บทที่ 13
เมื่อย่าชุยมาถึง จือลู่ก็จัดเตรียมของที่กลางเรือนเสร็จเรียบร้อยแล้ว หนิงเฉิงจึงแยกตัวออกไปเพื่อต้มน้ำเตรียมให้พี่สาวและตัวเขาอาบ เมื่อทำธุระของตนเสร็จหนิงเฉิงก็เข้าไปอ่านตำราอยู่ภายในห้องของตนเอง
จือลู่ก็เริ่มลงมือแต่งหน้าทันที เพียงได้หยิบเครื่องสำอางวิญญาณของบล็อกเกอร์สาวก็เข้าสิง นางแต่หน้าของชุยเหมยอย่างรวดเร็ว ย่าชุยที่นั่งมองอยู่ด้านข้างก็อ้าปากอยากพูดอะไรอยู่หลายรอบ
เพิ่งแต่งเสร็จหน้าชุยเหมยเสร็จ ท่านย่าชุยที่ได้เห็นก็ยกมือขึ้นปิกปากอย่างตกตะลึง เพราะไม่คิดว่าแต่งออกมาเพียงไม่นานบุตรสาวคนเล็กของตนจะงดงามมากถึงเพียงนี้ จือลู่ก็เรียกหนิงเฉิงเพื่อให้ออกมาชื่นชมฝีมือของนางด้วย
หนิงเฉิงที่ได้เห็นฝีมือของพี่สาวครั้งแรกก็ตกตะลึงจนอ้าปากค้างเช่นเดียวกันกับย่าชุย
"เหตุใดพี่เหมยถึงได้เปลี่ยนเป็นคนละคนเช่นนี้" หนิงเฉิงถึงกับกล่าวความในใจออกมา
ชุยเหมยจึงขอร้องให้จือลู่มาช่วยแต่งหน้าให้นางในวันแต่ง จือลู่ก็รับปากนางอย่างดี ชุยเหมยกลับเรือนทั้งที่แต่งหน้าเช่นนั้น เพื่อไปอวดท่านพ่อ พี่ชาย และพี่สะใภ้ทั้งสอง
วันรุ่งขึ้นเป็นวันที่นัดรถม้าจากในเมืองให้มารับที่เรือน จือลู่และหนิงเฉิงที่เก็บของเรียบร้อยแล้วก็นำมาว่าไว้กลางลานเรือนเพื่อรอยกขึ้นรถม้า จือลู่เดินไปที่บ้านผู้นำหมู่บ้านเพื่อจะเอาปลอกหมอนที่ขอให้ท่านย่าชุยทำให้
ก็พบนางกำลังเดินนำมาหมอนทั้งสี่ใบที่ยัดนุ่นมาแน่นแล้วเดินมากับชุยเหมย ทั้งสามคนจึงเดินกลับมาที่เรือนของจือลู่ ท่านปู่ชุยและชาวบ้านยังตามมาอีกหลายคนเมื่อรู้ว่าสองพี่น้องจะกลับไปใช้ชีวิตที่ในเมืองแล้ว
เมื่อรถม้ามาถึงต่างก็ช่วยกันหยิบจับของขึ้นรถม้า หนิงเฉิงเป็นคนยกกล่องเครื่องสำอางของจือลู่ที่ถูกคลุมผ้าไว้ นำไปไว้ที่ด้านในสุดเสียก่อน ทุกคนต่างอวยพรขอให้สองพี่น้องใช้ชีวิตให้ดี และยังกำชับให้กลับมาเที่ยวที่หมู่บ้านบ้าง ท่านปู่ชุยรับปากว่าจะดูแลบ้านของทั้งสองพี่น้องอย่างดี
จือลู่และหนิงเฉิงนั่งรถม้าออกจากหมู่บ้านท่ามกลางสายตาอาลัยอาวรณ์ของคนในหมู่บ้าน เพราะสองพี่น้องนับว่าช่วยเหลือคนในหมู่บ้านไว้มาก ท่านปู่ชุยยังให้สตรีในหมู่บ้านทำหมอนเช่นเดียวกับจือลู่เพื่อนำไปขายในเมืองอีกด้วย เพราะจือลู่บอกไว้ว่าหากทำเช่นนี้ก็จะสามารถสร้างรายได้ระยะยาวให้ชาวบ้านได้
จือลู่เมื่อกลับมาถึงในเมืองนางแวะไปรับของที่ร้านผ้าก่อนและยังให้ร้านผ้าช่วยยัดนุ่นเข้าไปในผ้าห่มให้นางด้วย สองพี่น้องไปรับกุญแจเรือนที่โรงหมอก่อนที่จะเข้าไปที่เรือน เมื่อถึงเรือนก็พบว่าท่านหมอโยวจัดการเรือนให้พวกตนอย่างดี
ทั้งภายในและภายนอกเครื่องเรือน เครื่องครัวล้วนครบถ้วน แม้แต่ภายในห้องก็ยังมีเครื่องนอนเตรียมไว้ให้ทั้งคู่ครบทุกห้อง ทั้งคู่มองสบตากัน หากเป็นเช่นนี้พวกนางคงไม่ต้องไปสั่งให้ที่ร้านผาทำให้
เพราะเรือนที่มีขนาดใหญ่กว่าเดิมหลายเท่าหนิงเฉิงก็เป็นห่วงว่าพี่สาวของตนจะดูแลทำความสะอาดคนเดียวไม่ไหว เพราะอีกไม่กี่วันตนจะต้องไปเข้าเรียนที่สำนักศึกษาแล้ว
"พี่หญิง ท่านหาซื้อคนดีหรือไม่"หนิงเฉิงพูดขึ้นเมื่อเห็นพี่สาวกำลังก่อฟื้นอย่างงกๆเงิ่นๆขึ้น
"เจ้ารู้หรือไม่ว่าจะหาได้จากที่ใด" เพราะนางไม่รู้ว่าจะไปหาคนที่ไหนมาช่วยงาน
พอดีที่หมอโยวแวะมาดูสองพี่น้องก่อนที่จะไปโรงหมอ หนิงเฉิงที่ออกไปเปิดประตูเรือนก็เชิญหมอโยวเข้ามาผ่านในเรือน หมอโยวที่เห็นจือลู่ที่หน้าเปื้อนเขม่าฟืนเดินออกมาพบตนก็หัวเราะอย่างขบขัน
เพราะไม่คิดว่าหญิงสาวชาวบ้านเช่นนางจะก่อฟืนแล้วจะมีสภาพเช่นนี้ หนิงเฉิงจึงเอ่ยถามถึงเรื่องหาซื้อคนกับท่านหมอโยว
"เรื่องนี้ข้าจัดการให้ พวกเจ้าอยากได้กี่คน" ทั้งสองสบตากันอย่างไม่รู้ว่าจะหาคนกี่คนดี หมอโยวจึงโบกมือ เขาเรียกบ่าวที่ติดตามเข้ามาและสั่งให้ไปหาคนมาหนึ่งครอบครัว
"หาคนจากที่ใดเจ้าคะ" จือลู่ถามขึ้นอย่างสงสัย
"ทาสหลวงมีขายอยู่ที่ตลาดค้าทาส พวกเจ้าไม่เหมาะที่จะเข้าไปให้คนของข้าไปจัดการก็พอ" จือลู่ลืมไปเลยว่ายุคนี้ยังมีการซื้อขายทาสกันอยู่ นางจึงพยักหน้าอย่างเข้าใจ แม้จะไม่อยากได้ทาสแต่ก็คงต้องยอมรับตามวิถีของคนยุคนี้
