บท
ตั้งค่า

บทที่ 6

“เสียงรถออก... คุณทิมไปสำนักงานแล้วหรือ?”

“ค่ะ” หล่อนตอบป้าจิตที่เพิ่งโผล่กลับเข้ามาหลังจากหายไปตลอดทั้งเช้า บนโต๊ะอาหาร หล่อนเก็บจานล้างจนสะอาดเรียบร้อยจนอีกฝ่ายจุปาก

“ให้เป็นหน้าที่มะลิเถอะคุณตาล รายนั้นมัวแต่นอนดูซีรีส์เกาหลีสบายจะแย่แล้ว”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้าจิต เล็กๆ น้อยๆ เท่านั้นเอง”

สมาชิกใหม่ของบ้านบอกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนและจริงใจ ท่าทีอ่อนน้อมทำให้จิตใจคนแก่ยวบไหวไปกว่าครึ่ง นั่งพักเหนื่อยบนเก้าอี้ตัวเก่าก่อนจะอธิบาย

“ปกติกลางวันเวลาคุณทิมไม่อยู่ ออกไปฟาร์ม ป้าก็จะทำงานเล็กๆ น้อยๆ ในบ้านอย่างนี้แหละ บ้านเราจะไม่ค่อยยุ่งกับฝั่งสำนักงาน มีแต่คุณทิมเข้าๆ ออกๆ เขาเลือกสร้างบ้านให้ไกลจากสำนักงานแต่อยู่ติดกับฟาร์ม เพราะจริงแล้ว คุณทิมไม่ค่อยอยากเอางานมาปะปนกับชีวิตส่วนตัวเท่าไร หมายถึงพวกงานเอกสารน่ะนะ แต่ถ้าเป็นงานเลี้ยงวัวเลี้ยงม้า นั่นแยกออกจากกันไม่ได้เลย”

หล่อนซึมซับความรู้เกี่ยวกับตัวเขาเงียบๆ เหมือนได้รู้จักธฤตในอีกมุมหนึ่งผ่านสายตาของป้าจิต ที่ดูเหมือนจะเป็นคนละคนกับเจ้าหนี้ที่หล่อนรู้จัก... ตัวตนที่แท้จริงของเขาเป็นอย่างไร หล่อนไม่สามารถสัมผัสได้เลย เหมือนมีอะไรบางอย่างที่ลักลั่นอยู่ในตัว เขารับข้อเสนอที่จะให้หล่อนเอาตัวแลกกับหนี้สิน แต่พอครั้นได้อยู่ใกล้ชิดจริง ก็เหมือนกับว่าเขาจะเฉยเมยและเฉื่อยชา แทบไม่ได้สนใจอะไรหล่อนเลยด้วยซ้ำไป

หรือจะเป็นอย่างที่ทุกคนพูดกัน คือเขาเพียงแค่อยากทำเพื่อประชดคนรักเก่าของตัวเองจริงๆ

“เสื้อผ้าคุณทิมในตะกร้า คุณตาลเอาลงมาไว้ที่ห้องซักผ้าหรือคะ?”

“ใช่ค่ะ ตาลเก็บลงมาเมื่อสักครู่”

“ตายจริง” เสียงนั้นคล้ายบ่นทว่าก็แฝงไว้ด้วยความชื่นชม “ที่จริงไม่น่าลำบากคุณตาลเลย”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ให้ตาลได้ช่วยเถอะ คุณทิมเอาตัวตาลมาขัดดอกเดือนละสองหมื่น แพงกว่าค่าจ้างคนรับใช้ตั้งหลายเท่า ตาลไม่รู้จะทำยังไงถึงจะคุ้มค่าเงิน... แต่ตาลก็ไม่มีเงินจะจ่ายคุณทิมในตอนนี้เลย”

“แม่คุณ พี่สาวคุณ เขาเคยคิดบ้างหรือเปล่าเวลาจะหาภาระให้คุณแบบนี้ ทำไมคุณต้องมารับผิดชอบแทนเขา ทั้งที่คุณเองไม่ได้สร้างปัญหาเหล่านี้ขึ้นมาสักนิด”

อีกครั้งที่ดวงตาของหล่อนโรยแสง... ประกายของความทดท้อ เศร้าใจ มันเร้นออกมาในยามเผลอ ครั้นพอรู้สึกตัวก็รีบเก็บซ่อนเอาไว้ดังเดิม

“คนเราทุกคนมีหน้าที่ต้องทำ... หน้าที่ของตาลก็คือตอบแทนบุพการี ไม่ทำให้ท่านต้องลำบาก ตาลเป็นลูก อย่างไรก็หนีความรับผิดชอบไปไม่ได้หรอกค่ะ ตาลไม่ได้สร้างปัญหา แต่ถ้าแม่ของตาลเป็นคนสร้างขึ้นมา ตาลก็ต้องช่วย ตาลปล่อยให้แม่ทำร้ายตัวเองไม่ได้ คุณทิมถึงแม้จะดูเหมือนเขาบังคับ แต่จริงๆ แล้วเขาก็คือคนที่มีบุญคุณกับแม่และพี่ๆ ของตาล เงินของเขา แม่ก็เอาไปส่งพี่ๆ เรียน”

ป้าจิตถอนหายใจ ทว่าดวงตาที่มองหญิงสาวตรงหน้านั้นแปรเปลี่ยนไป จากความระแวง ความไม่ไว้ใจ เหลือไว้แต่เพียงความสงสารเห็นใจที่ทบทวี

ธฤตกลับมาจากโรงรีดนมวัวอีกครั้งเมื่อตอนเย็นจัด ตุลยายุ่งอยู่ในครัวกับป้าจิต เตรียมสำรับอาหารเย็นสำหรับเจ้าของบ้านที่เพิ่งกลับมาจากทำงาน

“วุ้นนี่ใส่ในช่องฟรีซสักพัก เดี๋ยวก็เซตตัวและเย็นพอทันรับประทานแล้ว” หล่อนบอกกับมะลิที่เข้ามาเมียงมองวุ้นกะทิในแบบพิมพ์ผลไม้ลูกเล็กๆ อย่างสนอกสนใจ “ตาลทำเผื่อมะลิด้วยนะ แยกถาดเอาไว้ให้อยู่ตรงนี้ เป็นของมะลิทั้งถาดเลย”

“โอ้โห น่ากินทั้งนั้นเลย” เพราะความสนใจในขนมทำให้สาวใช้เข้ามาใกล้ “คุณทำยังไง ทำไมดูน่ากิน”

“พอเริ่มเซตตัวเดี๋ยวเราตัดใบแก้วให้เล็กๆ เอามาเสียบไว้เหมือนเป็นก้านของมัน”

“คุณตาล... มะลิลองทำดูได้ไหมคะ?”

“เอาสิ รอให้วุ้นเซตตัวสักนิดก่อนนะ แล้วทำอย่างนี้”

ใบแก้วที่ถูกตัดจนมนแล้วถูกเลื่อนมาวางไว้ อธิบายวิธีให้มะลิฟังจนเข้าใจละเอียดเพื่อหัดทำตามหลังจากวุ้นเซตตัว ไม่นานนักสาวใช้คนแก่นก็ได้วุ้นผลไม้มาหลายชิ้นเรียงอยู่ในจาน เจ้าตัวพิศมองด้วยความชื่นชม

“เสียงรถคุณทิมกลับมาแล้วนะคะ มะลิเห็นคุณทิมเดินขึ้นไปบนห้อง คุณตาลไม่ไปดูแลเหรอคะ?”

“ตาลยังไม่ได้ยินเสียงรถเลย” หล่อนว่า “สงสัยมัวแต่ตั้งใจจะหยอดวุ้นลงพิมพ์ ก็เลยไม่ได้ตั้งใจฟังเสียงข้างนอก”

“กลับมาได้สักพักแล้วค่ะ แต่กลับมาก็เดินขึ้นห้องเลย ช่วงนี้อารมณ์บ่จอย พ่อเข้มก็ดันมาป่วย”

“พ่อเข้ม?” คิ้วเรียวบางเลิกขึ้นแทนคำถาม หญิงสาวคนรับใช้จึงตอบด้วยความคล่องว่า

“พ่อเข้มเป็นพ่อพันธุ์ตัวเก่าแก่ค่ะ ตั้งแต่สมัยตอนคุณทิมยังเล็กๆ พ่อพันธุ์ตัวสีขาวดำมาจากอเมริกา เหมือนข้างกล่องนมเลยค่ะ เขาโตมาด้วยกันกับคุณทิม คุณทิมเลยรักพ่อเข้มมากเป็นพิเศษ ตอนนี้พ่อเข้มป่วย คุณทิมก็เลยต้องออกไปเฝ้าทุกวัน”

“เขารักวัวมากเลยนะคะ”

“พ่อเข้มใครๆ ก็รักค่ะ เป็นพ่อวัวที่อยู่มานาน นิ่มนวลเรียบร้อยไม่สมกับชื่อ ให้น้ำเชื้อเป็นลูกมาตั้งหลายตัวแล้วไม่เคยงอแงเลย เจ็บป่วยก็ไม่ค่อยเป็นกับใครเขา คุณก้องก็มากินนอนอยู่ที่โรงเลี้ยงวัวบ่อยๆ เพราะห่วงพ่อเข้มป่วยนี่แหละค่ะ”

ตุลยาพยักหน้า เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายบอก ก่อนจะแลเลยไปด้านหลัง นอกหน้าต่างห้องครัวเห็นรถจิ๊ปคันเก่งจอดอยู่ที่โรงจอดรถ แสดงว่าเจ้าของกลับมาแล้วจริงอย่างที่บอก จึงเก็บเศษถ้วยชาม พิมพ์ขนมที่ใช้ไปล้าง แต่ไม่ทันมือของมะลิที่เอื้อมมาคว้าแย่ง

“คุณไปหาคุณทิมเถอะค่ะ เดี๋ยวตรงนี้มะลิดูแลให้เอง”

ตุลยาเดินกลับขึ้นมาบนห้องนอนกว้าง ร่างสูงยืนอยู่กลางห้อง มีผ้าเช็ดตัวพาดอยู่บนบ่า ครั้นได้ยินเสียงประตูเปิด ธฤตก็หันมามองตามเสียง หล่อนเยี่ยมหน้าเข้ามามองแล้วบอก

“ตาลเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้คุณ วางอยู่ที่ปลายเตียงนะคะ”

เขานิ่วหน้า เห็นเสื้อผ้าที่วางอยู่อย่างเป็นระเบียบเรียบร้อยตรงปลายเตียงอย่างที่หล่อนว่า หญิงสาวยิ้มจืด เดินเข้าไปเปิดน้ำอุ่นผสมให้เขาอาบอย่างที่ป้าจิตบอกให้ทำอย่างเก้ๆ กังๆ

...ปกติไม่ป้าก็มะลิจะคอยเตรียมเสื้อผ้าให้คุณทิม... ผสมน้ำอุ่นไว้ คุณทิมเธอชอบอาบน้ำอุ่นเวลากลับมาจากทำงานทุกวัน...

