บท
ตั้งค่า

ตอนที่5

“ได้น่ะได้หรอกครับ แต่ว่า...”

“อย่ามีแต่เลยค่ะ ถ้าจะกรุณา คือ... ถ้าคุณหมอพอมีเวลา ฉันก็อยากจะขอร้องให้คุณหมอช่วยไปดูคนเจ็บที่บ้านด้วย กรุณาเถอะนะคะ”

มีความกังวลแทรกอยู่ในเสียงหวานใสฟังวิงวอนหน่อยๆ

“เธอ... คุณพูดอะไร?”

บุคคลที่หญิงสาวพยายามจะไม่ใส่ใจ นิ่วหน้า

“หมายความว่ามีคนเจ็บที่บ้านอย่างนั้นรึ?”

โดยไม่รอคำตอบ คณเทพตั้งคำถามติดต่อกันไป

“อย่าบอกนะว่าที่ออกจากบ้านทั้งที่อากาศกำลังแปรปรวนก็เพื่อตามหมอไปดูคนไข้?”

“เผอิญว่าเป็นอย่างนั้น คือ... น้าของฉันน่ะค่ะ ไม่สบาย แต่ไม่ยอมไปหาหมอ ฉันเห็นว่าขืนปล่อยไว้จะเป็นมาก ถ้าเกิดไข้ขึ้นดึกๆ ดื่นๆ ฉันก็คงไม่มีปัญญาพาโรงพยาบาลแน่ๆ บ้าน... เอ้อ บ้านเราต้องเข้าไปคลองลึก ญ... ฉันก็เลยเสี่ยงฝ่าพายุฝนออกมาซื้อยาก็ดั๊น... มาเกิดเหตุกับตัวเองซะก่อน เพราะความประมาทของคนบางคน!”

คนบางคน... ซึ่งถูกหางตาคมๆ ตวัดผ่านหน้าไปแวบหนึ่ง แทบตีหน้าไม่ถูก ก็เลยรีบสรุปก่อนสงครามน้ำลายจะยืดเยื้อ

“นายช่วยไปดูหน่อยสิ ชัช คิดซะว่าเวทนาลูกนกลูกกาตาดำๆ ยอดกตัญญู”

ลูกนกลูกกาตาดำๆ ยอดกตัญญู ไม่ได้มีทีท่าสำนึกบุญคุณคนพูด แม้เมื่อรถที่พากลับบ้าน โดยมีหมอนั่งมาด้วย คือออดี้ A8 L55 เครื่องยนต์ 2995cc และคนขับก็คือเจ้าของรถนั้นเอง

“ผมอยากให้คนไข้ได้รับการเช็คอย่างละเอียดที่โรงพยาบาล”

นายแพทย์ชัชนันท์พูดกับหญิงสาว หลังจากตรวจอาการหญิงวัยสามสิบปลายถึงสี่สิบต้นๆ นอนคลุมผ้าถึงหน้าอกบนเตียงเล็กในห้องนอนแออัดไปด้วยเครื่องเรือน ดูว่าเป็นของเก่ามีราคาที่บรรดาเศรษฐีใหม่กำลังนิยมมีไว้ในครอบครอง

“ดิฉันไม่เป็นอะไรมากหรอกค่ะ คุณหมอ ก็แค่ไข้หวัดธรรมดาๆ”

คนไข้ทำท่าไม่อยากไปจากบ้าน แต่ญาติคนไข้ไม่นำพาเสียงอ่อนๆ นั้น ถามหมอเสียงเอาจริงเอาจัง

“ไม่ใช่ไข้หวัดธรรมดาใช่ไหมคะ หมอ?”

“ผมยังบอกไม่ได้ครับ ต้องอาศัยเครื่องไม้เครื่องมือตรวจให้ละเอียดอย่างว่า ถ้าไม่ขัดข้อง ผมอยากให้พาไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้เลย ผมจะโทรเรียกรถโรงพยาบาลมารับ”

“ไปรถเราเลยดีกว่า กว่ารถจากโรงพยาบาลจะมาถึงก็คงเป็นชั่วโมง ยิ่งฝนตกอย่างนี้ด้วย ไม่ต้องห่วงเรื่องรถติด”

“แต่ว่า...”

คนมีปัญหาไม่ใช่หมอ แต่เป็นญาติคนป่วย

“ผมไม่คิดเงินคุณหรอกน่า”คณเทพทำเสียงเข้มเข้าใส่ “คิดซะว่าเราคนไทยด้วยกัน เมื่อเห็นคนชาติเดียวกันเดือดร้อน ก็อยากช่วยเท่าที่จะช่วยได้ รึถ้าเกรงว่าจะเป็นหนี้บุญหนี้คุณผม ก็คิดซะว่า ผมทดแทนที่ทำให้คุณเจ็บตัวไง”

ถ้าลำพังตัวเองเจ็บ เธอคงรั้นไม่ยอมรับความช่วยเหลือ แต่นี่เป็นญาติสนิทที่เหลือน้อยคนเต็มทีทำให้ต้องยอม

ครึ่งชั่วโมงหลังจากคนเจ็บถูกส่งเข้าห้องตรวจ หมอชัชนันท์ก็กลับออกมา

หญิงสาวลุกปราดเขยกเข้าไปหา พยายามไม่สนใจสายตาของคู่กรณีของตน ที่ยังอยู่เป็นเพื่อนไม่ยอมปลีกตัวกลับ

“น้าแหววเป็นยังไงมั่งคะ คุณหมอ?”

“ไข้หวัดจริงๆ แหละครับ แต่เป็นหวัดใหญ่มีอาการปอดชื้นร่วมด้วยเลยไอมากหน่อย ให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาลสักสองสามวันก็น่าจะกลับบ้านได้”

“แปลว่าต้องนอนโรงพยาบาลหรือคะ?”

“คงต้องนอนครับ ผมอยากให้อยู่ใกล้ๆ หมอ ให้หมอคอยดูแลใกล้ชิดอย่างน้อยก็สักสองวัน แต่อาจจะถึงสามหรือสี่ แล้วแต่อาการคนไข้ว่าจะดีขึ้นเร็วหรือช้า เอ้อ... คุณน้าของคุณมีบัตรอะไรหรือเปล่าครับ อย่างบัตรประกันสังคม หรือบัตรรักษาฟรีอะไรก็ได้”

หมอชัชนันท์ถาม เพราะไม่แน่ใจฐานะคนไข้ที่เขาเพิ่งเซ็นรับเข้าเป็นคนไข้ในของโรงพยาบาลอยู่ระดับไหน เท่าที่สังเกตบ้านอยู่อาศัย ก็เป็นบ้านไม้ยกสูงอย่างบ้านในชนบทส่วนใหญ่ ถึงจะดูกว้างขวาง ก็ค่อนข้างเก่า ปลูกอยู่กลางสวน ซึ่งเขาก็ไม่ได้สังเกตสังกาอาณาบริเวณมากนัก ไม่รู้สวนอะไร

“เรื่องค่ารักษาพยาบาลดิฉันไม่มีปัญหาหรอกค่ะ แล้วก็อยากรบกวนคุณหมอให้ช่วยหาห้องพิเศษให้ได้ไหมคะ ดิฉันจะได้อยู่เฝ้าได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง”

“ได้สิครับ ผมจะติดต่อให้คุณ...”

“เรียกดิฉันว่าตะวันก็ได้ค่ะ”

หมอชัชนันท์เห็นดวงตาดำขลับภายใต้กรอบพัดเล่มจิ๋ว เหลือบปราดไปทางเพื่อนของเขาแวบหนึ่ง ก่อนพูดติดต่อกันไป

“ดิฉันขอให้ไปรายละเอียดในฐานะญาติคนไข้ ที่จะรับผิดชอบเรื่องค่าใช้จ่ายต่างๆ กับเจ้าหน้าที่ของทางโรงพยาบาลก่อนนะคะ”

“ผมจะให้พยาบาลพาไป เชิญครับ เอ้อ... ผมว่าคุณนั่งรถเข็นไปดีกว่า ขืนเดินมากๆ ผมอาจจะต้องสั่งแอทมิดคุณอีกคน เชื่อหมอดีกว่านะครับ จะได้หายไวๆ”

ถึงจะมีเสียงถอนใจ หากก็ยอมปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอแต่โดยดี

“ก็ได้ค่ะ”

ทันทีที่มองเห็นคนมาเยี่ยมไข้ เจ้าของมือเรียวงามที่ผลักประตูห้องพักพิเศษของโรงพยาบาล ก็มีอันชะงักแค่กรอบประตูที่เพิ่งถูกเปิดออก

“สวัสดีครับ” ร่างสูงลุกขึ้น

“ผมมาเยี่ยมคุณน้า นายชัชเพิ่งจะกลับออกไปเมื่อครู่นี้เอง”

“ขอบคุณค่ะ” เสียงตอบฟังแข็งๆ

ตาดำใหญ่มองเลยไปยังกระเช้าดอกไม้ อาหารบำรุงอีกกระเช้าโตๆ บนโต๊ะมุมห้อง

“เห็นว่าพรุ่งนี้ก็จะกลับบ้านได้แล้ว คุณคงไม่ว่าหากผมขออาสารับส่ง”

“ไม่รบกวนหรอกค่ะ ดิฉันเรียกแท็กซี่ไปเองได้”

“ลำพังตัวคุณดูว่าเก่งกาจไม่ไม่น้อย ผมไม่ห่วงหรอกครับ เป็นห่วงก็แต่คุณน้า สุขภาพยังไม่แข็งแรงดี ต้องพักผ่อนอีกเป็นอาทิตย์ๆ เรี่ยวแรงจึงจะกลับเป็นปกติ คงไม่เหมาะ ถ้าต้องอาศัยแท็กซี่ที่มีคนขึ้นลงวันๆ ไม่รู้กี่สิบราย อาจมีเชื้อโรคติดต่อพร้อมจะระบาด คนดีๆ มีภูมิต้านทานก็ดีไป แต่คนป่วยไข้ สุขภาพยังอ่อนแอ ยังอยู่ในระพักฟื้นเห็นจะไม่ดีแน่ เอาเป็นว่า สิบเอ็ดโมงพรุ่งนี้ผมจะมารับ”

“แต่ฉันว่า...”

“เลิกเถียงได้แล้ว” เขาพูดเป็นสั่งด้วยเสียงเด็ดขาด

เธอมองเขาเหมือนจะค้อน

คณเทพลอบยิ้มในใจ

คนดื้อ มันต้องอย่างนี้!

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel