บท
ตั้งค่า

บทที่ 4 ฟางซินเย่

บทที่ 4 ฟางซินเย่

หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา เฉินเม่าก็มีท่าทีเป็นมิตรกับฮวาอิงหลงและเสี่ยวม่านมากขึ้น เมื่อใดที่ฮวาอิงหลงได้มีโอกาสพูดคุยกับเฉินเม่า นางก็มักจะพูดประจบเอาใจโดยมีเสี่ยวม่านคอยเป็นลูกคู่ให้อยู่เสมอ ส่งผลให้ในภายหลังฮวาอิงหลงและเสี่ยวม่านก็ได้รับงานที่น้อยและเบาลงกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

วันหนึ่งเฉินเม่าแวะมานั่งพูดคุยกับทั้งสองในช่วงบ่าย แสงแดดอ่อน ๆ สาดส่องผ่านหน้าต่างไม้ของห้องพักขนาดเล็ก ฮวาอิงหลงเห็นเป็นโอกาสที่เหมาะสมจึงแอบถามเรื่องข้อมูลเกี่ยวกับฟางซินเย่เป้าหมายสำคัญของนาง

เฉินเม่าเป็นคนปากมากอยู่แล้ว นางจึงรู้สึกคันปากขึ้นมาในทันทีที่ได้ยินคำถามของฮวาอิงหลง นางจึงเริ่มเล่าเรื่องราวของฟางซินเย่อย่างออกรสออกชาติ

"ท่านแม่ทัพใหญ่หรือ" เฉินเม่ามองซ้ายมองขวาอย่างกลัวว่าใครจะมาได้ยิน เมื่อนางเห็นว่าปลอดคน เฉินเม่าจึงเริ่มเล่าในทันที "ท่านแม่ทัพเป็นคนที่มีความเข้มงวดและเด็ดขาดมากแต่ก็มีความเมตตาต่อคนในจวนไม่น้อยทีเดียว ที่สำคัญท่านแม่ทัพยังไม่มีฮูหยินเสียด้วย สาวใช้ในจวนต่างจ้องมองท่านแม่ทัพตาเป็นมัน ทุกคนต่างหวังได้มีโอกาสปรนนิบัตินายท่านกันเสียถ้วนหน้า แต่ว่าข้าก็ไม่เคยเห็นนายท่านเลือกผู้ใดขึ้นไปรับใช้เป็นการส่วนตัวสักคน ช่างน่าเสียดายยิ่งนัก"

ฮวาอิงหลงฟังอย่างตั้งใจ นางจับทุกคำพูดของเฉินเม่าและใส่ใจในรายละเอียดทุกอย่าง นางจึงเปรยออกมาเบา ๆ ด้วยเสียงที่แฝงไปด้วยความฝันหวาน "แล้วพี่เฉินเม่าคิดว่า ข้าพอจะมีโอกาสได้รับใช้ท่านแม่ทัพสักครั้งหรือไม่"

เฉินเม่ามองฮวาอิงหลงอย่างจับพิรุธ ฮวาอิงหลงรีบยิ้มน้อยอย่างเอียงอาย "ข้าก็เพียงพูดส่งเดชไปเช่นนั้นเอง แต่ว่า...หากพวกเราคนใดคนหนึ่งเกิดได้รับวาสนาจากท่านแม่ทัพ พี่เฉินเม่าไม่คิดหรือเจ้าคะ ว่าพวกเราคงมีความเป็นอยู่ที่สบายขึ้นกว่านี้อีกเป็นกอง"

คำพูดของฮวาอิงหลงทำให้เฉินเม่าเริ่มคล้อยตาม นางคิดในใจว่าสิ่งที่ฮวาอิงหลงพูดมีความเป็นจริงอยู่หลายส่วนทีเดียว หากเปรียบเทียบรูปลักษณ์ของพวกนางทั้งสาม ฮวาอิงหลงย่อมมีโอกาสมากกว่าเพื่อนเป็นแน่

เฉินเม่าหันมามองหน้าฮวาอิงหลงอย่างจริงจัง "หากข้าช่วยเหลือเจ้า เจ้าคงไม่ลืมบุญคุณข้าหรอกนะ"

ฮวาอิงหลงรีบจับแขนของเฉินเม่าไว้แน่น "หากมีวาสนาพวกเราทั้งสามที่เสมือนดั่งพี่น้องย่อมไม่ทิ้งกันเป็นแน่ จริงหรือไม่เสี่ยวม่าน"

เสี่ยวม่านพยักหน้าตามนายหญิงของตน แต่นางกลับจ้องมองหน้าฮวาอิงหลงอย่างมีคำถามมากมาย แต่เพราะเฉินเม่ายังคงอยู่ตรงนี้ทำให้นางได้แต่เก็บความสงสัยไว้ในใจเพียงเท่านั้น

เฉินเม่ายิ้มให้ฮวาอิงหลง "ข้ามองคนไม่ผิดนัก เอาเป็นว่าถ้าข้ามีโอกาส ข้าจะสนับสนุนเจ้าก็แล้วกัน"

ฮวาอิงหลงยิ้มรับพร้อมความคิดมากมายในหัว นางคิดถึงแผนการในอนาคตและเป้าหมายต่อไปก็คือฟางซินเย่ หากเจ้าได้เจอนักแสดงตัวแม่เช่นข้า ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะไม่ตกหลุมพรางคนอย่างข้าไปได้อย่างแน่นอน

วันหนึ่งขณะที่ฮวาอิงหลงกำลังช่วยเสี่ยวม่านตากผ้ากองพะเนินอยู่นั้น เฉินเม่าก็วิ่งหน้าตื่นมาหานางด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น

