ตอนที่2
“พ... พี่เทพ ตายแล้ว!” เด็กสาวพูดเสียงไม่เป็นส่ำ
คณเทพได้สติ หลังจากนั่งตะลึงตัวแข็งอยู่หลายวินาที เขารีบลงจากรถ ไม่สนใจว่าจะเปียกฝนที่ยังกระหน่ำไม่ขาดสาย
ร่างนอนหมดสติ บนถนนเฉอะแฉะ ถูกเสื้อกันฝนสีเทาคลุมไว้เกือบมิดตัว จนไม่สามารถมองเห็นได้ว่าผู้โชคร้ายอยู่ในวัยใด หรือเพศใด
เขาเข้าไปใกล้ ทันได้ยินเสียงครางเบาก่อนเงียบไปอีก คณเทพใจคอไม่ดี ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ได้ชื่อว่าเป็นฆาตกรโดยที่เขาไม่ตั้งใจเลย
“พี่เทพ... เป็นไงบ้าง ตายหรือเปล่าน่ะ?”
อนัญญาพรตะโกนถามมาจากในรถ ไม่ยอมลงมาตากฝนกับชายหนุ่ม
“ยังไม่รู้ ได้แต่หวังว่าไม่”
คณเทพตอบก่อนนั่งคุกเข่าลงข้างๆ ร่างไร้สติที่คิดว่าน่าจะเป็นเด็ก เพราะออกจะตัวเล็กบาง
“ไอ้หนู...” เขาลองเรียก
เมื่อยังเงียบจึงตัดสินใจจับพลิกร่างนอนตะแคงแน่นิ่ง
เสื้อคลุมฝนส่วนปกคลุมศีรษะเลื่อนตกไปข้างหลังเผยอให้เห็นหน้าเรียว ขาวซีด
ผู้หญิง!
เขาบอกตัวเอง จังหวะการเต้นหัวใจคล้ายจะโลดขึ้นตุบหนึ่ง
เขาควรจะโทรเรียกรถพยาบาล แต่ก็คิดว่าอาจล่าช้าไม่ทันการณ์ จึงตัดสินใจโน้มกายลงไปใกล้ร่างแน่นิ่งช้อนอุ้มลอยขึ้นสู่วงแขน พาไปวางบนเบาะหลัง หลังจากออกคำสั่งให้ญาติผู้น้อง ซึ่งนั่งเฉย ไม่แสดงความจำนงว่าอยากช่วยแม้แต่นิดเดียว ช่วยเปิดประตูรถ
“พี่เทพ นั่นจะทำอะไร? เราไม่ได้ชนเขาไม่ใช่หรือ? พี่เทพเบรกทันนี่นา แล้วเขาก็ผิดด้วยละที่โผล่พรวดออกมาแบบนั้น แล้วเรื่องอะไรเราต้องไปรับผิดชอบ?”
“พี่ไม่คิดเลยนะว่านัญจะเป็นคนใจร้ายขนาดทนเห็นคนตายไปต่อหน้าต่อตาได้โดยไม่คิดช่วยเหลือ”
สายตาคมสีจัดๆ เหลือบมองแวบหนึ่ง ทำเอาเด็กสาวหน้าแดง แต่ยังแสดงความแล้งน้ำใจต่อ
“ดูสิ เบาะเปื้อนหมดแล้ว”
“เงียบเถอะ นี่รถพี่ ไม่ใช่รถเรา ถ้าพูดแล้วไม่สร้างสรรค์หุบปากไว้จะดีกว่า”
อนัญญาพรค้อนญาติผู้พี่ที่ตนหลงใหลใฝ่ปองตามแรงยุยงของผู้ใหญ่ ขวับใหญ่
“ทำเป็นใจดีมีน้ำใจ ระวังเถ๊อะ จะกลายเป็นคนผิดโดยไม่รู้ตัว!”
สาวไม่เต็มสาวไม่ยอมเงียบ เนื่องจากเกิดความรู้สึกพิลึกๆ ตั้งแต่ได้เห็นหน้าตาผิวพรรณสะสวยสะดุดตาของคนเจ็บที่ยังไม่ได้สติ เห็นชัดว่าอยู่ในวัยหญิงสาว ที่ทำให้คันในหัวใจก็คือ ท่าทีประคับประคองคนเจ็บ ของญาติผู้พี่ กะอีแค่หมดสติ มีเลือดซึมที่ข้างขมับขวาหน่อยเดียว ทำยังกับจะเป็นจะตาย!
“ถ้าจะดวงซวยขนาดนั้นก็ช่างเถอะ” คณเทพโต้ ขับรถเร็วขึ้น แต่ก็เพิ่มความระมัดระวังขึ้นด้วย “ที่พี่นึกไม่ถึงก็คือ ไม่คิดว่านัญจะใจดำถึงเพียงนี้ เห็นคนจะเป็นจะตายตรงหน้ายังมองเฉย”
“ก็มันเรื่องอะไร นัญถึงจะต้องเข้าไปยุ่งด้วยล่ะ?”
“ถามแบบนี้ พี่ก็ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง แต่ไม่คิดสักนิดหรือว่า สักวัน นัญอาจไปประสบเคราะห์กรรมข้างถนนแบบนี้เข้าบ้าง”
“นัญนะรึจะมาเพ่นพ่านอยู่ข้างถนนรนแคม แล้วยังเซ่อซ่าวิ่งออกมาให้รถชนเอาแบบนี้ ไม่มีทาง”
มีเสียงหัวเราะขบขันกึ่งเยาะหลังประโยค อย่างมั่นใจตัวเองว่าจะไม่มีวันโชคร้ายเยี่ยงนี้
ความเอ็นดูฉันพี่น้องในใจชายหนุ่ม แทบจะหมดสิ้นไป เมื่อประจักษ์ในความแล้งน้ำใจของสาวน้อย ญาติผู้น้อง แต่ก็พยายามบอกตัวเองว่า เด็ก... พูดประสาเด็ก ไม่รู้จักคิด ถึงว่าจะดูเป็นเด็กแก่แดดอยู่สักหน่อย
“ท่าทางพี่เทพจะห่วงมากนะคะ”
อนัญญาพรพูดต่อด้วยความหมั่นไส้ เนื่องจากเห็นชายหนุ่มคอยมองร่างไร้สติทางกระจกมองหลัง
“ห่วงสิ ในเมื่อพี่เป็นคนทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ จะเป็นจะตายก็ยังไม่รู้เลย”
“มันเป็นอุบัติเหตุใช่ว่าพี่เทพตั้งใจซะเมื่อไหร่ล่ะ”
“จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจ ต่อให้ผู้หญิงคนนี้วิ่งเข้ามาชนรถเอง ในทางมโนธรรมพี่ก็ยังรู้สึกผิดอยู่ดี”
“พี่เทพได้เที่ยวสงสารหมดแหละไม่ว่าหมูหมากาไก่” อนัญญาพรตำหนิ
คณเทพเลิกคิดจะพูดให้สาวน้อยข้างตัวฟังว่า ความมีน้ำใจ ควรมีติดนิสัยของมนุษย์ทุกคน เพื่อโลกนี้จะได้ไม่มีแต่คนเห็นแก่ตัว แก่งแย่งชิงดี จนทำให้สังคมวุ่นวายไปหมดเช่นทุกวันนี้
เขาเหลือบมองเบาะหลังอีก รู้ว่าเส้นทางที่รถกำลังมุ่งหน้าไปนี้ อีกไกลกว่าจะถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด
ด้วยเหตุนี้ พอมองเห็นรั้วเป็นเงาๆ เบื้องหน้าจึงลดความเร็ว หยุดรถ เมื่อถึงประตูรั้วเหล็กทึบสีน้ำตาล รีบลงไปเปิดประตูก่อนจะกลับมาขึ้นรถและขับเข้าไปตามถนนโรยกรวด ดับเครื่องเมื่อถึงตัวบ้านทรงไทยหลังใหญ่สองชั้น
“อะไรกันคะ พี่เทพ?”
อนัญญาพรโวยวาย เมื่อชายหนุ่มรีบก้าวลงจากรถมาเปิดประตูหลัง จากนั้นก้มลงช้อนร่างที่ยังไม่คืนสติพาเดินลิ่วเข้าบ้าน
“พี่เทพคงไม่...”
อนัญญาพรตามติดญาติผู้พี่
“เงียบเถอะน่า อย่าเอะอะนักเลยเราน่ะ” คณเทพเอ็ดเสียงห้วน หันไปสั่งสาวใช้ที่โผล่เข้ามาได้จังหวะ
“สาย ช่วยโทรตามคุณหมอชัชนันท์ให้ที บอกให้มาที่นี่ด่วนเลยนะ เรียนคุณหมอว่าฉันขับรถชนคน ยังไม่ฟื้นเลย คนเจ็บอยู่ที่บ้าน เพราะเห็นว่าใกล้กว่าโรงพยาบาล”
เขานำร่างในวงแขนไปวางลงบนโซฟายาว ถอดเสื้อกันฝนรุ่มร่ามออกให้ ตัวเองรีบขึ้นไปผลัดเปลี่ยนเครื่องแต่งกายที่เปียก พอเรียบร้อยก็รีบกลับลงมาเฝ้าคนเจ็บ