ก็ดี... ถ้าหล่อนจะได้แบ่งเบาภาระของป้าจิตในการดูแลเรื่องจุกจิกในชีวิตประจำวันของเขา เพราะในความเป็นจริงแล้ว ตุลยาก็ไม่ต่างอะไรกับสาวใช้คนอื่น อย่างมะลิ อย่างนายเผือก ที่เขาต้องจ่ายเงินมาเพื่อให้ทำงานให้เขาสะดวกสบายขึ้นเท่านั้น

การมีอยู่ของหล่อนอาจจะได้ประโยชน์น้อย แต่ตุลยาก็อยากทำตัวเองให้เป็นประโยชน์ต่อคนรอบข้าง จะได้ไม่รู้สึกผิดมากนักที่จะต้องเอาตัวเองมาชดใช้หนี้ ทำให้เขาต้องเสียเงินดอกเบี้ยฟรี ไปอีกหลายเดือน

จริงอยู่แม่ขายหล่อนมาเหมือนเอาตัวเข้าแลกเงิน แต่ถ้าคิดดูอีกด้าน คนอย่างหล่อน... คนที่ไม่เคยมีใครต้องการ... จะมีใครยอมซื้อราคาเดือนละสองหมื่นเลยหรือ? บางทีบางครั้งแม้แต่เทียบกับผู้หญิงที่เอาตัวเข้าแลกเงิน หล่อนอาจจะยังมีค่าไม่เท่าเทียม... เพราะตุลยาจืดชืด ไม่ได้มีเสน่ห์แพรวพราวเหมือนอย่างผู้หญิงเหล่านั้น

“เสื้อตัวสีเขียวของผมหายไปไหน?”

“อ๋อ ตาลเห็นมันวางพาดอยู่บนเก้าอี้ เลยรีดแล้วก็เอาไปเก็บในตู้ให้คุณแล้วน่ะค่ะ”

“แต่ผมจะใส่ตัวนั้น”

เขารวน...คิ้วขมวดมุ่นเพราะไม่ได้อย่างใจจนหล่อนประหลาดใจ อารมณ์คนตรงหน้าแปรปรวนเหลือเกิน บางครั้งก็คล้ายมีเหตุผล บางครั้งพอเข้าใกล้ก็เปลี่ยนไปเสียดื้อๆ

“วันหลังถ้าเสื้อตัวไหนผมเลือกตั้งเอาไว้ก็ไม่ต้องมายุ่ง... ถ้าไม่รู้ก็ให้ถามป้าจิตว่าผมชอบใส่ตัวไหน”

“ตาลขอโทษค่ะ เดี๋ยวจะเอาออกมาวางให้ใหม่”

“ไม่ต้อง ผมไม่อยากใส่แล้ว”

ตุลยาถอนหายใจ สรุปได้ในใจว่าเขาแค่อยากทดสอบความอดทนของหล่อนเล่นเท่านั้นเอง... แต่เอาเถิด หล่อนทนความแปรปรวนของแม่ ของพี่สาวทั้งสองคนได้ ทำไมหล่อนจะทนความแปรปรวนของธฤตไม่ได้

“ผมไม่ชอบเสื้อตัวสีส้ม วันหลังไม่ต้องเตรียมให้ผม”

“ค่ะ”

“สีม่วงด้วย ตัวไหนรกๆ ตู้ก็เอาไปทิ้งซะ”

“ค่ะ”

“ตัวมีปกผมไม่ชอบใส่อยู่บ้าน”

“ค่ะ”

“บางตัวที่ขาดก็ไม่ต้องทิ้ง”

“ค่ะ

“แล้วก็...”

“ค่ะ”

“ค่ะอะไร? ผมยังไม่ได้พูด... นี่ตั้งใจจะกวนอารมณ์ผมหรือไง?”

ประโยคสุดท้ายทำให้หล่อนเงยหน้าขึ้นมาจากอาการก้ม... ตาสบประสานกับดวงตาขึ้งดุ... พาล... หล่อนก็ทราบว่าเขาพาลจึงได้แต่อดทน

“เปล่าค่ะ ตาลแค่พยายามจะจำว่าอะไรที่คุณชอบ อะไรที่คุณไม่ชอบ จะได้ทำตามให้ถูก”

“นี่คุณอย่ามาประชด”

“คุณทิม”

ตุลยาถอนหายใจ ไม่ตอบโต้ เลี่ยงเดินเข้าไปในห้องน้ำกว้าง เปิดก๊อกน้ำอุ่นผสมกับน้ำเย็นให้อุณหภูมิได้พอเหมาะสำหรับการอาบ... เกลือหอมเม็ดหยาบ หล่อนโรยลงไปเบาๆ ได้ยินเสียงเขาสบถ ขณะที่หล่อนเดินกลับออกมาจากห้องน้ำ เจ้าของห้องก็ถอดเสื้อออกแล้วขว้างลงถัง ปลิวผ่านหน้าหล่อนไปเพียงนิดเดียวเท่านั้นเอง

“ขอโทษ” คำบอกห่างเหินเหมือนเจ้าตัวไม่รู้สึก ริมฝีปากเรียวโค้งเหยียดเป็นรอยยิ้ม “เสื้อผมมีแต่กลิ่นหญ้าจากคอกวัว... คุณคงไม่ค่อยชอบเท่าไร”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตาลไม่ถือ”

“ผู้หญิงก็อย่างนี้ไม่ใช่เหรอ ชอบแต่กลิ่นน้ำหอม”

เจ้าของร่างบางเล็กนิ่วหน้า... ถอยหลังไปอีกก้าวเมื่ออีกฝ่ายเริ่มเข้ามาอย่างคุกคาม

“มาอยู่ในไร่ในฟาร์มอย่างนี้ก็คงอึดอัดหน่อยนะ ไม่สะดวกสบายเหมือนอยู่ในเมืองหรอก เดินออกไปทางไหนก็อาจจะได้กลิ่นสาบวัว แมลงวันบินเกาะหน้า”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ตาลทนไหว”

“เสียใจด้วยนะที่คุณต้องอดทน... ช่วยไม่ได้ที่แม่คุณติดเงินผมหนึ่งล้านบาท คุณก็เลยต้องมามีชีวิตระกำลำบากอย่างนี้”

“คุณทิมคะ” หล่อนทนไม่ไหวในที่สุด ใบหน้างามเชิดสูง จมูกโด่งน้อยๆ รั้นขึ้นเป็นสัน “ฉันยังไม่ได้บอกคุณสักคำเลยว่าฉันจะทนไม่ได้ตรงไหน ฉันเป็นคนธรรมดา เกิดมาก็มีชีวิตอยู่ข้างถนน ถ้าฟาร์มคุณมีกลิ่นสาบวัว บ้านฉันก็มีกลิ่นสาบน้ำครำ ไม่เห็นจะแปลกอะไรเลย คุณยังดีเสียกว่าอีก อย่างน้อยก็มีบ้านให้พักอาศัย ได้เป็นเจ้าหนี้ ไม่ต้องติดหนี้สินใครจนไม่มีเงินจ่ายต้องเอาตัวเข้ามาแลกเหมือนกับฉัน”

ดวงตาคู่งามจ้องมองดวงตาสีเข้มด้วยแววตากล่าวหา... เหมือนแมวตัวเล็กๆ ที่กำลังโกรธ พองขนจนฟูขึ้นมาทั้งตัว

“ทำไมคุณต้องพาลใส่ฉัน... ถ้าแค่ผู้หญิงหนึ่งคนทำให้คุณเสียใจ คุณจะมาเหมารวมเอากับผู้หญิงคนอื่นบนโลกใบนี้ไม่ได้นะคะ”

“ตุลยา” มือหนาคว้าแขนหล่อนขึ้นมาบีบจนแน่นด้วยความโกรธ... โกรธที่เรื่องบางเรื่องเขาไม่ยอมรับ ทว่าคนตรงหน้ากลับกระแทกมันกลับมาสู่หน้าเขาอย่างถนัดถนี่

“ปล่อยฉันนะคะ ฉันเจ็บ”

“คุณไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ใครเล่าให้คุณฟัง ป้าจิต หรือมะลิ?”

