บทที่ 5
หล่อนได้ยึดครองห้องนอนใหญ่กว้างเป็นของตัวเองลำพังตลอดทั้งคืน เมื่อตื่นเช้ามาพบว่าข้างกายคือผืนเตียงว่าง ไม่มีร่องรอยของใครอีกคนที่จะมานอนอย่างที่คิดไว้ ตุลยาจึงค่อยคลายความอึดอัด หากอีกใจก็ยังแอบอมทุกข์ คงอีกไม่นานที่เขาจะเรียกร้องสิทธิเอาตามที่เขาต้องการ
หล่อนต้องทำใจใช่ไหม? จะมีทางเลือกอื่นใดไหนกัน?
รูปถ่ายของสาวสะคราญเลอโฉมคนเดิมยังคงวางเด่นอยู่ตรงข้างกระจกบานใหญ่ สายตาหล่อนกระหวัดไปเห็น ก่อนจะเห็นเงาสะท้อนของตัวเองอยู่ในกระจกใส
โธ่เอ๋ย... สาวงามราวกับนางฟ้าคนนั้น ช่างต่างกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ท่าทางมอซออย่างหล่อนราวฟ้ากับดิน
ตะวันเพิ่งขึ้นได้ไม่นานนักเมื่อหล่อนเดินลงมาข้างล่าง... ตุลยาตื่นเช้าจนเป็นนิสัยเพราะต้องรีบคอยจัดการความเรียบร้อยในบ้านก่อนที่มารดาจะตื่น อาหารคาวหวานต้องครบครัน เพราะเมื่อใดที่ตันหยงตื่นมาแล้วต้องอดทนรอ หล่อนจะต้องทนฟังคำบ่นคำว่าอีกนับเป็นกระบุง
“ป้าจิต”
หล่อนพาตัวเองเข้าไปในครัวเล็กที่มีป้าจิตกำลังเตรียมหุงข้าวซาวน้ำ อาหารที่เหลือยังไม่ได้ตระเตรียม ยังคงวางอยู่บนโต๊ะตรงกลางขนาดใหญ่
“อ้าว... คุณตุลยา ตื่นแล้วหรือคะ ป้ายังเตรียมอาหารไม่เสร็จ คุณหิวแล้วหรือเปล่า ป้าจะได้หาอะไรอย่างอื่นเตรียมให้พลางๆ”
“เอ้อ... ไม่เป็นไรค่ะ” สมาชิกใหม่ของบ้านตอบด้วยอาการเกรงใจ ไม่คุ้นชินเลยกับการมีใครมาเป็นธุระจัดการเรื่องต่างๆ ให้แทนตัว
“ป้าเพิ่งหุงข้าวมื้อเช้ายังไม่ทันจะวางหม้อ มะลิคงยังไม่ตื่น ประเดี๋ยวสักพักข้าวคงจะสุก ไม่คิดว่าคุณจะตื่นเร็ว ปกติคุณทิมก็ตื่นประมาณเจ็ดโมงเช้า”
“ตาลตื่นเช้าทุกวันค่ะ ต้องเตรียมอาหารให้แม่ บางทีก็เตรียมไว้ใส่บาตรด้วย” ร่างบางเดินเข้ามาด้านในห้องปรุงอาหาร อุปกรณ์ทุกอย่างหล่อนเคยคุ้นและใช้ได้อย่างชำนิชำนาญ มีดหั่นปอกที่ป้าจิตกำลังจะหั่นผักอยู่ก็เช่นกัน
“ตาลช่วยทำดีกว่าค่ะป้าจิต... ป้าจะทำอาหารอะไรคะ ตาลช่วยได้ไหม”
“แกงเลียง คุณทิมชอบกิน ตอนเช้าๆ ก่อนออกไปทำงาน คุณรู้จักแกงเลียงหรือเปล่า?”
“รู้จักค่ะ ตอนพี่ข้างบ้านเขาคลอดลูก ตาลทำแกงเลียงไปให้เขากินเสริมน้ำนมบ่อยๆ ให้ตาลช่วยนะคะ”
หล่อนรับมีดจากแม่บ้านใหญ่มาแล้วกอบกองผักรวมกัน มิไยว่าอีกฝ่ายจะมองอย่างไม่ค่อยไว้ใจนัก หากท่าทางที่คล่องแคล่วดูไม่ติดขัดทำให้ป้าจิตค่อยวางใจ หันมาเตรียมบดพริกไทยเม็ดกับครกหินเพื่อเตรียมเครื่องสำหรับแกงเลียง
“คุณทำอาหารเป็นด้วยหรือคะ?”
“เรียกตาลก็ได้ค่ะ... คนแถวบ้านเขาชอบเรียกว่าหนูตาล เพราะเป็นน้องคนเล็ก ตาลเคยเรียนทำอาหาร ทำขายก็มีบางครั้ง เวลาคนเขาจัดงานเขาชอบมาจ้างให้ตาลทำ แต่ส่วนใหญ่จะเป็นขนม”
“มีหน้าร้านหรือเปล่า?”
“ไม่มีหรอกค่ะ ยังไม่มีทุนจะเปิด กลัวขาดทุน แต่แค่รับออเดอร์จากตามโรงแรมหรืองานประชุมก็พอจะได้พออยู่พอกินแล้ว”
“เก่งนะ” คนสูงวัยกว่าชม ขณะสังเกตว่าหล่อนทำงานครัวได้เรียบร้อยจริงอย่างคำบอก “สมัยนี้หาผู้หญิงทำอาหารเป็นได้ยาก ส่วนใหญ่ถนัดซื้อเอาตามร้านมากกว่า ร้านรวงสมัยใหม่เขาก็ทำสวยเหลือเกิน อะไรๆ ก็กระจุ๋มกระจิ๋มน่ากินไปหมด”
“นั่นสิคะ เวลาทางโรงแรมเขาออเดอร์ เขาชอบพวกอะไรเล็กๆ พอดีคำ ขนมชั้นกุหลาบบ้าง เค้กสมัยนี้ก็ต้องทำพอดีเป็นถ้วยเป็นคำไป”
“เจ้ามะลิเห่อตามได้สักพัก หัดทำอยู่ช่วงหนึ่ง สุดท้ายไม่ไหว เหลวเป๋ว มือร้อน...จะหยิบจะจับอะไรก็ลำบาก”
ตุลยาหัวเราะ เด็ดตำลึงเอาแต่ใบที่ไม่แก่มาก แล้วตามด้วยเห็ดนางฟ้าฉีกเป็นเส้นฝอยโตๆ ป้าจิตหยิบกะปิที่อยู่ในตู้กับข้าวมาโขลก ไม่นานนักเครื่องเคราก็ครบครัน
“น้ำเริ่มเดือดแล้ว คุณเอาเครื่องลงเลยก็แล้วกัน เดี๋ยวจะสายเสียก่อน คุณทิมลงมาไม่ทันจะได้รับประทาน เวลาหิวแล้วหน้าตาบอกบุญไม่ค่อยจะรับ ทอดไข่เจียวเพิ่มให้อีกสักอย่าง ชอบนักล่ะข้าวสวย ไข่เจียวแล้วก็น้ำปลาใส่พริกสับ”
“คุณทิมกินง่ายดีนะคะ”
“ชาวสวนชาวไร่จะเอาอะไรมาก จบนอกแต่หัวไม่เคยนอกตามเลยสักครั้ง ตอนเด็กเป็นยังไง โตมาก็เป็นอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยน... จะมาเปลี่ยนก็ช่วงหลังนี้แหละ หลังจากโดนผู้สาวเขาทิ้งไป อารมณ์แปรปรวนอย่างกับเป็นคนละคน”
ป้าจิตถอนหายใจ ขณะที่ตุลยาฟังเงียบๆ ครั้นอีกฝ่ายเว้นช่วงไปหล่อนก็ออกปากถาม
“ใครหรือคะคนที่ทิ้งคุณทิมไป”
“คุณตาลไม่รู้จักหรอก เขาไปได้สักพักแล้ว” ป้าจิตลดเสียงลงขณะเล่ารายละเอียด “แฟนเก่าคุณทิม เขาชื่อลินดา เป็นแฟนกันมาตั้งแต่สมัยอยู่ออสเตรเลีย ตอนคุณทิมไปเรียนทำฟาร์มที่โน่น กลับมาก็คบเป็นแฟนกันอีกสักพักหนึ่ง สมัยก่อนเขาก็เคยมาอยู่ที่นี่”
“ค่ะ” หล่อนทราบ เพราะในห้องพักของธฤตก็ยังมีข้าวของเครื่องใช้ผู้หญิงบางอย่างหลงเหลือให้เห็น
“แต่คงทนไม่ไหว คุณธฤตกลับมาก็มุงานของตัวเอง ขยายฟาร์มขยายพันธุ์แม่วัว ไม่มีเวลาดูแลผู้หญิงเขา อย่างว่าล่ะนะ ผู้หญิงสังคม เคยอยู่แต่ในเมืองกรุง ช้อปปิ้งตามห้าง ที่ไหนเลยจะมาทนเดินเล่นในโคลนตมอย่างที่นี่ได้ สุดท้ายเขาก็ไปเจอผู้ชายคนอื่น”
คนฟัง...ค่อยๆ เก็บข้อมูลซึมซับลงไปอย่างตั้งใจ ภาพหญิงสาวแสนสวยในกรอบรูปกระจ่างขึ้นมาในห้วงความคิด ‘เธอ’ ที่ป้าจิตกำลังพูดถึง ก็คงจะหมายถึงผู้หญิงคนในรูปนั้น
“คนใหม่เขาน่ะเป็นถึงหม่อมราชวงศ์... คุณไม่ได้ยินข่าวเหรอ ช่วงที่เขาคบกันใหม่ๆ ออกข่าวสังคมเกรียวกราว เมื่อสองสามวันก่อนยังเห็นมีคนพูดถึงอยู่เลย คุณชายสุธาเทพ คนนี้เขาเห็นว่าเอาใจผู้หญิงเก่ง ไม่เหมือนคุณทิม รายนั้นออกจะทื่อๆ ตรงไปตรงมา ไม่ค่อยมีคารมเหมือนคนอื่นเขา บางทีคุณก้องยังคล่องกว่าเสียอีก”
“น่าสงสารคุณทิมนะคะ เขาคงเสียใจมาก”
“ไม่พูดไม่จาไปสักพักหนึ่ง ตอนนี้ก็ยังไม่เหมือนเก่า อย่าพูดถึงคุณลินดาให้เขาได้ยินเชียว เดี๋ยวจะหงุดหงิดเอา”
“ตาลเห็นรูปผู้หญิงในกรอบข้างกระจกห้องคุณทิม... ใช่คุณลินดาหรือเปล่าคะ” หล่อนถาม ปิดฝาหม้อแกงเลียงที่บัดนี้เริ่มหอมฉุย ป้าจิตเทไข่ลงในกระทะ ไม่นานนักก็ขึ้นฟูชวนรับประทาน
“ใช่แล้วล่ะ รูปนั้น คุณทิมคงไม่ยอมเอาออกจากห้องไปไหน ป้าเห็นมันอยู่ตรงนั้นตั้งนาน คุณทิมก็ไม่ยอมเอาไปเก็บไว้ที่อื่น” แม่บ้านใหญ่ถอนหายใจ มองใบหน้างามคล้ายจะสังเกตสังกาทว่าก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติไปในสีหน้านิ่งเฉยนั้น “ต้องเห็นใจคุณทิมเขาหน่อยนะ รักมากเขาก็เจ็บปวดมาก คุณเองมาอยู่กับคุณทิม ก็พยายามปลอบใจเขาหน่อยก็แล้วกัน”
ตุลยาถอนหายใจ... รู้สึกอะไรหนักๆ ทับอยู่ในอก...
“ตาลแค่เข้ามาชั่วคราว ผ่านมาแล้วก็ผ่านไปค่ะป้าจิต ผู้หญิงอย่างตาลเป็นแค่คนที่เขาเลือกเอามาขัดหนี้เท่านั้น... น่าขันนะคะ โชคชะตาของคนเรา ถ้าตาลรู้ตัวสักนิด ก็จะพยายามทำทุกอย่างไม่ให้แม่ต้องมาเป็นหนี้สินมากมายขนาดนี้”
“คุณนี่ไม่เหมือนตันหยง ไม่เหมือนพี่ๆ ของคุณเลย”
หล่อนไม่ตอบ เพียงได้แต่เก็บงำความรู้สึกน้อยเนื้อต่ำใจเอาไว้ลึกสุดของหัวใจเท่าที่ตัวเองสามารถทำได้เท่านั้นเอง
ร่างสูงเดินลงมาจากชั้นบนเมื่อเวลาเจ็ดโมงตรงไม่ขาดไม่เกิน ผมเผ้าเขายังดูยุ่งเหยิงไม่ค่อยเป็นทรง ราวกับเจ้าตัวไม่ได้ใส่ใจมากนัก ริ้วรอยอิดโรยในใบหน้า คนมองได้แต่รู้สึกละอายใจ
“เมื่อคืนคุณนอนที่ห้องสมุดเหรอคะ?”
“อืม” เขาตอบแสนสั้น ให้ความสนใจกับอาหารเช้าที่ป้าจิตเอาออกมาวาง เหลือบมองด้วยสายตาเชิงตำหนิเมื่อเห็นเจ้าของร่างบางยังคงยืนเก้กัง ไม่ยอมนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน
หล่อนค่อยๆ นั่งลงอย่างเกรงใจ
“ที่จริงตาลออกไปนอนห้องอื่นก็ได้นะคะ คุณจะได้ไม่ต้องลำบาก ห้องของคุณแท้ๆ ตาลกลับมารบกวนจนคุณต้องออกไปนอนข้างนอกแทน”
“ไม่เป็นไรหรอก ปกติผมก็นอนข้างนอกออกบ่อย ไม่ใช่เฉพาะแค่เมื่อคืน”
“แต่ว่า...”
“ทำไม? อยากจะทำหน้าที่ของตัวเองขึ้นมาหรือไง?” เขาเลิกคิ้ว แม้หน้าเฉยแต่ถ้อยคำกลับลึกซึ้ง “อยากจะให้ผมใช้สิทธิ์ขึ้นมาก็ได้ ลืมไปว่าบางทีคุณอาจจะต้องการ”
“ไม่ใช่อย่างที่คุณเข้าใจนะคะ” หล่อนแก้ด้วยน้ำเสียงตกใจ “คุณเข้าใจไปอีกทาง”
“ผู้หญิง...” ธฤตแค่น “ก็ชอบอะไรเร็วๆ ถึงอกถึงใจ”
ตุลยาถอนหายใจ สัมผัสได้ถึงกระแสประชดประชันในน้ำเสียงนั้น
ไม่มีประโยชน์อะไรหรอกที่หล่อนจะใส่ใจ สถานะของหล่อนไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะปฏิเสธอะไรได้เลยแม้แต่นิดเดียว
“ตาลตักข้าวให้นะคะ” หล่อนหยิบทัพพีขึ้นมาตักโดยไม่รอให้เขาตอบ จนข้าวพูนจานแล้วก็เลื่อนไข่เจียวฟูกรอบน่ากินและแกงเลียงถ้วยโตมาตรงหน้าเขา
“มะลิไปไหนทำไมปล่อยให้คุณมาทำหน้าที่นี้?”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ” คำตอบอ้อมแอ้มอยู่ในลำคอ ยามเมื่อดวงตาสีนิลงามหลุบลงมองพื้นโต๊ะ กระตุกริมฝีปากแย้มเป็นรอยยิ้มเฝื่อน “ตาลก็แค่อยากทำหน้าที่หลายๆ อย่าง ให้คุ้มกับที่คุณจ้างมาเดือนละสองหมื่นบ้างเท่านั้นเอง ถ้ามีอะไรที่ตาลช่วยได้ คุณบอกตาลได้เลยนะคะ ตาลยินดี”
คำบอกนั้นทำให้คนฟังเบือนหน้าไปอีกทาง ใบหน้าคมคร้ามยังเคร่งขรึมท่าทางไม่สบอารมณ์ ทำให้หล่อนไม่เข้าใจนักว่าเพราะเหตุใด
หรือเพราะผิดหวังกับผู้หญิงหนึ่งคนทำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติกับผู้หญิงทุกคนไปเสียแล้ว
