บทที่ 3 ฟ้าฝนเป็นใจ
รถเครื่องคู่ใจมาจอดที่หน้าบ้านของลูกหนี้พ่อในหมู่บ้าน บ้านหลังนี้เป็นบ้านไม้สองชั้น เสือขาวตะโกนร้องเรียกเจ้าของบ้านให้มาเปิดประตูรั้วบ้านไม้ไผ่ให้ตนเองเข้าไปในบ้าน เสือขาวจ้องมองคนที่ยืนอยู่ตรงข้ามตัวเองโดยมีรั้วไม้ไผ่คั่นกลางระหว่างตนและหญิงสาวก็ยกยิ้มมุมปาก วันนี้เพียงพิณช่างดูน่ารัก น่าใคร่ น่าปรารถนา หล่อนใส่เสื้อยืด กางเกงขาสั้นเหนือเข่าเล็กน้อย ไม่ได้สั้นแบบสาวในเมืองและสาวในหมู่บ้านคนอื่นใส่กัน แต่มันก็ดูยั่วยวนน้ำลายสอเป็นที่สุด
“เปิดประตูให้ฉันหน่อย”
“พ่อกับแม่หนูไม่อยู่บ้านค่ะวันนี้”
“ฉันรอพ่อกับแม่เธอกลับได้เพียงพิณ”
“ตะ...แต่...” เสียงเข้มรีบพูดแทรกเมื่อสาวน้อยอ้ำอึ้งกังวลที่จะเปิดประตูให้ตนเข้าไปในบ้าน
“ฉันไม่อยากมาหลายรอบให้เสียเวลา เปิดประตูให้ฉันเดี๋ยวนี้!”
“คะ...ค่ะ” แล้วสาวน้อยก็รีบเปิดประตูต้อนรับแขกเจ้าหนี้รายใหญ่ของบ้านตนเองให้ชายหนุ่ม พ่อกับแม่ได้ไปกู้ยืมเงินกับกำนันพร้าวเพื่อส่งพี่สาวเรียนต่อมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัดสุพรรณบุรี ถ้าไม่กู้ยืม พี่สาวก็จะไม่ได้เรียนต่อ และเธอก็เช่นกัน หากเรียนจบมัธยมปลายก็ต้องใช้เงินหนึ่งก้อนเพื่อไปเรียนต่อ แม้รัฐบาลจะมีเงินให้กู้เพื่อการศึกษา แต่มันก็ไม่พอค่าใช้จ่าย ขนาดพี่สาวกู้เงินเพื่อการศึกษาก็ยังไม่พอ
ประตูรั้วไม้ไผ่ของบ้านไม้สองชั้นถูกเปิดผลักออกเชิญแขกไม่ได้รับเชิญเข้าบ้านอย่างจำใจ เธอเดินนำหน้าแขกร่างใหญ่หน้าโหดรกครึ้มไปด้วยหนวดเคราเข้าบ้านของตนเองอย่างประหม่า พอเข้ามาในบ้าน ชั้นล่างของบ้านมีชุดโต๊ะไม้รับแขกแล้วเชิญเขานั่งลง
“เดี๋ยวหนูไปเอาน้ำให้คุณเสือขาวนะคะ” เมื่อแขกนั่งลงยังเก้าอี้ไม้รับแขกของบ้านตนเอง หญิงสาวก็เดินไปยังห้องครัวขนาดเล็กหลังบ้าน เพียงพิณ วัยสิบแปดปี เป็นลูกสาวคนเล็กของบ้านนางสมกับนายแม้น กำลังเรียนอยู่มัธยมปลาย จะเรียนจบเทอมนี้ และมีพี่สาวหนึ่งคนชื่อ เสียงแคน วัยสิบเก้าปี กำลังศึกษาอยู่มหาวิทยาลัยชั้นปีที่หนึ่งในตัวจังหวัดสุพรรณบุรี
เสือขาวมองไปรอบๆ บ้านหลังน้อยที่ตนได้เข้ามานั่งอยู่ แม้จะหลังเล็กเทียบไม่ติดกับห้องนอนตัวเองที่บ้าน แต่ทุกอย่างในบ้านถูกจัดแต่งอย่างเป็นระเบียบ และมองไปทางบันไดบ้านขึ้นไปยังชั้นสอง เขาก็ลุกจะเดินไป แต่ยังไม่ทันได้ก้าวขาขึ้นบันได เจ้าของบ้านก็เดินออกมาจากห้องครัวหลังบ้านพร้อมแก้วน้ำเปล่าหนึ่งแก้วถืออยู่ในมือ เขาจึงเดินกลับไปนั่งที่เดิม
