1 ตัวภาระ (5)
มองแค่เสื้อผ้าก็พบความต่างที่ไม่อาจเปรียบเทียบกันได้แล้ว พอยืนใกล้กับฮาซัน คามีเลียกลับรู้สึกว่าตนเองมอมแมมไม่ต่างจากขอทานด้วยซ้ำ
ทั้งเสื้อผ้าที่ขาดเป็นรู จนน้าสาวปะให้ไม่รู้กี่ครั้ง รองเท้าสานคู่เก่าหูขาดที่นางหาเชือกมาผูกยึดไว้ ซึ่งเมื่อเทียบกับฮาซันแล้ว ดูแตกต่างกันราวฟ้ากับทรายเลยทีเดียว
แล้วไหนฮาซันจะมีถุงผ้าใบน้อยที่ใส่เหรียญเงินเอาไว้จนพองโต เวลาเดินจะได้ยินเสียงกระทบกันฟังแล้วอุ่นใจอีก
“เพื่อนร่วมชั้นเรียนไม่ชอบขี้หน้าของข้า เหมือนที่ไม่ชอบเจ้า”
“แต่คนพวกนั้นไม่เคยรังแกเจ้า”
“เจ้าไม่รู้ซะแล้ว...”
“เจ้าก็ถูกเหล่าสหายแกล้งรึ?”
“ช่างเถอะ” ฮาซันเบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อเก็บซ่อนความรู้สึกที่ไม่อยากบอกใคร ทว่าอาการตื่นตระหนกจึงเกิดขึ้นทันทีเมื่อเด็กชายหันไปเจอใครบางคนเข้า
“เราต้องรีบกลับไปหาท่านผู้เฒ่าแล้วล่ะ” เด็กชายบอกด้วยน้ำเสียงร้อนใจ
“ทำไมต้องกลับด้วยล่ะ?”
“พ่อบ้านของข้ามานู่นแล้ว ถ้าเขาเจอข้าที่นี่ ข้าแย่แน่”
ว่าแล้วฮาซันจึงดึงผ้าคลุมศีรษะลงมาปิดหน้าก่อนวิ่งหน้าตั้งทันที
ส่วนคามีเลียมองซ้ายมองขวาเพื่อมองหาว่าฮาซันหนีใคร แต่นางก็ต้องวิ่งตามหลังฮาซันไปติด ๆ เมื่อเหลือบไปเห็นน้าเขยของตัวเองเข้า ทว่าไปได้ไม่ไกล เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดมาก่อนได้เกิดขึ้นกับเด็กหญิงตัวน้อย
ใครบางคน... ดูเหมือนขอทานวิ่งหน้าตั้งมาหานาง ซ้ำยังทำห่อผ้าตกอยู่ใกล้ ๆ แล้ววิ่งหนีไปด้วยความรีบร้อน
คามีเลียกะพริบตาปริบ ๆ มองถุงผ้าตรงหน้าที่เผยให้เห็นอาหารแห้งและผลไม้สีสวย รอยยิ้มดีใจปรากฏบนใบหน้าทันที ส้มเข่งใหญ่ตกใส่นางแล้วล่ะ ไม่เคยคาดคิดว่าจะมีคนใจดีนำอาหารมามอบให้นาง
พอก้มไปหยิบเท่านั้น อยู่ ๆ รองเท้าหนังครึ่งแข้งมีฝุ่นทรายติดของใครอีกคนที่นางไม่รู้จัก ได้เดินมาหยุดอยู่ตรงหน้า อีกทั้งนายหมวดผู้นั้นได้ตรึงไหล่บางของนางเอาไว้
“เจ้าถูกจับตัวแล้ว เจ้าหนู”
คามีเลียเงยหน้ามองอีกฝ่ายทันที เพียงสบตาด้วยครั้งแรกเด็กหญิงตัวน้อยจึงชะงักไป ด้วยว่านางไม่เคยเห็นบุรุษคนไหนมีสีนัยน์ตาที่งดงามเช่นนี้มาก่อน แต่เหนืออื่นใดคือความดุที่นางสัมผัสได้
“ตัวแค่นี้ริอาจเป็นขโมยรึเจ้าหนู”
“ข้าเปล่า”
“หลักฐานอยู่ในมือของเจ้า”
คามีเลียรีบปล่อยห่อผ้าทิ้งทันที ซ้ำยกมือทั้งสองข้างขึ้นในท่ายอม “ไม่มีหลักฐานแล้ว”
นายหมวดโซราฟส่ายหน้า “มันยังอยู่ที่พุงน้อย ๆ ของเจ้า”
คามีเลียเอามือปิดพุงทันที “ทับทิมลูกนี้เป็นของข้า”
“ไม่... ไม่ใช่ของเจ้า เจ้าคือหัวขโมย”
“ข้าสาบาน... ข้าไม่ใช่ขโมย”
เด็กหญิงทำหน้าอยากร้องไห้ แค่หนีเรียนก็ถือเป็นความผิดใหญ่โตแล้ว นี่นางถูกทหารที่ดูแลรักษาความปลอดภัยจับตัวด้วยข้อหาขโมยของ ทั้งที่นางไม่ได้ทำ
แค่คิดก็เศร้าแล้ว!
“คำสาบานของเจ้าคือคำแก้ตัวของหัวขโมย มากับข้าซะ” นายหมวดโซราฟหิ้วคอเสื้อของเด็กน้อยทันที
แต่คามีเลียก็ขัดขืนเต็มที่ สุดท้ายนายหมวดหนุ่มไฟแรงซึ่งมีอายุเพียง 17 ปีได้อุ้มผู้ต้องสงสัยขึ้นบนหลังม้า และนำตัวกลับไปสอบสวนทันที!
##### 2
ข้อกล่าวหา
ตะวันดวงโตเคลื่อนสู่ท้องฟ้าตะวันตกมากเท่าไหร่ ความกังวลยิ่งเพิ่มทวีมากเท่านั้น คามีเลียยังสะอึกสะอื้นน้ำตานองหน้าเมื่อถูกเจ้าหน้าที่รักษาความสงบของบ้านเมืองพาตัวมายังกระโจมหลังใหญ่ซึ่งชาวเมืองเรียกว่า ‘ค่าย’ ซ้ำยังถูกสอบปากคำจากนายทหารที่หน้าตาดุ และดูมีอายุมากกว่านายหมวดที่จับตัวนางมา แต่เมื่อนางไม่ปริปากพูด นายหมวดโซราฟจึงรับหน้าที่สอบสวนแทน
“ข้าให้โอกาสเจ้าอีกครั้ง... เป็นครั้งสุดท้าย”
“ข้าบอกนายท่านไปแล้ว มีใครบางคนทิ้งห่อผ้าไว้ตรงหน้าข้า แล้วเขาก็หนีไป ข้าแค่เก็บถุงผ้าเท่านั้น ข้าไม่ใช่หัวขโมย” คามีเลียยืนยันเช่นเดิม อีกทั้งร้องไห้น้ำตานองหน้า
“รู้มั้ยเจ้าหนู หัวขโมยที่ข้าจับตัวมาก็พูดแบบนี้ทุกราย”