“อิงหลง ข้ามีข่าวดีมาบอก ท่านแม่ทัพ...ท่านแม่ทัพมีคำสั่งให้เจ้าไปปรนนิบัติคืนนี้” เฉินเม่ากระหืดกระหอบพูดด้วยความเร่งรีบ

ฮวาอิงหลงเบิกตากว้างด้วยความดีใจ โอกาสของนางมาถึงแล้ว นางยกยิ้มด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ ผิดกับเสี่ยวม่านที่มองหน้าฮวาอิงหลงด้วยความกลัดกลุ้ม

“พี่เฉินเม่า พี่พูดจริงหรือ ท่านแม่ทัพจะให้คุณหนูเอ่อ....คุณหนู” เสี่ยวม่านหันไปย้ำกับเฉินเม่า ก่อนจะส่งสายตากังวลไปยังฮวาอิงหลง

“แน่นอนสิ เรื่องเช่นนี้ข้าจะมาพูดเล่นได้อย่างไร อิงหลงข้าว่าเจ้ารีบไปเตรียมตัวเสียเถอะ ขืนชักช้ามีหวังแทนที่จะได้รับความโปรดปรานจะกลายเป็นต้องโทษเข้าให้เสีย” เฉินเม่ารีบคะยั้นคะยอฮวาอิงหลงอย่างตื่นเต้น

สักพักยังไม่ทันที่พวกนางทั้งสามจะพูดจบ เจ้าหมัวมัวก็เดินอาด ๆ เข้ามายังฮวาอิงหลง “ฮวาอิงหลง ท่านแม่ทัพมีคำสั่งให้เจ้าปรนนิบัติคืนนี้ เจ้ารีบตามข้ามา”

สาวใช้อีกสองคนเดินเข้ามาประกบฮวาอิงหลงเพื่อนำทางไปตระเตรียมร่างกายของนางให้พร้อม

เสี่ยวม่านรั้งแขนของฮวาอิงหลงเอาไว้ด้วยความกังวล ฮวาอิงหลงได้แต่ยิ้มอ่อนพร้อมตบมือเข้าที่หลังมือของนางอย่างให้คลายกังวล

ฮวาอิงหลงเดินเชิดหน้าตามเจ้าหมัวมัวอย่างไม่มีท่าทีหวั่นเกรงสิ่งใด แม้นางจะไม่เคยมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับผู้ใดมาก่อนทั้งในชาติที่แล้วและชาตินี้ แต่ฮวาอิงหลงก็เป็นสาวยุคสองพัน ตอนที่นางแสดงหนัง พวกฉากอย่างว่าล้วนแล้วแต่ผ่านมือนางมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งร่างกายนี้เดิมทีก็มิใช่ของนางเสียเมื่อไหร่ หากจะใช้ร่างกายนี้ให้เป็นประโยชน์กับนับว่าเป็นผลดีกับอนาคตของพวกนางไม่ใช่น้อย

ฮวาอิงหลงถูกพามายังห้องอาบน้ำ ถังไม้ขนาดใหญ่ที่บรรจุน้ำอุ่นพร้อมกลีบดอกไม้โปรยอยู่ทั่วบริเวณส่งกลิ่นหอมละมุนจนนางเผลอสูดดมเข้าไปอย่างชื่นใจ นานเท่าไหร่แล้วนะที่นางไม่ได้นอนแช่น้ำอุ่นผสมอโรม่าหอมฉุยเช่นนี้ ฮวาอิงหลงยกยิ้มขึ้นมาเมื่อนึกถึงเรื่องราวหนหลัง ทำให้นางยิ่งมีพลังใจในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าวให้สำเร็จให้จงได้

ฮวาอิงหลงถูกขัดสีฉวีวรรณจนร่างกายขาวผ่อง กลิ่นดอกไม้ถูกชโลมไปทั่วร่างจนทำให้เกิดกลิ่นกายที่หอมรัญจวนไม่ต่างจากการฉีดน้ำหอมในยุคสมัยของนางเลยทีเดียว

หลังจากนั้นฮวาอิงหลงก็ถูกจับสวมเสื้อผ้าเนื้อบางเบาจนแทบปิดสิ่งใดไม่มิด ผ้าคาดอกสีชมพูอ่อนที่แนบเข้ากับหน้าอกอวบพร้อมเสื้อทับสีขาวตัวบางยิ่งเสริมให้เห็นส่วนโค้งส่วนเว้าอันน่าหลงใหล เสื้อคลุมผืนบางถูกคลุมทับอีกชั้นหนึ่ง หากแต่ก็ไม่อาจปกปิดสายตาให้เห็นเรือนร่างอันยั่วยวนใจไปได้

เจ้าหมัวมัวมองผลงานตนเองอย่างภาคภูมิใจ นี่นับเป็นครั้งแรกที่นายท่านมีคำสั่งให้สาวใช้ในเรือนขึ้นไปปรนนิบัติข้างกาย ทำให้บ่าวรับใช้ทั้งหลายถึงกับตกตะลึง บ้างก็มองฮวาอิงหลงด้วยความอิจฉา บ้างก็มองด้วยความยินดีในวาสนาของนาง

ฮวาอิงหลงถูกพาตัวมายังเรือนของฟางซินเย่ นางรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก หัวใจเต้นรัวราวกับกลองศึกก็ไม่ปาน ฮวาอิงหลงสูดลมหายใจเข้าลึก พลางปลอบโยนตนเองว่าเป็นแค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น แค่เพียงนางแสดงได้สมจริงทุกอย่างก็จะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel