน้าเช่นนี้หรือเจ้าจะหาลูกสะใภ้ให้ป้าได้แล้วหรือ" ป้าจิ่วที่พูดเย้าจือลู่
"ใช่เจ้าค่ะ" นางชะงักไปเพราะไม่คิดว่าจือลู่จะหาให้นางจริง
"นางเป็นใคร" ป้าจิ่วถามขึ้นอย่างรวดเร็ว
จือลู่จึงเล่าเรื่องของอาเยว่ให้ท่านป้าจิ่วฟัง เมื่อรู้ว่าค้าขายก็สีหน้าหมองลง
"ท่านป้า สตรีทำงานดีนักเจ้าค่ะ ท่านคิดดูหากพี่ชางนำของที่คุ้มกันไปส่งแล้วซื้อสินค้าต่างเมืองมาให้พี่เยว่ขายท่านคิดดูว่าจะดีสักเพียงใด" ป้าจิ่วคิดตามนางก็เห็นด้วย
หลังจากนั้นจือลู่ก็พาป้าจิ่วไปแอบดูอาเยว่ขายของ นางค้าขายด้วยใบหน้าที่ยิ้มแย้ม ไม่เล่นหูเล่นตากับลูกค้าที่เป็นบุรุษ และรักษาระยะห่างอย่างพอดี ทำให้ป้าจิ่วที่แอบดูก็ถูกใจ
จือลู่ที่เห็นว่าหมดหน้าที่ของตนนางก็ลืมเรื่องของป้าจิ่วไป เพียงไม่กี่วันผ่านไปป้าจิ่วก็มาขอให้นางเป็นแม่สื่อไปขอเวลาตกฟากจากอาเยว่เพื่อหาฤกษ์มงคล แม้ป้าจิ่วจะกลับไปแล้วแต่จือลู่ก็ยังนั่งนิ่งอยู่ที่เดิมอย่างเหม่อลอย
แล้วนางต้องทำเช่นใดต่อ หรือต้องทำตัวเช่นใด เมื่อหนิงเฉิงกลับมาจากสำนักศึกษานางก็เล่าเรื่องทั้งหมดให้น้องชายฟัง หนิงเฉิงที่ได้ฟังก็มีอาการเช่นเดียวกับพี่สาว
"พี่หญิง ท่านเป็นแม่สื่อจริงหรือขอรับ" เขาถามอย่างไม่เข้าใจ พี่สาวของตนไปเป็นแม่สื่อได้อย่างไร
สองพี่น้องต้องเรียกพ่อบ้านฉินกับป้าจูมาพูดคุยด้วย เพราะทั้งคู่คิดว่าบ่าวของตนที่อาวุโสน่าจะช่วยเหลือพวกตนได้
"คุณหนู ท่านจะเป็นแม่สื่อจริงหรือเจ้าคะ" ป้าจูถามขึ้นอีกครั้ง
"ข้าเป็นไปแล้วเจ้าค่ะ ที่ข้าเรียกพวกท่านมาถามก็เพื่อให้พวกท่านช่วยข้าคิดว่าข้าสมควรทำสิ่งใด" เพราะขั้นตอนทั้งหมดนางไม่เข้าใจว่าจะทำสิ่งใดต่อ หากเป็นแม่สื่อแล้วได้เงินนางก็คิดว่าทำได้
"ท่านต้องเป็นผู้ส่งสามหนังสือให้บ้านของฝ่ายสตรี ท่านต้องพาบ้านฝ่ายบุรุษไปสู่ขอฝ่ายสตรี ขอเวลาตกฟากเพื่อนำมาผูกดวง คุณหนูต้องหา 'ปาจื่อ' (คนทำนายหรือดูฤกษ์มงคล) และอย่างสุดท้ายท่านต้องเป็นผู้นำส่งหนังสือหมั้นหมายและของหมั้นเจ้าค่ะ" ท่านป้าจูร่ายยาวเรื่องที่จือลู่ต้องทำ
