บทที่ 14
ผ่านไปเพียงหนึ่งชั่วยามบ่าวของท่านหมอโยวก็พาคนมาหกคน มีบุรุษสามคนและสตรีสามคน
"มากถึงเพียงนี้เลยหรือเจ้าค่ะ"จือลู่เอ่ยขึ้น
"ไม่มาก ไม่มาก เรือนของเจ้าใหญ่โต มีคนช่วยเท่านี้ก็นับว่าเพียงพอ" หมอโยวส่งหนังสือสัญญาให้จือลู่ นางจึงให้หนิงเฉิงนำเงินมาให้ท่านหมอโยว เมื่อเห็นว่าหมดเรื่องท่านหมอโยวจึงได้ขอตัวกลับไป
"พวกท่านลุกขึ้นเถิดเจ้าค่ะ" จือลู่กล่าวอย่างเกรงใจ เพราะพวกเขาล้วนอายุมากกว่านางกับน้องชายเสียอีก คงมีเพียงบุตรทั้งสองชายหญิงที่มีอายุใกล้เคียงกับทั้งคู่แต่ก็มากกว่าอยู่ดี
จือลู่ให้ทั้งหมดแนะนำตัว จึงได้รู้ว่าพวกเขาเป็นทาสของขุนนางเก่าที่ถูกขายทิ้งเพราะเลี้ยงดูไม่ไหว ไม่มีชื่อแซ่ หากเปลี่ยนนายก็เปลี่ยนชื่อไปเรื่อยๆ หนิงเฉิงจึงได้ตั้งชื่อให้ทุกคนเสียใหม่
คนที่เป็นบิดานามว่าจ้าวฉิน มารดา จ้าวจู บุตรชายวัยสิบห้าหนาวนามว่า จ้าวเต๋อ(คอยติดตามหนิงเฉิง) จ้าวอี วัยสิบเจ็ดหนาว(ติดตามจือลู่) อีกสองคนเป็นสามีภรรยากันชื่อ จ้าวเทียนกับจ้าวหรู
จือลู่จึงให้ทั้งหมดแบ่งงานกันทำและให้ลุงฉินเป็นพ่อบ้าน จื่อลู่ส่งเงินให้พ่อบ้านฉินไว้ที่ตัวหนึ่งร้อยตำลึงเพื่อใช้จ่ายเรื่องในเรือน และนางให้จ้าวเทียนติดตามพ่อบ้านฉินไปหาซื้อเครื่องเรือน เสื้อผ้าให้ทุกคนและให้ซื้อรถม้าเพื่อไว้ใช้งานด้วย
จือลู่ที่นำนุ่นมาจากหมู่บ้านก็ให้ป้าจูจัดการทำเครื่องนอนและเสื้อกันหนาวให้ทุนคนด้วย บ่าวที่มาใหม่ไม่คิดว่าพวกตนจะได้รับความเมตตาจากนายคนใหม่ที่ยังเป็นเพียงแม่นางน้อยเท่านั้นต่างก็ซาบซึ้งจนคุกเข่าคำนับกับพื้น
"พวกท่านอย่าได้ทำเช่นนี้อีก นับจากนี้ทุกคนจะอยู่กันเช่นครอบครัว" สองพี่น้องที่ไม่เคยมีใครทำเช่นนี้กับตนก็แทบจะกระโดดลุกหนี ต้องเข้าไปช่วยประคองให้ทุกคนลุกขึ้น และให้ทุกคนไปจัดการเรื่องส่วนตัว ที่หลับที่นอนให้เรียบร้อย ทั้งคู่จึงได้ถอนหายใจอย่างโล่งอก
ในเรือนของจือลู่ที่ติดป้ายหน้าเรือนว่าตระกูลจ้าว ก็นับว่าใช้ชีวิตกันอย่างสงบสุข วันแรกที่หนิงเฉิงเข้าเรียนที่สำนักศึกษาจือลู่ก็ติดตามไปส่งน้องชายด้วย
"พี่เทียนท่านกลับเรือนก่อนได้เลยเจ้าค่ะ ประเดี๋ยวข้าซื้อของกับอีอีก่อน"
"ไม่เป็นไรข้ารับ บ่าวรอคุณหนูกลับพร้อมกันขอรับ" จือลู่ส่ายหัวนางเคยบอกพวกเขาแล้วว่าอย่าได้แทนตัวว่าบ่าว แต่ทุกคนก็ไม่ยินยอม
"เช่นนั้นท่านไปรอข้าที่โรงน้ำชานะเจ้าค่ะ" เพราะปฏิเสธจือลู่ไม่ได้ จ้าวเทียนจงได้รับเงินจากนางไปนั่งรอที่โรงน้ำชา
จือลู่กับอีอีเดินเที่ยวซื้อของกันมากมาย แต่ส่วนมากเป็นกระปุกเคลือบเล็กๆที่นางสั่งทำไว้ และขวดกระเบื้องเล็กต่างๆ เพราะนางจะนำมาใส่เครื่องสำอางของนาง กล่องไม้เล็กๆน้อยๆนางก็ซื้อกลับมาหลายใบ
นางยังซื้อของกิน และเครื่องประดับเล็กๆให้อีอีอีกด้วย แม้อีอีไม่อยากจะได้ แต่ก็รับมาเก็บไว้ เพราะของบางอย่างเหมือนกับจือลู่ไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ตอนที่อยู่ภายนอก จือลู่ที่ฟังความคิดของอีอีก็ถอนหายใจ ยุคนี้ช่างใช้ชีวิตยากนัก
พอใกล้จะถึงวันแต่งงานของชุยเหมยสองพี่น้องก็เตรียมของขวัญเพื่อไปเติมสินเดิมให้นาง จือลู่พาเพียงจ้าวเต๋อกับอีอีเท่านั้นที่ติดตามกลับหมู่บ้าน ป้าจูกำชับสองพี่น้องให้คอยดูแลคุณหนูคุณชายให้ดี จนจือลู่ต้องรับปากว่าจะรีบกลับจวน ทั้งสี่จึงได้ออกเดินทางเสียที
เมื่อถึงหมู่บ้าน จ้าวเต๋อแวะส่งจือลู่และอีอีที่บ้านผู้นำหมู่บ้านก่อนที่เขาจะกลับเรือนนำของไปเก็บกับหนิงเฉิง แล้วค่อยติดตามคุณชายมาในตอนเย็นเพื่อร่วมงาน
จือลู่จึงได้เข้าไปหาชุยเหมยที่เก็บตัวอยู่ภายในห้อง นางนำกล่องเครื่องประดับออกมาส่งให้เพื่อเติมสินเดิมให้เจ้าสาว เมื่อพูดคุยกันอีกไม่นาน ย่าชุยก็มาตามให้นางออกไปร่วมกินเลี้ยงฉลองกับชาวบ้าน
เมื่อนัดเวลาที่ต้องมาแต่งหน้าให้ชุยเหมยเรียบร้อยสองพี่น้องพร้อมผู้ติดตามก็กลับไปพักที่เรือนเดิมของตน วันนี้อีอีต้องเข้ามานอนในห้องกับจือลู่ เพราะห้องภายในเรือนมีไม่มากนัก
ก่อนฟ้าจะสว่างอีอีก็ปลุกเรียกจือลู่ให้ลุกขึ้นมาเตรียมตัว เมื่อเสร็จเรียบร้อยทั้งคู่ก็เดินไปที่เรือนของท่านปู่ชุย คนภายในเรือนก็เริ่มเตรียมตัวกันเรียบร้อยแล้ว ท่านย่าชุยจึงเดินนำนางเข้าไปภายในห้อง ชุยเหมยก็แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว
จือลู่ก็ให้อีอีว่างกล่องเครื่องสำอางลงและนางก็รีบลงมือแต่งหน้า เพียงไม่นานใบหน้าของเจ้าสาวก็เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน จนชาวบ้านที่เข้ามาดูหน้าเจ้าสาวต่างตกตะลึงรวมทั้งอีอีด้วย
