๑๘
มือบางวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะมองอาหารด้วยความเจ็บปวด
..เขานัดเธอมาเพื่ออะไรถ้าจะไปกับผู้หญิงคนอื่น ต้องการที่จะแกล้งกันอย่างนั้นหรือ อยากให้เธอเจ็บปวดใช่ไหม เขาทำมันสำเร็จแล้วเพราะตอนนี้ราวกับมีเข็มเป็นพันเล่มแทงเข้ามาที่หัวใจเธอ มันเจ็บจนต้องเอามือมากุมหน้าอกไว้แต่ก็ไม่ได้ช่วยบรรเทาอะไรเลย เขาบอกให้เธอรอ เธอก็รอมาตลอดจนกระทั่งวันนี้เธอจะไม่รอเขาอีกต่อไปแล้ว
ร่างบางลุกขึ้นหยิบกระเป๋าเดินออกไปทันที เธอเช็ดน้ำตาให้หมดเพื่อจะมองเห็นทางแต่ก็ยากเหลือเกินเพราะมันไหลออกมาไม่หยุด
“เอ๊ะ คุณนิทรา” เสียงเรียกดังขึ้นเบื้องหลังเธอจึงหันไปมองก็เห็นหนุ่มหน้าหวานที่เจอกันเมื่อครั้งอยู่ที่ทะเล
“คุณร้องไห้” ร่างสูงเดินมาหาเธอในชุดสูทเรียบหรูเพราะมางานแต่งของญาติสนิทหากแต่เบื่อเกินกว่าจะอยู่ในงานเลยคิดว่าจะกลับแต่ฟ้าก็ลิขิตให้มาพบกับนิทราผู้หญิงที่เขาหมายปองหากเธอมีสามีแล้ว น่าเสียดายเหลือเกิน
“พอดีมีเรื่องนิดหน่อยค่ะ” นิทราเช็ดน้ำตาที่ไหลลงมาส่งยิ้มให้เขา
“แล้วคุณมาทำอะไรที่โรงแรมครับ” ตะวันมาเดินเคียงข้างนิทราขณะออกจากโรงแรม
“มีนัดค่ะ แต่นัดล่ม” ใบหน้าหวานหมองลงจนร่างสูงอดสงสารไม่ได้ มองดูรอบกายไม่เห็นสามีของเธอก็จะเดาออกว่านัดใครแต่อีกฝ่ายน่าจะผิดนัด
“คุณจะไปไหนต่อครับ” เดินมาถึงหน้าโรงแรมตะวันหันมองนิทราที่เหมือนจะรอแท็กซี่
“กลับบ้านค่ะ”
“ให้ผมไปส่งนะ” หากปล่อยผู้หญิงให้กลับบ้านคนเดียวตอนนี้คงอันตราย เขาเสนอตัวไปส่งนิทรานิ่งคิดไปสักพักแต่เหมือนโลกมันโคลงร่างสูงจึงเข้ามาช่วยพยุง “คุณนิทราเป็นอะไรครับ”
“เปล่าค่ะ แค่เวียนหัวอีกหน่อยคงจะหาย” นิทราขืนตัวออกห่างจากเขาแต่คราวนี้โลกเธอเหมือนดับไปตะวันจึงรับร่างบางไว้
“คุณนิทเป็นอะไรหรือเปล่า คุณนิท!” ผู้คนที่เดินผ่านหันมามองทั้งสอง ตะวันตัดสินใจอุ้มนิทราขึ้นเดินไปที่จอดรถวีไอพีที่อยู่ไกล เขาขับไปที่คลินิกใกล้ๆ อยากให้ตรวจอาการของเธอกลัวจะเป็นอะไรร้ายแรงเพราะอยู่ดีๆ ก็หมดสติไปเสียอย่างนั้น
“อืม” นิทราครางแผ่วด้วยความปวดศีรษะ ดวงตากลมโตค่อยๆ ลืมขึ้นมาก่อนจะพบเพดานสีขาวมือบางยกขึ้นมาบดบังแสงไฟที่ส่องตาก่อนจะยันตัวลุกขึ้นพบว่าอยู่ในห้องตรวจภายในคลินิกแห่งหนึ่งโดยมีตะวันนั่งเฝ้าอยู่
“คุณนิทตื่นแล้วหรือครับ” เธอพยักหน้าเบาๆ
“ฉันเป็นอะไรไปคะ” ตะวันก้มหน้าลงพยายามเก็บความเศร้าทั้งหมดไว้ ตอนที่เขารู้ก็อดใจหายไม่ได้เหมือนกันเพราะนอกจากจะมีเจ้าของเธอยังมีโซ่ทองคล้องใจอีกต่างหาก
“ตื่นแล้วหรือคะ” คุณหมอเดินเข้ามาภายในห้อง ใบหน้าหวานทำให้เธอยังดูเยาว์วัยยิ่งรอยยิ้มที่ส่งมาขับให้ดูอ่อนหวานเหมาะกับอาชีพที่ทำ
“ค่ะ” ร่างบางลงจากเตียงโดยมีตะวันพยุงมานั่งเก้าอี้ตรงข้ามโต๊ะของแพทย์หญิงประกายดาว วิเศษศรี
“ไม่ทราบว่าดิฉันเป็นอะไรคะ ทำไมอยู่ดีๆ หน้ามืด” คำถามเรียกรอยยิ้มของคนเป็นหมอ แม้ผู้หญิงตรงหน้าจะดูอ่อนวัยแต่เธอเชื่อว่าหน้าที่นี้อีกฝ่ายจะทำได้ดี
“ยินดีด้วยนะคะ คุณตั้งครรภ์ได้สองสัปดาห์แล้ว” คำพูดทำให้นิทรานิ่งอึ้งไป
..ท้องอย่างนั้นหรือ
มือบางยกขึ้นมาจับหน้าท้องของตนเอง อยู่ๆ ความอบอุ่นก็เข้ามาโอบล้อมเธอเอาไว้
..ลูกอย่างนั้นหรือ
ตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ในตัวของเธอ ดีใจจนบรรยายเป็นคำพูดไม่ออกหากน้ำตาก็ไหลลงมาด้วยความปลื้มปริ่ม
ตะวันที่มองอยู่ก็ยิ้มยินดีให้เธอ แค่เห็นแววตาที่เปี่ยมสุขเขาก็พอใจแล้วดีกว่าร่องรอยการร้องไห้จากความเศร้า
“ระหว่างนี้ดูแลตัวเองด้วยนะคะ เพราะครรภ์ช่วงสามเดือนยังมีความเสี่ยง” คุณหมออธิบายถึงรายละเอียดต่างๆ ให้เธอฟังเสร็จทั้งสองจึงไปรอรับยาข้างนอก
ตอนนี้เป็นเวลาสี่ทุ่มแล้วตะวันจึงไปส่งนิทราที่บ้านหลังใหญ่
“ขอบคุณมากนะคะสำหรับทุกอย่าง ถ้าไม่ได้คุณฉันแย่แน่เลย”
“ไม่เป็นไรครับ ผมยินดี” ร่างสูงยิ้มให้ด้วยความจริงใจ
นิทราลงจากรถเดินเข้าไปในบ้านจากตอนแรกที่มีเพียงความเศร้าแต่ตอนนี้มีอีกหนึ่งชีวิตทำให้เธอมีความหวังขึ้นมา หวังว่าเขาจะรักเธอและลูกที่อยู่ในท้องสร้างครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมา
“หนูนิท กลับมาแล้วหรือ” เดินเข้ามาภายในบ้านก็พบคุณวรรณนภาที่นั่งดูโทรทัศน์อยู่กับคุณดิลก
นิทรายิ้มให้ท่านทั้งสองเดินเข้าไปนั่งข้างคุณแม่ที่เธอเคารพ
“ค่ะ”
“แล้วตาเล็กล่ะลูก ไม่เข้ามาพร้อมกันหรอกหรือ”
คำถามนั้นสร้างความเศร้าให้กับเธอเมื่อได้รู้ว่าเขาผิดนัดเธอเพื่อไปกับลินดา
“ไม่ค่ะ พสุบอกว่าจะไปธุระ” ทั้งสองท่านพยักหน้าเข้าใจแล้วถามถึงการดินเนอร์แสนหวาน
“อาหารอร่อยไหมลูก บรรยากาศคงจะโรแมนติกน่าดูเลย” คุณวรรณนภาโอบเอวบางอย่างรักใคร่มองเห็นถึงความสัมพันธ์ที่ดีขึ้นก็เบาใจที่ทุกอย่างเป็นไปด้วยดีแม้เริ่มต้นอาจจะคลุกคลักไปบ้าง
“ดีค่ะคุณแม่ เอ่อ นิทขอตัวก่อนนะคะ”
“จ้ะลูก คงจะเพลียนะ” หล่อนลูบศีรษะลูกสะใภ้ด้วยความเอ็นดูปล่อยให้หญิงสาวเดินขึ้นไปบนบ้าน
ลับหลังผู้ใหญ่ทั้งสองนิทราก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เธอไม่อยากบอกความจริงว่าเขาผิดนัดเพราะนอกจากจะไม่เกิดประโยชน์แล้วมันยังสร้างปัญหาอีกด้วยจึงตัดโดยการไม่กล่าวถึงปล่อยให้คุณวรรณนภาเข้าใจไปแบบนั้น
ถึงบนห้องเธอจัดการอาบน้ำเปลี่ยนชุดอดหัวเราะสมเพชตัวเองไม่ได้ แต่งตัวสวยไปรอเขาหากก็รอเก้อน่าสงสารตัวเองเหลือเกิน
แต่งตัวเสร็จหล่อนเอายาไว้ในลิ้นชักส่วนตัวยังไม่อยากให้เขาเห็น คราแรกคิดจะบอกเขาพรุ่งนี้แต่ด้วยความน้อยใจเธอจึงยืดเวลาออกไป ใบหน้าหวานมองตัวเองในกระจกก็พบเพียงหญิงที่แววตาหมองเศร้าแม้จะรู้ว่ามีลูกแต่เธอก็มีความสุขได้เพียงครึ่งเท่านั้น
“สี่ทุ่มครึ่งแล้ว” มองนาฬิกาข้างฝาเธอก็พึมพำออกเสียงเบา ไม่รู้ตอนนี้เขาไปหาเธอที่โรงแรมหรือเปล่า เสียงโทรศัพท์เรียกความสนใจให้หันไปมองเธอ จึงเดินไปหยิบแล้วชะงักเมื่อเห็นชื่อคนโทรเข้า ปล่อยให้เสียงมันดังจนกระทั่งดับไปเอง นิทรากดปิดเสียงโทรศัพท์แล้วนำไปไว้ในลิ้นชัก
..จะโทรมาทำไมกันในเมื่อเขาเลือกที่จะไปกับลินดาแล้ว
ร่างบางพยายามใจแข็งหากแต่เสียงสั่นของโทรศัพท์ทำให้เธอยอมเปิดลิ้นชักกดรับสาย
“นิทเธออยู่ไหน! ฉันไม่เห็นเธอที่โรงแรม” น้ำเสียงกระวนกระวายทำให้อดดีใจไม่ได้ว่าเขาเป็นห่วง
“บ้านค่ะ”
“อะไรนะ! เธอกลับถึงบ้านแล้วทำไมไม่บอกฉัน ปล่อยให้ตามหาอยู่ตั้งนาน บ้าเอ้ย” สายถูกตัดไปเธอจึงวางโทรศัพท์ไว้โต๊ะเล็กข้างเตียง
..เขาตามหาเธออย่างนั้นหรือแม้จะดีใจหากก็รู้ดีว่าเขาห่วงในฐานะที่เธอเป็นภรรยาเท่านั้น แม้อยากคิดเข้าข้างตัวเองเธอก็ไม่อาจทำได้เพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเขารักใคร
ร่างบางล้มตัวลงนอนพยายามข่มตาหลับจนไม่นานก็เข้าสู่ห้วงนิทรา
รถคันหรูขับเข้ามาจอดภายในโรงรถในเวลาห้าทุ่มครึ่ง เขาหยิบของลงมาพอดีกับที่รถอีกคันมาจอดเทียบ พสุหันไปมองพี่ชายที่ลงมาจากรถด้วยสีหน้าเหนื่อยล้า
“พึ่งกลับมาหรือพี่” คำทักทายทำให้ภมรแปลกใจไม่คิดว่าน้องจะกลับมาพูดราวกับไม่เคยมีเรื่องเคืองขุ่นต่อกัน
“ใช่ แล้วนายไปไหนมาทำไมกลับเอาป่านนี้”
“พอดีไปเคลียร์อะไรนิดหน่อยน่ะ” สองพี่น้องเดินเข้ามาภายในบ้านพร้อมกันก่อนจะแยกไปห้องของตนเอง
ก่อนเข้าห้องพสุเรียกกำลังใจให้กับตนเองราวกับกลัวนักหนาทั้งที่ไม่มีอะไรน่ากลัวเลยสักนิด เข้าห้องได้ก็มืดไปหมดเขาจึงเปิดไฟหลอดเล็กเห็นนิทรานอนหลับอยู่บนเตียง ร่างหนานำชุดที่เปียกแยกไว้เดินกลับมานั่งบนเตียง
“ขอโทษนะ” มือหนาค่อยๆ แตะที่หน้าผากมนแผ่วเบา เขารู้สึกผิดต่อเธอยิ่งรู้ว่าอีกฝ่ายรอนานขนาดไหนก็คิดว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แย่ที่สุด เขาจัดผมให้เธอนอนสบายมากขึ้นแล้วไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดมานอนข้างกายภรรยาของตนเอง
“อือ” มือหนากอดเอวบางเอาไว้ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกตัว
นิทราลืมตามาก็เห็นพสุที่มองตนอยู่ก่อนแล้วยังมือหนาที่โอบกอดเอาไว้อีก เธอขืนตัวออกหากเขากลับรัดแน่นขึ้น
“ปล่อยนะ”
“อากาศมันหนาว กอดกันจะได้อุ่น” เขายิ้มให้ราวกลับไปเป็นเด็กชายพสุคนเดิม
นิทราที่ยังน้อยใจไม่ได้ทำตามที่บอกกลับพยายามผลักเขาออกไป
“มันร้อน ออกไป”
“ไม่เห็นร้อนเลย หนาวจะตาย”
นิทรามองหน้าเขาด้วยความขัดใจก่อนจะหันหลังให้อีกฝ่ายเพราะไม่อยากเห็นหน้า แปลกที่ยิ่งเขาง้อเธอกลับยิ่งงอน
พสุยิ้มด้วยความสุขมองแผ่นหลังบางที่หันหลังให้แล้วโอบกอดเธอเอาไว้ทั้งตัว
“ถ้าไม่ได้กอดเธอฉันคงนอนไม่หลับ” เสียงทุ่มกระซิบแผ่วเบาข้างหูเธอราวกับกำลังจะขอโทษกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
นิทรายิ้มออกมาไม่ได้ขืนตัวออกแต่กลับนอนหลับอย่างสบายใจ ทั้งสองเข้าสู่ห้วงนิทราด้วยความสุขโดยไม่รู้เลยว่าคลื่นลูกใหญ่กำลัง จะมา
หนึ่งสัปดาห์ผ่านไปหากนิทราก็ยังไม่ได้บอกว่าเธอท้องเพราะพสุดูเหมือนจะยุ่งอยู่กับงาน ยิ่งสัปดาห์นี้ร่างสูงอาเจียนบ่อยจนเธอเป็นห่วงหน้าก็หมองคล้ำราวคนไม่สบายแต่เขาก็ยังไปทำงานทุกวัน ผ่านมาหลายวันไม่มีใครพูดถึงเรื่องวันนั้นอีกปล่อยให้มันเป็นเพียงเรื่องราวผิดพลาดที่ผ่านไป
นิทรายังดูแลเขาเหมือนเดิมทุกอย่างแต่ก็ยังดูมึนตึงอยู่บางครั้ง พสุจึงเอาใจเธอด้วยการเข้าครัวทำอาหารชดเชยให้ภรรยาทำเอาคนในบ้านแซ็วกันจนเขินพูดไม่ออก นิทราดีใจกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ของเขา วันนี้เป็นวันเสาร์แต่พสุกับภมรก็ต้องไปออกรอบกับผู้บริหาร
“เอ่อ คุณแม่คะ” ในขณะที่นั่งแกะสลักกับคุณวรรณนภาเธอก็ตัดสินใจที่จะบอกเรื่องสำคัญก่อน
“ว่าไงลูก” มือบางวางมีดแกะสลักไว้
“นิทมีเรื่องสำคัญจะบอกค่ะ” ใบหน้าหวานยิ้มออกมาราวกับเรื่องนี้เป็นเรื่องดีนักหนาจนคุณวรรณนภาอดตื่นเต้นไม่ได้
“นิทท้องได้สามสัปดาห์แล้วค่ะ” และนั่นคือข่าวดีจนคุณวรรณนภาแทบเป็นลม เรียกแม่บ้านออกมาจ้าละหวั่นจนทั้งบ้านเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
นิทราไม่ได้แสดงอาการแพ้ท้องเลยสักนิดเพราะพสุรับมันไปหมดแล้ว คุณดิลกดีใจใหญ่ที่จะมีหลานจะกดโทรบอกลูกชายแต่คุณวรรณนภาห้ามเอาไว้เพราะอยากจะเซอร์ไพรส์ลูกชายเมื่อกลับมาถึงบ้าน
“คุณท่านคะมีคนมาขอพบค่ะ” แม่บ้านเดินมาเรียนให้คุณผู้ชายทราบ
“ใครกันมาตอนนี้ ไปเชิญเขาเข้ามาเถอะ” รับคำแล้วเดินไปหาแขกที่มาขอพบ
คุณวรรณนภากอดลูกสะใภ้สุดที่รักพลางลูบศีรษะด้วยความเอ็นดู คุณดิลกก็ยิ้มแย้มด้วยความสุขจนกระทั่งเห็นผู้มาเยือนคือเมขลาเลขาสาวของพสุ
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่” น้ำเสียงหวานที่เอ่ยเรียกพร้อมกับแววตาแข็งกร้าวนั้นสร้างความไม่พอใจให้ผู้ใหญ่ทั้งสอง ไหนจะสรรพนามนั้นอีกจนอยากจะไล่ให้เธอออกไปเสียเดี๋ยวนั้น
“ฉันไม่ใช่แม่ของเธอ กรุณาเรียกใหม่ด้วย” เมขลาแสนเกลียดน้ำเสียงแข็งกราวและสายตาที่เหยียดมองต่ำนั้น
..แต่ไม่เป็นไรอีกไม่นานเธอนี่แหละจะทำให้ความหยิ่งผยองของคุณหญิงลดลงจนไม่เหลือชิ้นดี
“จะไม่ใช่ได้อย่างไรคะ ในเมื่อหนูเองก็เป็นเมียอีกคนของคุณพสุเหมือนกัน แม่ของผัวก็เหมือนแม่ของเราไม่ใช่หรือคะ” ใบหน้าสวยแสยะยิ้มราวกับผู้ชนะ
นิทรานิ่งอึ้งไปกับคำบอกเล่า คุณดิลกกับคุณวรรณนภาพยายามควบคุมสติแม้ตอนนี้อยากจะเข้าไปกระชากตัวหล่อนโยนออกนอกบ้าน
คุณผู้หญิงของบ้านลุกขึ้นเดินมาหาเมขลาที่ยืนมองด้วยความสะใจ
“ก็แค่ดอกไม้ริมถนน ลูกชายฉันไม่ใฝ่ต่ำเอาขึ้นมายกย่อง เป็นได้อย่างมากก็แค่น้อยที่เขาไม่แม้แต่จะเหลียวแล” เธอต้องปกป้องลูกสะใภ้ของตนเองยิ่งเห็นใบหน้าหวานซีดเผือดก็ยิ่งสงสาร ต้องกำจัดตัวปัญหาออกจากชีวิตรักของทั้งคู่ให้สิ้นซาก
“ดอกไม้ริมทางอย่างนั้นหรือคะ” โกรธจนต้องกำมือตัวเองแน่น เธอก้าวเข้ามาหาคุณหญิงวรรณนภาที่กำลังจ้องด้วยความโกรธ“ถ้าอย่างนั้นดูภาพพวกนี้หน่อยสิคะ” มือบางส่งซองสีน้ำตาลให้คุณหญิงแต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่มีท่าทีจะรับไปเธอจึงต้องยัดใส่มือของคุณผู้หญิง“อีกอย่างนะคะคุณแม่ เมย์อยากจะบอกเหลือเกินค่ะว่าตอนนี้” เมขลามองไปยังภรรยาของพสุด้วยรอยยิ้มหวานที่อาบยาพิษ“เมย์ท้องกับคุณพสุค่ะ!”
สิ้นคำประกาศนั้น นิทราก็น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ คุณผู้หญิงแทบจะเป็นลมคนรับใช้ต่างเข้ามาพยุงพาไปนั่งที่โซฟาในขณะที่ประมุขของบ้านยังคงนั่งเงียบเหมือนจับต้นชนปลายไม่ถูก เขาหันไปหาแม่บ้านแถวนั้น
“โทรหาพสุให้กลับบ้านด่วน!”
