๑๙
ทุกคนต่างดูแลคุณผู้หญิงของบ้านทั้งสองเป็นอย่างดีโดยมีเมขลายืนกอดอกมองด้วยความสาแก่ใจ ร่างบางเดินมานั่งโซฟาเดี่ยววางกระเป๋าไว้ด้วยท่วงท่าราวกับเจ้าของบ้าน
“ทำเป็นตกอกตกใจไป ถ้าเห็นรูปจะไม่เป็นลมหรือคะ” คุณดิลกมองหน้าเมขลานิ่ง ท่านพยายามจะระงับอารมณ์ของตัวเองไม่ให้พุ่งไปทำร้ายผู้หญิงที่บังอาจเข้ามาหยามหน้าถึงในบ้าน
“รูปสวยดีนะคะว่าไหมคุณนิทรา” ซองกระดาษสีน้ำตาลถูกแกะออกเผยให้เห็นรูปภายในที่เมขลาหยิบออกมาวางไว้ให้ทั้งสามคนได้เห็น
นิทราเม้มปากเน้นพยายามบังคับมือไม่ให้สั่นระหว่างยื่นไปหยิบรูปภาพนั้น น้ำตาเอ่อล้นจนแทบมองภาพตรงหน้าไม่เห็นแต่กลับชัดเจนเหลือเกิน ภาพเปลือยท่อนบนของพสุและเมขลาที่นอนกอดกันอยู่
“ฉันจะเป็นลม” คุณวรรณนภามองดูภาพก็เกิดอาการวิงเวียนขึ้นจนแม่บ้านต้องเอายาหอมมาให้ดมบรรเทาอาการ
คุณดิลกอยากจะชกหน้าลูกชายเสียเหลือเกินที่ทำเรื่องบัดสีแบบนี้ ให้ผู้หญิงมาแบล็คเมล์ ได้อย่างไรไม่ระวังตัวเลยหรือไง
“คุณเอามาให้เราดูทำไม” นิทราพยายามเค้นเสียงของตัวเองถามถึงความต้องการที่แท้จริงของเธอ
“หลักฐานว่าเด็กในท้องของฉันคือลูกคุณพสุไงคะ” รอยยิ้มนั้นเธอเกลียดเหลือเกิน
นิทราเจ็บจนต้องเอามือกุมหัวใจไว้ มันยิ่งกว่ามีเข็มเป็นพันมาทิ่ม มันเจ็บราวกับมีมือปริศนามากระชากหัวใจของเธอออกไป เจ็บแม้กระทั่งหายใจ การที่เขาไม่รักว่าเจ็บแล้วหากแต่การทรยศของเขากลับเจ็บยิ่งกว่า
“ถึงกับพูดไม่ออกเลยหรือคะ” เมขลานั่งไขว้ห้างอย่างมีความสุขพลางฮัมเพลงไปด้วย รอเวลาที่พสุมาเธอก็จะจัดการเอาคลิปวิดีโอวันนั้นให้เขาได้ดู
..เด็กในท้องของเธอก็จะมีพ่อที่ร่ำรวยไม่ใช่ผู้ชายข้างถนนไร้ทรัพย์สินอย่างแฟนเก่าของเธอ
“เธอต้องการเท่าไหร่ถึงจะออกไปจากชีวิตของลูกชายฉัน” แม้จะไม่นิยมวิธีเอาเงินฟาดหัวแต่กับผู้หญิงมักมากคนนี้คงไม่มีทางเลือกมากนัก เมขลาเมื่อได้ยินก็หัวเราะออกมาทันที
“แหมๆ คิดจะเอาเงินฟาดหัวเพื่อปิดปากอย่างนั้นหรือคะ” ตอนนี้เธอถือไพ่เหนือกว่า มองทั้งสามคนโดยไม่คิดจะสงสารสักนิด
นิทราพยายามรวบรวมพลังทั้งหมดลุกขึ้นยืนเดินไปหาเมขลาที่นั่งอยู่ด้วยใบหน้าซีดเผือดราวกับจะหมดสติได้ทุกเมื่อ เธออ่อนแอเหลือเกิน
“ลูกของคุณกี่เดือนแล้วคะ” เมขลานิ่งไปทันที อันที่จริงเธอท้องมาสองเดือนแล้วหากแต่ล่าสุดที่มีอะไรกับพสุมันยังไม่ถึงเดือนด้วยซ้ำ หล่อนคิดไม่ตกว่าจะตอบว่าอย่างไร
“หนึ่งเดือน! ทำไมอยากรู้เพื่อจะให้ฉันเอาลูกออกหรือ” เมขลายืนขึ้นเต็มความสูงพยายามทำใจให้นิ่งเอาไว้
นิทรายิ่งได้รู้ความจริงว่าหลังจากแต่งงานกับเธอพสุก็ยังไปมีคนอื่นจึงทำให้ยิ่งเจ็บขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ไม่ต้องการเธอเลย
“คุณรักเขาจริงไหม” หากให้ตอบตามจริงความรักคืออะไรเธอยังไม่รู้ เพราะความรักมันกินไม่ได้เงินต่างหากที่บันดาลได้ทุกอย่าง
เมขลาเชิดหน้าขึ้นส่งยิ้มให้กับนิทราที่กำลังมองมาด้วยแววตาแสนเศร้า
“แน่นอน ฉันรักคุณพสุ”
“แต่ตอนนี้คุณกำลังทำร้ายเขา”
“พูดบ้าอะไรของเธอ!” หล่อนตะโกนเสียงดังแล้วหันหลังเดินหนีหวังจะไปรอที่อื่นแต่นิทราเดินเข้ามาจับแขนเอาไว้เสียก่อน
คุณวรรณนภามองดูลูกสะใภ้ด้วยความเป็นห่วง
“ฉันพูดความจริง แววตาของคุณเต็มไปด้วยความอยากเอาชนะ แม้แต่คำว่ารักคุณยังพูดมันแค่ปากแต่ใจไม่ได้สื่อถึงคำนั้นเลย” เมขลาเม้มปากแน่นด้วยความโกรธ บิดแขนที่ถูกจับออกทันทีจ้องหน้าหวานด้วยความโกรธ
“ไม่ว่าเธอจะพูดยังไงก็ปฏิเสธความจริงไม่ได้ว่าตอนนี้ฉันท้องลูกของคุณพสุอยู่”
นั้นคือความจริงที่เจ็บปวดสำหรับนิทรา เธอสูดลมหายใจเข้าเพื่อเรียกสติตัวเองมองหน้าผู้หญิงมีกล้ามีอะไรกับสามีของเธอทั้งที่เขาแต่งงานแล้ว
“ค่ะ ฉันรู้ว่าคุณท้อง ฉันเองก็ท้องเหมือนกัน” น่าขำที่ผู้หญิงสองคนกำลังตั้งท้องลูกของผู้ชายคนเดียวกัน
นิทราคิดอย่างอดสูในชะตาชีวิตของเธอที่ต้องมารักผู้ชายมักมากคนนี้
“นี่ฉันต้องเรียกคุณว่าคุณพี่ไหมคะในเมื่อคุณเป็นเมียที่ถูกต้องตามกฎหมาย”
“ไม่หรอกค่ะ เพราะฉันขยะแขยงคุณเกินกว่าจะอยากนับญาติกัน” ในเมื่อจนตรอกนิทราก็พร้อมที่จะลุกขึ้นสู้เพื่อลูกของตนเอง
“นี่โกรธหรือคะ” เมขลาถามน้ำเสียงยียวนจนนิทราต้องอดกลั้นอารมณ์เอาไว้
“คุณต้องการอะไรกันแน่คะที่มาวันนี้” ทุกคนต่างจ้องมาที่หญิงสาวสองคนเป็นตาเดียว นิทราดูเข้มแข็งกว่าปกติอย่างไม่น่าเชื่อสมกับเป็นคุณผู้หญิงคนเล็กของบ้าน
“ไม่น่าถามนะคะ ฉันก็ต้องการเข้ามาเป็นผู้หญิงอีกคนของบ้านหลังนี้ไงล่ะ”
“บ้าไปแล้ว!ฉันไม่ยอมให้ผู้หญิงอย่างเธอเข้ามาอยู่ในบ้านฉันแน่” คุณวรรณนภาลุกขึ้นเดินมาจ้องหน้าเมขลา
“คุณแม่ต้องยอมนะคะ เพราะว่าหนูเป็นเมียคุณพสุแล้ว” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นอย่างถือดีจนทุกคนหมั่นไส้เหลือเกิน
“แน่ใจหรือว่าในท้องของเธอเป็นลูกตาเล็กจริง” คุณวรรณนภาเอ่ยถามอย่างแคลงใจ เมื่อได้ไตร่ตรองสักพักก็คิดได้ว่าลูกชายเธอไม่น่าจะลืมป้องกัน
“นะ แน่ใจสิคะ” เมขลาถอยออกมาเมื่อคุณผู้หญิงเดินเข้ามาหา
“ฉันจะพาเธอไปตรวจดีเอ็นเอ” คุณดิลกลุกขึ้นมาจากโซฟา สุดหรู
“ฉันไม่ไป ทำไมฉันต้องไปด้วยในเมื่อเขาเป็นลูกคุณพสุจริงๆ”
นิทราเดินมายืนเคียงข้างคุณวรรณนภา เมขลาเริ่มตกอยู่ในสถานการณ์อึดอัดเธอกระสับกระส่ายอย่างกลัวความลับจะแตก
“ฉันไม่เชื่อเด็ดขาด” คุณดิลกเอ่ยขึ้นเสียงเข้ม มองหน้าเมขลาจนเธอรู้สึกเกรงราวกับอำนาจบารมีเขาจะสามารถทำลายเธอได้อย่างนั้น
“ฉัน ฉันจะกลับ” ไม่แม้แต่จะมาหยิบจะเป๋าเธอหวังจะเดินออกไปจากบ้านหลังนี้ให้เร็วที่สุดก่อนที่ความลับทั้งหมดจะถูกเปิดเผยออกมา
“หยุดเดี๋ยวนี้” นิทรากึ่งเดินกึ่งวิ่งตามมาจนถึงบันไดทางขึ้นบ้านมือบางจับแขนของเมขลาไว้แน่นเมื่อเห็นเธอจะหนี ทั้งสองยื้อหยุดกัน ไปมา
“ปล่อยฉันนะยายบ้า” ความกลัวเข้าครอบงำเธอไปแล้วตอนนี้
นิทราเสียเปรียบเพราะตัวเล็กกว่าและอ่อนแรงกว่ามากเมื่อถูกยื้อยุดไปมาจนเกิดอาการเวียนศีรษะขึ้นกะทันหัน
“ออกไป!” เมขลาผลักนิทราออกไปสุดแรงทำให้ร่างบางที่อ่อนแรงเป็นทุนเดิมตกบันไดอย่างแรง
“หนูนิท!!” คุณดิลกกับคุณวรรณนภาที่ตามมาต่างตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับลูกสะใภ้ของตนเอง นิทรากลิ้งตกบันไดไปไม่กี่ขั้นหากแต่กลับกระเทือนอย่างแรง
“ฉันไม่ได้ทำนะ” เมขลาที่เห็นก็ตกใจเพราะร่างบางซึ่งนอนอยู่มีเลือดไหลออกมา เธอลนลานรีบวิ่งเข้าไปหยิบกระเป๋าภายในบ้านแต่แม่บ้านก็ช่วยกันจับไว้ได้เพราะกลัวตัวต้นเหตุจะหนีไปเสียก่อน ประมุขของบ้านทั้งสองวิ่งไปดูนิทราที่หมดสติอยู่ที่พื้น
