บท
ตั้งค่า

ตอนที่6

“ข้อเท้าคุณเป็นยังไงมั่งล่ะ หายดีหรือยัง” เขาเปลี่ยนเรื่อง

“แล้วค่ะ ขอบคุณที่ถาม”

ชายหนุ่มไม่แน่ใจนักว่ามีแววประชดในคำพูดท้ายประโยคหรือเปล่า เพราะคนพูดยังวางหน้าเฉยๆ ขณะเดินเอาข้าวของที่ซื้อมาไปวางรวมบนโต๊ะ

“ผมคงต้องไปแล้ว มีสอนตอนสิบโมง ผมลาละครับคุณน้า”

เขาไหว้ลาผู้สูงอายุกว่านอบน้อม

“จ้ะ ขอบใจนะจ๊ะที่ช่วยเป็นเพื่อนคุยตั้งนาน”

เขาไม่ได้กล่าวลาหลานสาวคนที่เขามาเยี่ยมไข้ แต่มองสบตาคมดำคู่ใหญ่อยู่อึดใจก่อนผละไป

หญิงสาวไม่ได้ตามออกไปส่ง แค่มองตามร่างสูงเงียบๆ ไม่มีใครรู้ว่าเจ้าตัวคิดอะไร แต่เสียงพูดมามาจากบนเตียงก็ทำเอาสะดุ้ง

“อาจารย์คณเทพยังไม่รู้สินะว่าหญิงเป็นใคร”

หญิงสาวหันไปสบตามองมาเขม็ง ถึงยังไงก็ยังเต็มไปด้วยกระแสรักใคร่ชวนอุ่นอกอุ่นใจ ได้เพียงชั่วครู่ ก็เบือนหลบ ตอบเรียบร้อย

“ก็ไม่จำเป็นต้องรู้ไม่ใช่หรือคะ”

“น้าไม่เข้าใจหญิงเลยจริงๆ นะ นึกสนุกอะไรขึ้นมาอีกละจ๊ะ?”

“หญิงไม่ได้นึกสนุก แค่ไม่เห็นความจำเป็นที่จะป่าวประกาศชาติกำเนิดตัวเองกับใครต่อใครก็เท่านั้นเอง โธ่... น้าแหววขา”

เสียงเรียกขานผู้มีศักดิ์เป็นน้าแท้ๆ เปลี่ยนเป็นออดอ่อน

“หญิงแค่อยากมีชีวิตสบายๆ บ้างก็เท่านั้นเอง”

“ชีวิตปกติมันไม่สบายยังไงหรือ ท่านพ่อของหญิงหรือ ก็ทรงตามใจลูกสาวทุกอย่าง เพื่อนฝูงคนรู้จักก็ล้วนแต่เอาอกเอาใจคุณหญิงดุจตะวันแทบจะไม่เคยขัด”

“นั่นแหละค่ะที่หญิงเบื่อ!”

เสียงมีกังวานใสกระแทกกระทั้น ปากบางอิ่มอ่อนช้อยยื่นน้อยๆ มองเหมือนกุหลาบตูมเตรียมคลี่กลีบ

“น้าแหววลองคิดสิคะ เป็นคนปกติธรรมดาทั่วไป มีหรือคะที่ผู้คนจะคอยเอาอกเอาใจ ตามใจเราไปทุกฝีก้าว ทำอะไร ไม่ว่าจะผิดถูกก็ชื่นชม ป้อยอ เห็นดีไปซะหมด เพียงเพราะหญิงเป็นลูกสาวคนเดียวของท่านพ่อ ... ท่านชายที่มีฐานะมั่งคั่ง เป็นที่ยอมรับนับถือของชาวสังคม ... หญิงอยากรู้ค่ะ ถ้าหญิงเป็นแค่ลูกหลานชาวบ้านธรรมดาๆ ฐานะพอมีพอกิน แทนการเป็นหม่อมราชวงศ์หญิง จากราชสกุลมั่งคั่งร่ำรวย คนเขาจะมองหญิงรู้สึกกับหญิงยังไง”

“แล้วพอจะรู้มั่งหรือยังล่ะจ๊ะ” เสียงถามฟังหมั่นไส้

“ค่ะ” สีหน้า แววตา บอกว่าเจ้าตัวอมยิ้มอยู่ในใจ “พอรู้มั่งแล้ว สนุกดีนะคะ”

สุ้มเสียงฟังว่าเจ้าตัวสนุกจริงๆ

“สนุกยังไงจ๊ะ”

“เก๊าะ... สนุกตรงที่เราได้รู้ได้เห็นอะไรแปลกๆ นะสิคะ”

“ยังไง? น้าไม่เข้าใจ”

“คือ... อย่างนี้ค่ะ”

ตลอดเวลาที่เล่า ที่ยังไม่มีโอกาสเล่าสู่คนเป็นน้าฟัง สีหน้าคุณหญิง ที่เพื่อนฝูง ตลอดจนคนใกล้ชิด เช่นองค์ชนก รวมไปถึงบรรดาญาติๆ พากันเรียก ‘หญิงตะวัน’ อันมาจากนามดุจตะวัน มีความหมายว่าเสมือนพระอาทิตย์ ... มีรอยขบขันมากกว่าแค้นเคือง

ถึงอย่างนั้นสีหน้าคนเป็นน้าก็ยังดูตกอกตกใจ

“ตายแล้ว! หญิงตะวัน... ทำไมไปต่อล้อต่อเถียงกับผู้หลักผู้ใหญ่ยังงั้นละจ๊ะ ไม่น่ารักเลยรู้ไหม?”

“ก็... ตอนนั้นหญิงโมโหนี่คะ คงจะยังช็อคๆ อยู่ด้วยแหละ เลยลืมตัวไปนี๊ด- นึง”

วัลลีมองหน้าเพรียวคมใสกระจ่าง ชูนิ้วสั่นเบาๆ ใส่หน้าฉีกยิ้มประจบ

“อย่า... อย่ามาแก้ตัว ยังกับน้าไม่รู้นี่ว่า เรานิสัยเป็นยังไง ไอ้ที่จะยอมให้คนปาวๆ เอาฝ่ายเดียวไม่มีทาง ก็ดีแล้ว ที่ไม่ประกาศโป้งป้างออกไปเกี่ยวกับตัวเอง ขืนบอกไป... แค่คิด น้ายังออกจะสงสารคุณแม่อาจารย์คณเทพบอกไม่ถูก คงไม่รู้จะวางหน้ายังไง ถ้ารู้ว่าคนที่ตัวเองสรรคำมาว่ามากมายเป็นใคร อาจลมใส่เอาดื้อๆ”

มีเสียงหัวเราะคิก

“ก็จริงนะคะ โดยเฉพาะ... คุณอาจารย์คณเทพของน้าแหว คงแทบมองหน้าท่านพ่อไม่เต็มตา อาจพาลลาออกจากงานซะดื้อๆ”

“เกี่ยวอะไรกันจ๊ะ”

“เอ้า! นี่น้าแหววไม่รู้หรอกหรือคะว่าคุณอาจารย์คณเทพ คนดีมีน้ำใจของน้าแหวว สอนที่ไหน”

“หญิงจะบอกน้าว่า... อาจารย์คณเทพทำงานอยู่กับท่านพ่อของหญิงงั้นหรือจ๊ะ”

“ค่ะ พอรู้ว่าเขาชื่อนี้ หญิงก็คิดว่าเห็นจะไม่ผิดตัว หญิงเคยได้ยินพ่อพูดถึงหลายครั้ง ฟังว่าเป็นอาจารย์ที่มีภูมิความรู้แน่นเอี้ยด ได้ปริญญา พีเอส.ดี ตั้งแต่อายุแค่ยี่สิบห้า พ่อชื่นชมเอาเอามากๆ บอกว่าเป็นคนหนุ่มอนาคตไกลคนหนึ่ง มีหวังได้เป็นคณบดีอายุน้อยที่สุดเป็นประวัติการณ์”

“แต่ดูท่าทางหญิงจะไม่ชื่นชมอาจารย์หนุ่มคนนี้สักเท่าไหร่เลยนี่ ใช่ไหมจ๊ะ”

วัลลีถามเสียงเรียบ หน้าเฉยๆ

คุณหญิงวางหน้าเฉย ตอบเสียงเรียบพอกันกลับไป

“น้าแหววก็รู้นี่คะ หญิงไม่ค่อยถูกกับครูบาอาจารย์มาแต่ไหนแต่ไร”

“ก็ใช่ล่ะสิ” กังวานเสียงหมั่นไส้กลับมาอีกครั้ง “ก็เราน่ะซนเป็นลิงเป็นค่าง ครูบาอาจารย์ที่ดีก็ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชอบรมสั่งสอนมากเป็นพิเศษเผื่อเราจะเรียบร้อยขึ้นบ้าง แต่เรากลับไปมองว่า ครูบาอาจารย์เหล่านั้นขี้บ่น ชวนให้รำคาญ แล้วก็พาลไม่กินเส้นกับคนในวิชาชีพนี้ไปเลย”

“เรียบร้อยเฉยๆ หญิงก็ทำเป็นนะคะ แต่ถึงขั้นให้เป็นผ้าพับไว้ หญิงอัดใจตายแน่เลย”

“เราละพูดเกินไป น้ายังไม่เคยเห็นใครตายเพียงเพราะต้องทำตัวเรียบร้อย แล้วเราน่ะ ก็มักจะมีข้ออ้างเรื่อยแหละ เรื่องของเรื่องก็เพราะถูกคนรอบข้างตามใจจนเหลิง ถ้ามีคนคอยกำราบจริงจัง คงน่ารักกว่านี้เยอะ”

“อย่างนี้ยังว่าไม่น่ารักอีกหรือคะ? โธ่! โธ่! โธ่! ตะวันเอ๋ย อุตส่าห์ทำตัวดีดี๊ดีมาตั้งหลายวัน คุณน้าสุดที่รักยังมองไม่เห็นความน่ารัก”

“ยังจะแกล้งพูด!”

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel