เขาเป็นของกู-2
“เหี้ย! เอ้ย!”
ชวินทร์ทำพลาดอีกแล้ว เขาน่าจะจับตาดูเธอให้ใกล้ชิดกว่านี้
“โทษนะครับ เห็นแฟนผมไหม เธอมัดผมหางม้า ใส่เสื้อยืดสีม่วงกางเกงยีนเสมอเข่า” เขาถามคนจูงม้าที่เดินสวนกัน
“คนแต่งตัวอย่างนั้นมีตั้งเยอะนะ แฟนคุณมีอะไรเฉพาะเจาะจงเป็นพิเศษไหม”
“คือ...”
ชวินทร์ติดอ่างกะทันหัน เนตราไม่มีจุดเด่นอะไรเจาะจงเป็นพิเศษ ไม่สวยขนาดอยากขอแอดไลน์ตั้งแต่แรก แต่ไม่ขาดผู้ชายมาขอเป็นเพื่อนในเฟซบุคแน่ชวินทร์แค่เห็นไกลๆ เขาก็รู้ว่าเป็นเธอ
“เขาตัวเล็กๆ หน้าตาเอ๋อๆ หน่อยครับ”
“ไอ้เหี้ยโน้ต! เอ้ย!”
เขาด่าตัวเองในใจ เคยมีแฟนมาเยอะ เจอผู้หญิงมาเป็นร้อย แต่กับเนตราคนเดียวกลับบรรยายภาพเธอไม่ถูก
ชวินทร์รู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นเด็กอายุสิบสี่ ตอนริมีรักครั้งแรก
“ทะเลาะกันเหรอ” คนจูงม้ายิ้มเผล่
“เปล่า ผมแค่หาเขาไม่เจอ”
อีกฝ่ายส่งสายตารู้ทันแบบคนเจนโลกมามาก
“เขาไม่สบายอยู่ด้วย”
แล้วทำไมกัน เขาถึงเล่าเรื่องนี้ให้คนแปลกหน้าฟัง
“ลุงเดินมาจากสุดหาดฝั่งโน้น” คนพูดชี้มือประกอบ
“ไม่เห็นแฟนที่คุณเล่ามาเลยนะ”
“จริงเหรอลุง”
“ตอนนี้ค่ำแล้ว คนกลับที่พักกันหมด ไม่มีใครมาเดินชายหาดกันหรอก”
ชวินทร์จึงวิ่งไปดูอีกทาง ฟ้ามืด ลมทะเลเย็นๆ พัดประพรมกาย แต่หลังเขากลับชื้นเหงื่อ ใจร้อนรนไม่หยุด ทั้งโกรธปนห่วงใย ครั้งสุดท้ายที่รู้สึกเช่นนี้คือวันที่พาเนตราไปโรงพยาบาล ภาพศีรษะเธอชุ่มเลือดยากจะลบจากความทรงจำ
แต่ละนาทีที่ผ่านไปทำเขาแทบบ้า ก่อนสีแดงขึ้นจากลำคอไปสู่หน้า เมื่อเห็นคนที่ตามหานั่งดูทะเลอีกฟากหนึ่งของหาด
“คุณทำอะไรของคุณ มืดแล้วทำไมไม่เข้าบ้าน”
ชายหนุ่มยกมือเท้าสะเอว ข่มใจไม่จับตัวเนตราเขย่าแรงๆ
“คิดว่าตกทะเลไปแล้วซะอีก”
“ฉันคิดถึงสมัยเรียน ตอนเราไปทะเลกัน”
ทีแรกชวินทร์บอกไม่ไป แต่เพราะทะเลาะกับดุลยาที่ไปฮ่องกง เขาจึงตามมาสมทบกับเพื่อนๆ ทีหลัง เพื่อนชวนเล่นเกมหมุนขวด ปากขวดอยู่ที่ใครคนนั้นต้องดื่ม
“พวกแกเอาจริงอ๊ะ ฉันไม่เคยกินเหล้า เดี๋ยวก็เมาอ้วกให้เช็ดหรอก”
เนตราปฏิเสธ ขยาดฤทธิ์น้ำเมา
“เมาแกก็ไปนอนในห้องสิ มีแต่เพื่อนกันทั้งนั้น นี่อาจเป็นครั้งสุดท้ายที่พวกเราจะได้อยู่พร้อมหน้ากันนะเว้ย เล่นหน่อยเหอะ โอกาสจะโดนเหมือนถูกหวยนั่นแหละ ชีวิตนี้แกเคยถูกหวยไหม”
หัวโจกตัวตั้งตัวตีเล่นเกมหว่านล้อม เนตราไม่เคยถูกหวย เพราะเธอไม่เคยซื้อ แต่ครั้งนี้โดนไปเต็มๆ ต้องดื่มติดๆกันสามแก้ว
“พวกมึงเล่นอะไรกัน”
ชวินทร์โผล่มากลางวง
“มอมเหล้าดาวเหรอ” เธอหน้าแดงซ่าน ตาปรือลืมไม่ขึ้น
“เล่นเกมกันต่างหาก ดาวดวงมันซวย”
“เกมแดกเหล้าอ่ะ พวกมึงเล่นกันเองเถอะ เห็นไหมดาวไม่ไหวแล้ว”
“โห่ สุภาพบุรุษ” เพื่อนยังมิวายส่งเสียงล้อเลียน
“พวกมึงทำอะไรไม่คิด เกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”
ชวินทร์เขามาพยุงปีกเธอ
“แหวะ!” เนตราอาเจียนเต็มเสื้อเขา
“ฉันขอโทษ”
เธอพยายามเอามือเช็ดเสื้อเขา แต่ทว่าน้ำขื่นๆ ย้อนขึ้นคอมาอีกครา
“แหวะ!”
เนตราทั้งอายทั้งอยากร้องไห้ หัวก็หมุนติ้ว ท้องไส้ก็ปั่นป่วน ชวินทร์ถอดเสื้อทิ้งอย่างไม่แยแส
“ฉันจะพาไปนอน”
สติเนตราตลอดลอยไปไกล ระหว่างเขาพากลับบ้านพัก ชวินทร์คอยเฝ้าดูอาการ เตรียมที่นอนเปิดหน้าต่างให้ลมทะเลโกรก
เนตรารู้สึกดีจนไม่อยากให้เวลานี้จบลง แต่ไม่ทันถึงชั่วโมงโทรศัพท์มือถือเขาก็ดัง
“ฉันต้องไปรับแจง ดาวอยู่คนเดียวได้นะ ถ้าอาการแย่ก็ตะโกนดังๆ พวกมันไม่เมามาก ยังได้ยินกันอยู่”
ชวินทร์ไม่รู้หรอกว่าหลังจากนั้นเธออาเจียนไปร้องไห้ไป น้อยใจในวาสนาที่เป็นได้เพียงเพื่อนธรรมดาของเขา
“ถึงขนาดใช้คำว่าวาสนาเลยเหรอ”
“ใช้คำนี้ถูกแล้ว”
“ผมรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเทวดาในสายตาดาว”
“ฉันรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ นี่ ถึงได้ตกใจตอนที่นายบอกว่าเราเป็นแฟนกัน”
“ผมไม่ได้เป็นคนดีขนาดนั้น”
คนดี... คำนี้ไม่เหมาะกับเขา โดยเฉพาะออกมาจากเธอคนก่อนจะเสียความทรงจํา ยิ่งเป็นไม่ได้เข้าไปใหญ่
“ทุกคนเป็นคนดีทั้งนั้นแหละ ในแบบของตัวเอง”
เนตราลุกขึ้น ปัดทรายเกาะตามตัวออก ทั้งสองเดินเคียงกันเข้าไปสู่บ้านพัก แสงสว่างลิบๆในสายตาเธอคือความอบอุ่น แหล่งพึ่งพิงสุดท้ายในตอนนี้
แต่สำหรับชวินทร์แสงนี้คืออย่างอื่น ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่ามันจะนำพาเธอกับเขาไปสู่ทิศทางไหน อย่างเดียวที่เขาต้องทำคือจับเธอไว้ให้แน่น ไม่ปล่อยไปไกล