“ขอบใจ” เขารับแก้วน้ำในมือสาวน้อยมาถือไว้พร้อมกับส่งสายตากรุ้มกริ่ม แต่สาวน้อยหลบตาและหย่อนก้นลงนั่งเก้าอี้ไม้อีกตัวที่อยู่ถัดตัวเองไปสองเก้าอี้นั่ง ‘ระวังตัวเหลือเกินแม่คุณ!’ เขาพึมพำกับตัวเองแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มรวดเดียวจนหมดแก้วแล้ววางลงโต๊ะกลางตรงหน้าตัวเอง
“เดี๋ยวหนูโทรตามพ่อกับแม่ให้นะคะ” แล้วเธอก็ล้วงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงออกมากดต่อสายหาแม่ตัวเองเพื่อจะถามท่านทั้งสองว่าจะกลับมาตอนไหน พอโทรถามได้ความแล้วก็กดวางสายบอกกับเจ้าหนี้รายใหญ่ของพ่อกับแม่ตน
“วันนี้พ่อกับแม่หนูไม่กลับบ้านแล้วค่ะ พ่อกับแม่กลับมาไม่ทัน จะพักที่นครปฐมค่ะ มาถึงพ่อกับแม่หนูบอกว่าจะเอาเงินไปให้ที่บ้านกำนันเองค่ะ” เธอบอกตามที่แม่บอกมาในสาย
“งั้นวันนี้ฉันก็มาเสียเที่ยวน่ะสิ” เสือขาวเอ่ยพร้อมลุกขึ้น แล้วเสียงฟ้าด้านนอกก็ดังขึ้น
เปรี้ยง! ปร้าง!
“ฝนกำลังจะตก ถ้าฉันขับรถกลับบ้านตอนนี้ก็เปียก” เขาพึมพำเป็นเสียงออกมาแล้วนั่งลงเหมือนเดิมทำเอาเจ้าของบ้านต้องเบือนหน้าแล้วถอนหายใจ เพราะการอยู่สองต่อสองกับเสือขาวทำให้เพียงพิณรู้สึกแปลกๆ รู้สึกถึงความอันตราย ลางสังหรณ์ของเด็กสาวบอกว่า ‘ไม่ปลอดภัย’
เปรี้ยง! ปร้าง! ห่า!
เสียงฟ้าฝนกระหน่ำลงมาอย่างรุนแรง แม้ตอนนี้อยากไล่ให้เขาไปก็ไปไหนไม่ได้แล้ว เพราะตอนนี้ด้านนอกฝนตกหนัก
เพียงพิณชำเลืองหางตามองแขกของบ้าน ไม่กล้ามองหน้าตรงๆ ของเขาด้วยกลัวสายตาดุดันที่ได้สบจ้องโดยบังเอิญ
มุมปากหนายกยิ้มขึ้นเมื่อเห็นท่าทางหวาดกลัวระแวงของเด็กสาวแล้วขยับตัวลุกขึ้นเดินไปหาเธอที่นั่งเก้าอี้ห่างจากตนเองแล้วมาหยุดยืนตรงหน้าของสาวน้อยแล้วโน้มตัวก้มหน้าลงไปหาคนตัวเล็กที่นั่งเกร็งกับเก้าอี้ ในขณะที่เสียงฟ้าฝนก็ดังไม่หยุดด้านนอก
เปรี้ยง! ปร้าง!
ห่า! ซ่า!
“คะ...คุณจะทำอะไรคะ” เพียงพิณถามเสียงสั่น ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นสบตาคนที่ก้มลงมาหาตัวเอง
“ฝนก็ตก กลับบ้านก็ไม่ได้ ถ้าไม่ทำอะไรก็จะดูน่าเบื่อว่าไหมเพียงพิณ” เขาใช้มือหนาสากกร้านของตัวเองเชยคางมนให้แหงนเงยขึ้นสบตาตัวเองที่ก้มหน้ามาอยู่ชิดใกล้จนลมหายใจเป่ารดใบหน้าของสาวน้อย
“คุณจะทำอะไรหนู” เธอถามเขาแม้จะเข้าใจในความหมายที่อีกฝ่ายสื่อออกมาในประโยค เธอรู้จักชื่อเสียงของเสือขาวดีว่ากระฉ่อนเรื่องกามราคะมากแค่ไหนและสาวๆ ในหมู่บ้านก็ล้วนตกเป็นของเขาทั้งนั้น มือน้อยยกขึ้นปัดมือหนาออกแล้วเสียงฟ้าร้องก็ดังขึ้นดังกว่าทุกครั้งจนเธอตกใจสะดุ้งเผลอตัวโอบกอดคนตัวโตตรงหน้า
