ตอนที่3
คณเทพไม่ใส่ใจญาติผู้น้อง แม้จะถูกมองค้อนด้วยความไม่ชอบใจหลายครั้ง คงนั่งเฝ้าร่างไร้สติ ตาจับอยู่ที่ใบหน้าเพรียวคมที่ดูขาวซีดแทบจะไม่ละสายตา
เขาบอกไม่ถูกว่าเหตุใดจึงปรารถนาที่จะได้เห็นดวงตาที่ยังปิดสนิท มองเห็นแพขนตาดำงอนเป็นแผง ลืมขึ้นมามองตอบ
พูดจริงๆ เขารู้จักผู้หญิงสวยมามาก ระดับนางงามก็เคยวิสาสะเป็นหลายคน แต่ใจเขาก็ไม่เคยเลยที่จะสั่นหวั่นไหวไปจนเขาเองรู้สึกเยี่ยงขณะกำลังมองหน้าขาวซีดของหญิงสาวที่ยังไม่ได้สติ
“กลับมากันแล้วหรือ”
มีเสียงถาม เขาไม่ทันหันไปตอบ เสียงเดิมก็เอะอะมาเสียก่อน
“เอ๊ะ! นั่นใครเป็นอะไร?”
คณเทพเปิดปากแต่พูดไม่ทันญาติผู้น้องที่รีบจีบปากฟ้อง
“พี่เทพขับรถชนคนค่ะ คุณป้า ความจริงก็ไม่ทันชน แค่เฉี่ยวๆ เอาเท่านั้น แต่พี่เทพนะสิคะ ทำเป็นผู้ใจบุญ ต้องรับผิดชอบ”
“ตายแล้ว!”
คุณชดช้อยปราดเข้ามาข้างลูกชาย ตกใจจนไม่ทันฟังประโยคหลังๆ ของหลานสาว
“ทำไมเทพไม่พาส่งโรงพยาบาลล่ะลูก?”
“มาบ้านใกล้กว่าครับ โรงพยาบาลอยู่ไกลเกินไป ผมไม่อยากให้กระเทือนมาก อันที่จริง ตามหลักแล้วเราไม่ควรเคลื่อนย้ายคนเจ็บด้วยซ้ำ แต่จะปล่อยให้นอนตากฝนอยู่อย่างนั้น รอรถพยาบาลมาก็ไม่ได้”
“ให้ใครโทรตามหมอหรือยัง?”
“โทรแล้วครับ... ดูเหมือนจะมานั่นแล้ว”
ชายหนุ่มร่างสูงเพรียว ผิวขาวจัด เดินหิ้วล่วมยาเข้าประตูมา
“คนเจ็บเป็นยังไงบ้าง รู้สึกตัวบ้างหรือยัง?”นายแพทย์หนุ่มถาม
“ยังเลย” คณเทพตอบ
นายแพทย์ชัชนันท์จัดแจงตรวจคนไข้อย่างละเอียด ตั้งคำถามเพื่อวินิจฉัยเป็นระยะ
“นานแค่ไหนแล้ว นับแต่ถูกชน”
“ราวๆ สิบนาทีได้ เป็นไงบ้างวะ?”
เสียงครางเบาๆ มาจากคนเจ็บ แทรกขึ้น
“ดูเหมือนจะรู้สึกตัวแล้วละ” คุณชดช้อยพูด
“เฮ้อ...โล่งใจไปที ทีนี้ยังไงล่ะ พาไปโรงพยาบาลไม่ดีกว่าหรือลูก?”
“ให้นายชัชตรวจดูก่อนดีกว่าครับ”
นายแพทย์หนุ่มจับตาที่ลำขาเรียว เมื่อคนเจ็บที่เพิ่งฟื้นคืนสติ เลื่อนมือปราดลงไปแตะข้อเท้าของตน
“เจ็บที่นั่นหรือครับ”เขาถาม
นิ้วขาวเรียวละมุนแทบจะไม่ปรากฏรอยแตกบริเวณข้อนิ้ว ลักษณะเป็นมือศิลปินโดยแท้ ชะงัก เหลือบตามองผู้คนรอบตัวงงๆ
“ญ... ฉัน... ฉันเป็นอะไรคะ?” ดวงตาดำคมคู่ใหญ่แลปราดไปทั่ว
“ที่นี่ที่ไหนคะ? ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?”
“คุณจำอะไรไม่ได้เลยหรือ?”
เสียงถามของชายหนุ่มคู่กรณีเป็นไปอย่างอ่อนโยน แล้วก็แปลกเอามากๆ ที่เขารู้สึกวาบลึกในอก ทันทีที่ดวงดำโตในกรอบตาเรียวกว้างเหลือบปราดมาสบตาเข้า
“ฉัน... ถูกรถชน ใช่ไหมคะ?”
ร่างบางลุกพรวดแล้วก็ครางโอย
“อูย....”
“มีอะไรแตกหักหรือเปล่า พ่อชัช”
คุณชดช้อยสีหน้ากังวล กลัวว่าหากคนเจ็บอาการหนักมากเท่าใด ลูกชายจะต้องรับผิดชอบมากเท่านั้น ซึ่งคุณชดช้อยไม่ชอบใจเอาเลย
“ไม่หักหรอกครับ แค่ข้อเท้าแพลง”
“แปลว่าฉันจะเดินไม่ได้อย่างนั้นหรือคะ?” คนเจ็บถามเสียงสูง
“ก็แค่ชั่วคราวเท่านั้นครับ” หมอตอบใจเย็น
“ไม่ได้นะคะ! ถึงจะแค่ชั่วคราวก็ไม่ได้นะ ฉันต้องรีบไป... โอย! อูย!”
เสียงโอดครวญดังขึ้น บอกความเจ็บปวด เพียงเจ้าตัวขยับเท้าและขาท่อนล่าง
“ผมว่าคุณนอนเฉยๆ ดีกว่าครับ” นายแพทย์หนุ่มสั่งแกมขอร้อง
“ฉันจะมานอนเฉยได้ยังไง คุณหมอไม่เข้าใจ ว่าแต่ใครกันนะที่ทำให้ฉันต้องมาเป็นแบบนี้?”
อีกครั้งที่ดวงตาดำใหญ่กวาดไปรอบๆ
“ผมเอง ต้องขอโทษเธอ... เอ้อ คุณด้วย” คณเทพยอมรับผิด
“คุณคงขับรถโดยประมาทใช่ไหมล่ะ ไม่อย่างนั้นคงไม่ชนฉันหรอก บ้าที่สุด! ฉันเลยต้องมารับกรรมเพราะคนบ้าๆ สักแต่ว่ามีรถขับแท้ๆ”
ตาดำใหญ่ขณะสบตาคมสีน้ำตาลจัดๆ เป็นประกายวับ
“ผม...”
คู่กรณีพูดไม่ออก แต่มารดาของเขาโต้แทนทันที
“เอ๊อ เธอนี่! จะเอายังไง ลูกฉันผิด เค้าก็ยอมรับผิด อุตส่าห์หอบหิ้วมาบ้าน ตามหมอมาดูแลเป็นอย่างดี ยังจะมาพูดท่านั้นท่านี้ เป็นคนอื่น คงชนแล้วหนีไปไกลแล้ว”
“ไม่ใช่ความผิดของพี่เทพนะคะ คุณป้าขา”
อนัญญาพรส่งเสียงสนับสนุน มองหญิงสาวอย่างไม่เป็นมิตร ยิ่งเห็นสายตาญาติหนุ่มผู้พี่มองคนเจ็บ ก็ยิ่งหงุดหงิด
“พี่เทพขับรถระมัดระวังจะตาย แล้วรถพี่เทพก็ไม่ได้ชนซะหน่อย แค่เฉี่ยวเอาหน่อยเดียวเท่านั้นแหละค่ะ แม่คนนี้นะสิคะ จู่ๆ ก็โผล่พรวดพราดออกมาให้รถชน อาจจะหวังเรียกร้องค่าเสียหายอย่างที่เคยมีข่าวก็ได้นะคะคุณป้าขา”
“เอ๊ะ! เอ๊ะ! ถ้าเป็นอย่างนั้น ลูกชายฉันก็ไม่ผิดล่ะสิ”
คุณชดช้อยหันไปทางบุตรชาย
“ที่น้องพูดก็อาจจะจริงนะพ่อเทพ ผู้หญิงคนนี้อาจเป็นพวกสิบแปดมงกุฎ แกล้งให้รถเฉี่ยวแล้วเรียกค่าทำขวัญแพงๆ ก็ได้”
ตาดำคู่ใหญ่เป็นประกายวาววับ ใบหน้าซีดๆ เปลี่ยนเป็นแดงก่ำไปทั้งหน้า
“คุณน๊าย!”
เสียงเรียกผู้สูงวัยกว่า แม้จะยังมีแววสัมมาคารวะตามควร แต่ก็ฟังว่าเอาเรื่อง
“จะกล่าวหาใครก็ให้แน่ใจเสียก่อนนะคะ ระวังจะโดนข้อหาหมิ่นประมาท และก็ขอบอกให้รู้เอาไว้ด้วยว่า ถึงฉันจะ เอ้อ... เป็นคนธรรมดาๆ หาเช้ากินค่ำในสายตาคุณนาย ก็ไม่เคยประพฤตตัวเยี่ยงโจร”
“ใครว่าฉันกล่าวหา ก็พฤติกรรมหล่อนมันน่าสงสัยน้อยอยู่รึ?”
คุณชดช้อยทำหน้าดูถูกประกอบน้ำเสียง
คนเจ็บอ้าปาก แต่ไม่ทันกล่าวใดๆ เสียงมีกังวานทุ้มนุ่มของคู่กรณีโดยตรง ก็ขัดขึ้นเสียก่อน
“อย่าเถียงกันเลยครับ เอาเป็นว่าผมยอมรับผิด ยินดีรับผิดชอบทุกอย่างละกัน”
“ไม่ได้นะ ตาเทพ!”
“ไม่ได้นะคะ พี่เทพ!”
สองเสียงร้องขึ้นพร้อมกัน