“แซมเอารถออก!” คุณดิลกหันมาสั่งคนขับรถของบ้านด้วยกลัวว่าทั้งหลานและลูกสะใภ้จะได้รับอันตราย
คุณยลลดาวิ่งเข้ามาเพราะได้ยินเสียงดังกลัวจะเกิดเหตุร้ายขึ้นก่อนตกใจเพราะลูกสาวตนเองนอนจมกองเลือด
“เกิดอะไรขึ้น”
“หนูนิทตกบันไดค่ะ” ใจคนเป็นแม่เจ็บปวดเมื่อเห็นลูกสาวนอนเจ็บอยู่แบบนี้
รถมาจอดเทียบก่อนคุณดิลกจะอุ้มลูกสะใภ้ไปที่หลังรถตามด้วยคุณวรรณนภาและคุณยลลดา
“คุณรอที่บ้านนะคะ” ภรรยาหันมาบอกสามี
“คุณไม่ต้องห่วงทางนี้ พาหนูนิทไปโรงพยาบาลเถอะ” เมื่อตกลงกันได้รถก็เคลื่อนตัวออกทันที ระหว่างทางผู้หญิงทั้งสองต่างภาวนาให้นิทราปลอดภัย
คุณยลลดาที่นั่งข้างหลังกับนิทราก็ลูบศีรษะลูกสาวที่นอนอยู่บนตักเธอ ใบหน้าหวานซีดเผือดราวกับไม่มีเลือดไปเลี้ยง
“เร็วหน่อยสิแซม” คุณวรรณนภาที่นั่งข้างหน้าเร่งให้คนรถขับเพราะช้าไม่ทันใจเธอเลย รถคันหรูเลี้ยวเข้าไปในโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีชื่อเสียงเป็นเลิศ เมื่อจอดเทียบบุรุษพยาบาลนำรถเข็นมาจอดเทียบแล้วอุ้มนิทราขึ้นเข็นเธอไปยังห้องฉุกเฉิน
พสุรีบตรงกลับมาบ้านพร้อมภมร เขาร้อนใจเมื่อได้รับโทรศัพท์ว่าเมขลาบุกมาที่บ้านแล้วบอกว่าท้องกับเขาซึ่งมันไม่มีทางเป็นไปได้ เขาห่วงนิทรากลัวว่าเธอจะคิดมาก
จนมาถึงบ้านพบว่าตอนนี้เหตุการณ์เงียบสงบแล้ว หลังจากพี่ชายจอดรถเขาก็รีบเข้ามาในห้องโถงที่บิดานั่งอยู่และเมขลาที่มีคนรับใช้ขนาบทั้งสองข้างราวกับกลัวว่าเธอจะหนีไป
“นิทล่ะครับพ่อ”
“ไปโรงพยาบาล” คำบอกเล่าสร้างความตกใจให้กับเขาเป็นอย่างยิ่ง
“เผื่อแกยังไม่รู้ หนูนิทเขาท้อง” พสุแทบยืนไม่อยู่เมื่อรู้แบบนั้น นิทราไม่ได้บอกอะไรกับเขาเลยว่ากำลังท้องอยู่วินาทีนั้นเขารับรู้ได้ถึงความสูญเสียที่กำลังจะเกิดขึ้น
“แล้วเขาตกบันไดจนเลือดออก แม่เลยพาไปหาหมอ” เมขลาพยายามหลบตาพสุที่กำลังจ้องมองมาอย่างอาฆาต “ผมจะไปหานิท ส่วนผู้หญิงคนนี้ฝากพี่จัดการให้เด็ดขาดด้วยนะครับ” ภมรตบบ่าน้องชายอย่างให้กำลังใจ
พสุรีบวิ่งออกจากบ้านขับรถไปยังโรงพยาบาลหลังจากที่เขาโทรถามมารดาแล้วว่ารักษาอยู่ที่ใด หัวใจมันร้อนรุ่มกลัวภรรยาและลูกน้อยจะเป็นอะไร หัวใจของเขาเต้นระรัวด้วยความกลัวในการสูญเสีย
พสุจอดรถไว้แล้วรีบวิ่งขึ้นมายังห้องฉุกเฉินเขาเห็นมารดาของตัวเองนั่งรออยู่หน้าห้องพร้อมกับคุณยลลดาก็วิ่งเข้าไปถามอาการของนิทราทันที
“นิทเป็นอย่างไรบ้างครับแม่” ยิ่งเห็นหน้าลูกชายแม่อย่างเธอก็ยิ่งโกรธจนระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่
เพียะ
“เธอกล้าทำแบบนี้ได้ยังไงพสุ เธอทำกับผู้หญิงที่รักเธอได้ยังไง” คำพูดห่างเหินที่กล่าวกับลูกชายพร้อมกับแรงที่กระทบใบหน้ายิ่งสร้างความรู้สึกผิดให้กับพสุมากขึ้น
ร่างสูงไม่ได้โต้ตอบอะไรออกไปเพียงแค่กล่าวคำสั้นๆ
“ผมขอโทษ” คุณวรรณนภากำมือแน่นอดสงสารลูกชายไม่ได้เมื่อเห็นแววตาแดงก่ำที่พยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ไหล่หนาลู่ลงอย่างน่าสงสาร
“ขอโทษไปมันก็เอาลูกของเธอกลับมาไม่ได้แล้ว” พสุมองหน้ามารดาแม้ใจจะเต้นระรัวไปด้วยความกลัวแต่มันกลับแฝงความหวังเอาไว้ เขาจับไหล่มารดาแน่นพยายามยึดเป็นหลักในการยืน
“แม่หมายความว่ายังไง” คุณวรรณนภาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ ตอนแรกที่เธอรู้ก็แทบเป็นลมไปเหมือนกัน แม้ภายนอกพสุจะดูแข็งแกร่งแต่แท้จริงแล้วเขายังแฝงความเป็นเด็กชายที่ยังรับเรื่องหนักไม่ไหว
“หนูนิทแท้ง” มือหนาทิ้งลงข้างลำตัวทันทีเมื่อรู้ข่าว เขาแทบยืนไม่ได้จนต้องเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ข้างคุณยลลดาที่ไม่พูดจาเลยสักคำ
ทั้งที่เขาเพิ่งรู้ว่าตัวเองกำลังจะมีลูกหากแต่ไม่กี่วินาทีต่อมาก็ต้องมารับรู้ว่าลูกได้จากเขาไปแล้ว น้ำตาลูกผู้ชายไหลออกมาเขาซบหน้าลงบนฝ่ามือตัวเองไม่อยากให้ใครเห็นน้ำตาแต่หากให้กลั้นไว้คงทำไม่ได้ มันเจ็บปวดไปหมดเมื่อได้รู้ แล้วนิทราจะเป็นอย่างไรบ้างเธอเปราะบางเสียเหลือเกิน
“ญาติคุณนิทราใช่ไหมครับ” คุณหมอเดินออกมาทำให้พสุรีบเช็ดน้ำตาตัวเองแล้วเดินไปหาหมอพร้อมกับผู้หญิงวัยกลางคนทั้งสอง
คุณหมอได้ขูดมดลูกให้พร้อมกับย้ายเธอไปไว้ห้องพิเศษเรียบร้อยแล้วตอนนี้ก็รอจนกว่าหญิงสาวจะฟื้น มีแผลฟกช้ำตามร่างกายเล็กน้อย
บุรุษพยาบาลเข็นร่างบางที่นอนบนเตียงออกมาพาไปยังห้องพิเศษโดยมีทั้งสามคนเดินตาม พสุเดินเคียงข้างนิทราที่นอนหลับหน้า ซีดเซียว มาถึงยังห้องเขาก็นั่งจับมือนิทรามองใบหน้าหวานพร้อมความรู้สึกผิดที่มีในใจ
“นิทลูกแม่” คุณยลลดาเดินมาลูบศีรษะลูกด้วยความสงสาร เธอรับรู้มาตลอดว่าลูกหลงรักพสุทุกครั้งที่ลูกมองพสุจะมีความสุขหากหลังแต่งงานลูกของเธอดูเศร้ากว่าเดิม แววตาเต็มไปด้วยความทุกข์อย่างน่าสงสาร บางทีเธอควรจะทำทุกอย่างให้ถูกต้องเสียที
“พสุ แม่ขอคุยกับลูกหน่อยได้ไหม” ร่างสูงเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผู้ใหญ่ที่ตนเคารพมาตั้งแต่เด็ก ใบหน้าของคุณยลลดามีแต่ความเศร้า
เขาลุกขึ้นยืนเต็มความสูง
“ได้ครับ”
“ฝากนิทด้วยนะวรรณ” หล่อนพยักหน้ารับมองตามลูกชายกับพี่ที่สนิทเดินออกไปข้างนอก วรรณนภาภาวนาขออย่าให้เรื่องราวมันบานปลายมากไปกว่านี้เลย เธอไม่อยากจะเสียลูกสะใภ้คนนี้ไปหันมามองนิทราพลางลูบหัวอย่างรักใคร่หวงแหน
“เชื่อใจลูกชายไม่เอาไหนของแม่สักครั้งนะหนูนิท” คุณวรรณนภานั่งลงข้างเตียงผู้ป่วยจับมือบางเอาไว้แน่นได้แต่กังวลว่าตื่นมานิทราจะเป็นอย่างไรหากรู้ว่าเสียลูกไปแล้ว
พสุเดินตามคุณยลลดาไปจนถึงโซฟาโถงกลางโรงพยาบาลชั้นสี่ที่เป็นตึกพิเศษ โซฟาเป็นครึ่งวงกลมมีเหล็กตรงกลางโดยรอบมีเก้าอี้นวมวางไว้อย่างเป็นระเบียบ มีคนเพียงสองสามคนเท่านั้น มารดาของนิทรานั่งลงตามด้วยพสุที่นั่งข้างหล่อน
“ผมขอโทษที่ดูแลนิทได้ไม่ดีจนเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น”
ระหว่างทางที่มาโรงพยาบาลคุณยลลดาไม่ได้ถามอะไรกับน้องคนสนิทเพราะกลัวว่าลูกจะเป็นอะไรจนกระทั่งรู้จากหมอว่านิทราแท้ง ตอนนั้นใจคนเป็นแม่เจ็บยิ่งกว่าเพราะรู้ว่าเมื่อนิทราตื่นเธอจะหัวใจสลายมากเพียงใดหากรู้ว่าดวงใจหนึ่งเดียวถูกทำลายลง คุณวรรรณนภาได้ขอโทษและเล่าเรื่องทุกอย่างให้ฟังว่าเกิดอะไรขึ้นก่อนพสุจะมาถึงโรงพยาบาล ตอนนั้นเธอนั่งนิ่งรับฟังอย่างสงบ
“พสุรักนิทบ้างไหม” แววตาที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดยิ่งทำให้พสุรู้สึกผิด คำถามนั้นสร้างความสับสนในใจของเขา
“ผม คือว่า” ยิ่งมองคุณยลลดายิ่งรู้สึกผิดกับลูกสาวของตนเอง ไม่ควรให้เกิดเรื่องวันนั้นขึ้น ไม่ควรให้เกิดการแต่งงานขึ้นเลยเพราะคนที่เจ็บมีแต่ลูกสาวเธอเพียงคนเดียว
