สิ้นสุดลงสักที
15 นาทีผ่านไป
หลังจากที่น่านฟ้าจัดการตัดไหมให้กับลูกค้าเสร็จเรียบร้อย เธอจึงเดินมาหยุดยืนอยู่หน้าห้องตรวจของศรัณยูด้วยความรู้สึกเป็นกังวล แม้จะรู้ดีว่าเรื่องของเธออาจจะทำให้เป็นประเด็นสำคัญแต่ทว่าหญิงสาวกลับยังคงมีความหวังอยู่รู้ลึกๆว่าโรงพยาบาลจะยังคงมีเมตตากับเธอได้ทำงานจนครบช่วงทดลองงาน 3 เดือนนี้ก่อนก็ยังดี
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เสียงเคาะประตูห้องดังแทรกขึ้นทำให้สองร่างที่อยู่ในห้องถึงกลับชะงักหยุดการสนทนากันไว้ในทันที
"เข้ามาเลยลูก!!"
น่านฟ้าส่งยิ้มจางๆให้กับสองสาว แต่ทว่าสีหน้าและท่าทางกลับแสดงออกถึงความกังวลได้อย่างชัดเจน
"คือ อย่างงี้นะน่าน ที่พวกพี่สองคนมาหาน่านเพราะข้างบนประชุมกันถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าของวันนี้"
จอยลดาเอ่ยขึ้นพลางหันไปมองหน้าริสาที่เอาแต่ก้มหน้าอยู่ฝั่งตรงข้ามคนน้อง
"พี่ขอพูดกับน่านตรงๆ เลยนะ!!"
"ได้ค่ะ พูดตรงๆ เลยก็ได้ค่ะพี่จอย"
จอยลดายังคงสะกิดต้นแขนของริสาที่เอาแต่นั่งก้มหน้าก้มตาเพราะสงสารน้องมาก ไม่คิดว่าความตั้งใจของน่านฟ้าที่มีให้กับงานโรงพยาบาลทุกอย่าง จะต้องมาเจออะไรแบบนี้
"ถึงเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้น คณะกรรมการและทีมบริหารในที่ประชุมได้ข้อสรุปแล้วว่าจะให้น้องน่านไม่ผ่านโปรในรอบสุดท้ายนี้"
ทันทีที่สิ้นเสียงของจอยลดาน่านฟ้าถึงกับนั่งเงียบอยู่ฝั่งตรงข้าม เพื่อจัดการกับความรู้สึกของตนเองก่อนจะปรายตากลับมามองหน้าของคนพี่ทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามด้วยความรู้สึกสิ้นหวัง
"น่านเข้าใจแล้วค่ะ แต่ให้น่านทำงานถึงสิ้นเดือนเหมือนเดิมอยู่ใช่มั้ยคะ?"
"คือ เขาไม่ให้น่านทำต่อแล้วน่ะ พรุ่งนี้ไม่ต้องมาทำแล้วนะลูก!!"
จอยลดาพยายามพูดกับคนน้องให้ดูซอฟท์มากที่สุด เพื่อถนอมน้ำใจของเธอ แต่ทว่าคนน้องกลับนั่งนิ่งๆ ก้มหน้ากดลงต่ำสุดด้วยความเหนื่อยล้าจิตใจ เธอพยายามอดทนทุกๆวันที่อยู่ที่นี่ ขอแค่ทุกคนให้โอกาส แต่ทว่ากลับไร้ซึ่งความหมาย ยิ่งคิดน่านฟ้ายิ่งรู้สึกสมเพชตัวเองจนไม่สามารถหักห้ามน้ำตาของตนเองได้ เธอจึงเลือกปล่อยมันลงเงียบๆ ต่อหน้าพี่สาวทั้งสองที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
"น่านตั้งใจมาก และอยากเรียนรู้งานจากที่นี่ แต่ทำไมสิ่งที่น่านพยายาม ยิ่งทำให้เรื่องมันเลวร้ายลงไปกว่าเดิมค่ะ อือๆ"
"โธ่น่าน!! พี่สงสารน่านจังเลยลูก อึก ฮือๆ"
ริสาที่พยายามไม่มองหน้าน้อง พอได้ยินเสียงสั่นเครือที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเธอคงกลั้นน้ำตาและความเสียใจนี้ไม่ไหว ทำให้ริสาร้องไห้ออกมาพร้อมกับลุกขึ้นไปสวมกอดปลอบคนน้องแน่นด้วยความสงสารเธอจับใจ
"ถ้าเขาอยากน่านไป น่านก็จะไปค่ะ"
น่านฟ้ารีบยกนิ้วเรียวขึ้นมากวาดหยาดน้ำตาออกด้วยความผิดหวัง ซึ่งฝ่ายบุคคลทั้งสองต่างก็รู้ดีว่าหมายถึงใครที่คนน้องพูดถึง
"ขอบคุณพี่ๆทั้งสองคนมากๆนะคะ ที่ช่วยเหลือน่านมาตลอด"
รอยยิ้มหวานส่งมาให้กับคนพี่ทั้งสองคลุกเคล้ากับความเปียกชื้นรอบดวงตา ก่อนที่นิ้วเรียวจะคว้าปากกาขึ้นมาเซ็นรับทราบเอกสารจนเสร็จเรียบร้อย เร่งรีบลุกขึ้นจากเก้าอี้และกำลังจะเดินออกจากห้องไป
"เรื่องคุณมัสริกา ถ้าคนไข้จะฟ้องโรงพยาบาล เอาหลักฐานที่เธอคุยกับน่านในกล้องวงจรปิดไปสู้ในชั้นศาลได้นะคะ"
เธอหันกลับมาบอกสองสาวที่นั่งอยู่อีกฝั่ง แล้วเดินออกจากห้องไปด้วยความเสียใจกับข่าวสะเทือนใจที่ได้รับ
เวลา 20.10 นาที
เมื่อถึงเวลาเลิกงานน่านฟ้าทยอยเก็บข้าวของทุกอย่าง และจัดเตรียมมันไว้อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยเช่นเดิมในห้องหัตถการ ก่อนจะเดินเข้าห้องพักเบรกและเก็บสัมภาระของตนเองเตรียมกลับคอนโดด้วยความหมองหม่นภายในจิตใจ
"น่านไปก่อนนะคะ!!"
"โชคดีนะลูก"
"โชคดีเช่นกันค่ะพี่ๆ"
ใบหน้าหวานส่งยิ้มให้กับพี่ๆก่อนจะเดินออกจากโรงพยาบาลไปด้วยความรู้สึกผิดหวังเอามากๆ อย่างน้อยให้เธอทำงานจนถึงสิ้นเดือนก็ยังดีให้มีเวลาเตรียมใจและเคลียร์ของให้พยาบาลคนใหม่ได้มาทำงานต่อได้ง่ายขึ้นบ้าง แต่นี่ให้เธอออกกะทันหันทั้งที่ยังไม่ได้เตรียมพร้อมอะไรสักอย่างไว้เลยด้วยซ้ำ
'โชคดีนะทุกคน'
ร่างเล็กเดินออกจากตัวตึกของโรงพยาบาล ภายในใจเฝ้าคอยแต่พร่ำบอกลาทุกๆคนที่เธอเคยรู้จัก หยาดน้ำตาที่พยายามกลั้นเอาไว้กับไหลลงมาอีกครั้งโดยที่เธอห้ามมันแทบไม่ไหว รีบยกมือเช็ดมันออกโดยไม่ได้สังเกตเห็นว่าใครบางคนที่นั่งจ้องมองแผนหลังของเธออยู่ภายในรถ
ยิ่งเข้าเห็นร่องรอยความเจ็บปวดของเธอผ่านทางหยาดน้ำตา และรอยฟกช้ำแดงก่ำที่ต้นแขนจากฝีมือของเขาเมื่อตอนกลางวัน ศรัณยูกลับรู้สึกใจสั่นหวั่นไหวด้วยความสับสน ภายในใจส่วนลึกยังคงรู้สึกผิดที่เผลอทำรุนแรงกับคนน้องไป แต่ทว่าเขาทำได้แต่นั่งจ้องมองตามเธอเดินออกไปจนร่างนั้นลับไปไกลสายตา
"แม่งเอ๊ย!! ควรจะดีใจสิวะ มึงเฉดหัวยัยเด็กบ้านั้นออกไปจากโรงพยาบาลได้แล้วนะเว้ย ไอ้ศรัณย์!!"
แทนที่เขาจะดีใจที่ต่อจากนี้จะไม่มีเธอมาคอยวุ่นวายในชีวิตเขาอีก แต่ศรัณยูกลับรู้สึกหงุดหงิดและกระวนกระวายใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาด เมื่อรู้ว่านับตั้งแต่วินาทีนี้ไปเขาจะไม่มีโอกาสได้เจอเธออีกไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ใดก็ตาม
คอนโดน่านฟ้า
"อึก ฮือ เฮงซวยและงี่เง่าที่สุดเลย ฮือๆ"
ร่างกายที่เหนื่อยล้าไม่ต่างจากหัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำ รั้งตัวเธอล้มลงบนที่เตียงนอนนุ่ม พร้อมๆกับหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาเป็นทาง น่านฟ้ายังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นด้วยความรู้สึกเศร้าและเสียใจที่ความตั้งใจของเธอที่มีทั้งหมดมันศูนย์เปล่า
'สุดท้ายแล้วมันก็คือโรงพยาบาลของเขาอยู่ดี ต่อให้เราไม่ผิด เขาก็ให้เราผิดอยู่วันยังค่ำ ไม่มีใครเขาจะมาเห็นค่าพนักงานกระจอกๆแบบนี้หรอกนะ'
"อึก ฮือๆ"
เสียงร้องห่มร้องไห้ยังคงดังลั่นห้องอยู่คนเดียวเพียงลำพัง ความน้อยอกน้อยใจเริ่มถาโถมเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง น่านฟ้าเอาแต่ตั้งคำถามภายในใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า ถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นทำไมถึงใจร้ายให้เธอออกทันทีเลย โดยไม่แม้แต่จะถามกันสักคำว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ทว่าเมื่อสมองพลันนึกไปถึงว่าที่นี้มันคือโรงพยาบาลของเขาเอง เขาจะทำอะไรกับใครก็ได้ แค่เสียงของพนักงานกระจอกๆอย่างเธอคงไม่มีค่าอะไรอยู่แล้ว
"ไม่เคยเห็นใจกันบ้างเลย อึก ฮือๆ"
"โอ๊ย!!"
เพียงแค่จังหวะที่หญิงสาวพลิกตัว ต้นแขนที่บอบช้ำกระแทกลงกับขอบเตียงอย่างรุนแรง มันกลับสร้างความเจ็บปวดให้เธออย่างน่าใจหาย และเจ็บใจทุกครั้งที่เธอปล่อยให้คนอย่างศรัณยูทำร้ายกันได้ถึงขนาดนี้
"เจ็บจัง!! อือ ฮือๆ"
เธอทำได้เพียงแค่หยิบหลอดยาขึ้นมาทาที่ร่องรอยนั้นอย่างเบามือ พร้อมๆกับหยดน้ำตาที่หลั่งไหลออกมาด้วยความเจ็บปวด จนกระทั่งความเหนื่อยล้าและอาการปวดศีรษะดึงรั้งจิตวิญญาณที่ชอกช้ำของเธอเข้าสู่การหลับใหลในค่ำคืนที่แสนปวดร้าวนี้
6 วันผ่านไป
มัสริกายื่นเรื่องฟ้องต่อศาล เมื่อกล่าวหาว่าโรงพยาบาลทำจมูกของเธออักเสบติดเชื้อ ทั้งสองฝ่ายยังคงหาหลักฐานทุกอย่างเพื่อให้ตนเองเป็นฝ่ายถูก รวมกันศรัณยูที่ยังคงวุ่นวายอยู่กับในหลายๆเรื่อง แต่ทว่าทุกครั้งที่เขาออกตรวจที่ OPD กลับรู้สึกใจหายที่ไม่มีคนน้องมาคอยลอยหน้าลอยตาชวนให้เขาหาเรื่องทะเลาะกับเธอเช่นเคย
"ไหนพยาบาลที่จะเข้าเคสช่วยผมวันนี้?"
"คุณหมอคะ คือ พี่หาไม่ทันเลยจริงๆค่ะ"
"ทำงานไม่ได้เรื่อง ไปลาออกให้รู้แล้วรู้รอดซะอยู่ไปก็ไร้ประโยชน์"
ศัลยแพทย์หนุ่มกระแทกเสียงใส่หน้าของ HR ร่างอวบที่ยังคงเดินก้มหน้าก้มตายอมรับชะตากรรมของตนเองอยู่ในห้องตรวจของเขา ก่อนที่ร่างใหญ่จะสะบัดตัวเดินออกจากห้องไปทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าให้ริสาเหนื่อยล้าจิตใจเล่นทุกวัน
ฝ่ายบุคคล
"เฮ้อ!! แบบนี้ไม่ได้ ไม่ได้จริงๆ เจ๊จอยหนูตายแน่ๆ"
ร่างอวบทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ในห้องทำงานด้วยความเหนื่อยล้าภายในจิตใจ เมื่อเธอพยายามหาพยาบาลมาทำงานแทนน่านฟ้า แต่ทว่ากลับไม่มีใครทนกับเขาได้เลยในสองถึงสามวันที่ผ่านมานี้
"เฮ้อ!! ริสาฉันก็เหนื่อยที่จะหาช่วยแกแล้วนะ"
จอยลดาบ่นออกมาพึมพำหลังจากตั้งหน้าตั้งตาหาพยาบาลมาประจำตำแหน่งแทนคนน้อง แต่ทว่ากลับไม่มีใครสนใจเลยสักคน
"เป็นไงละเจ๊ แต่ก่อนหนูหาอยู่คนเดียวหัวหมุนเป็นกังหันลมแล้ว เจ๊มาหาด้วยกันจะได้ปวดประสาทไปด้วยกันเลย"
"บางทีก็เกินไปนะแก พอคนมีประสบการณ์มาก็ไม่เอาเขา พยาบาลคนไหนมาเขาก็ไม่อยากทนกับความประสาทแดกของหมอศรัณย์อีกเหมือนกัน ไม่เคยมีใครอยู่เกิน 3 วันได้สักคน!!"
"ใช่ไง!! พอน้องที่อดทนต่อความประสาทแดกได้เหมือนน้องน่าน ก็หาเรื่องไล่เข้าออกจากโรงพยาบาล บ้าเกิน!!"
สองร่างยังคงคุยกันถึงปัญหาที่เกิดขึ้นของศัลยแพทย์หนุ่มแต่ทว่ากลับไร้ซึ่งหนทางที่จะลบล้างหรือแก้ไขปัญหาในข้อนี้ได้เลยตั้งแต่น่านฟ้าออกไป
"แบบนี้เราท้วงในห้องประชุมได้มั้ยว่าให้หมอศรัณย์ทำเองคนเดียวทั้งหมดเลย ในเมื่อมากเรื่องขนาดนี้"
"ตายอะแบบนั้น โรงพยาบาลเจ๊งไม่เป็นท่ากันพอดี แค่ให้ผ่าตัดกับออกตรวจที่ OPD ก็หมดเวลาทำอะไรแล้ว นอกซะจากว่าจะให้นางอยู่เวรคนเดียวตลอด 24 ชั่วโมง"
"ไม่ได้หรอกแบบนั้นตายห่ากันพอดี!!"
สองสาวยังคงนินทาเจ้านายประสาทแดกที่เอาแต่ใจตนเองอยู่ภายในห้องทำงานของฝ่ายบุคคล ไม่ว่าจะหันไปทางใดยังคงไร้ซึ่งจุดหมายที่จะหาทางแก้ไขปัญหาเหล่านี้ได้อย่างชัดเจน ยิ่งสร้างความหนักใจให้กับจอยลดาและริสาเป็นอย่างมากที่สุด นับวันยิ่งทวีคูณความเหนื่อยล้าและความยากลำบากเพิ่มมากขึ้นเป็นหลายเท่าตัว
Talk
ขอโทษด้วยนะคะ อีพี่จับสลากได้เป็นพระเอกเรื่องนี้ พอดีชุบชีวิตมาจากถังขยะคะ55555