“ไม่ต้องมีใครเล่าฉันก็รู้อยู่แล้วล่ะค่ะ” คนตัวเล็กกว่าแย้ง ดึงแขนตัวเองออกมาจนเป็นอิสระ ขณะที่เขายังคงอยู่ในอารมณ์ที่เต็มไปด้วยเพลิงโกรธ

“ให้มาทำงาน มาใช้หนี้ ไม่ใช่ให้มาสืบเรื่องของคนอื่น”

“คุณทิม”

“เรื่องส่วนตัวของผมไม่ได้อนุญาตให้ใครมีสิทธิก้าวก่าย คุณเป็นแค่ลูกหนี้ ทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุดก่อนจะมาวิจารณ์ชีวิตส่วนตัวของผม”

“ฉันขอโทษ...”

น้ำเสียงบอกอ่อนลงยามนึกถึงความไม่สมควร... รู้สึกผิดทว่าก็สายเกินกว่าที่จะแก้ไข เมื่อคนตรงหน้ายังลุกเป็นไฟยามว่า

“ออกไปให้พ้นหน้า อย่าเข้ามาให้ผมเห็น”

ใบหน้างามซีดจนขาว ก่อนจะพยักหน้าแล้วเร้นกายออกจากห้องนอนใหญ่อย่างเงียบเชียบ ทิ้งให้เจ้าของร่างสูงอยู่เพียงลำพัง จมอยู่ในความรู้สึกที่สับสนของตัวเอง

“คุณทิมอยู่ไหนทำไมไม่ชวนลงมากินข้าวด้วยกันล่ะคะ?”

แม่ครัวใหญ่ถามเมื่อเห็นหล่อนเดินลงมาคนเดียว ไม่ได้มีเจ้าของบ้านเดินตามลงมาด้วยอย่างที่คิด ตุลยาเดินเข้าไปช่วยป้าจิตหยิบแตงกวาที่เหลือมาประดับบนจานข้าวด้วยอาการเหม่อลอย ภาพความหงุดหงิด กราดเกรี้ยวของเขายังกระจ่างอยู่ในความทรงจำ

“เป็นอะไรหรือเปล่าคุณตาล คุณดูเหนื่อยๆ นะคะ”

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะป้า” หล่อนตอบ ฝืนยิ้ม “คุณทิมอาบน้ำอยู่ข้างบน อีกสักประเดี๋ยวก็คงลงมา ป้าจิตจะให้ตาลวางสำรับเลยไหม?”

“เอาสิจ๊ะ จะได้เสร็จทันคุณทิมลงมากิน”

อาหารถูกลำเลียงไปวางไว้บนโต๊ะกับข้าวอย่างเรียบง่าย ด้วยความช่วยเหลือของมะลิและตุลยา กลิ่นหอมหวลชวนรับประทาน หากคนได้กลิ่นกลับรู้สึกตื้อตัน เอาถาดอาหารไปเก็บในครัวแล้วเลี่ยงออกไปนั่งอยู่ในห้องนั่งเล่นเงียบๆ หยิบเสื้อที่ช่วยป้าจิตปะไว้เมื่อตอนบ่ายกลับมาทำ

เสียงย่ำเท้าหนักลงบันไดดังตามลงมาอีกไม่นานมากนัก ชะโงกหน้าหันไปมองก็เห็นเพียงเสี้ยวหน้าคมที่ดูเคร่งเครียด ไม่ยิ้มแย้มหรือแม้แต่จะดูผ่อนคลายสักนิดอย่างที่เคยเห็น นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหัวโต๊ะ แล้วตักอาหารรับประทาน

ตุลยากลับมานั่งเย็บผ้าที่เดิม บอกตัวเองว่าหล่อนไม่ควรจะโผล่หน้าเข้าไปในตอนนี้ ตอนที่พายุอารมณ์เขากำลังเกรี้ยวกราดเหลือเกิน

ทำไมหนอ... หล่อนยังสงสัย... ทำไมเขาถึงเสียลินดาไป ทั้งที่ยังรักมากมายอยู่ถึงขนาดนี้

แล้วทำไมเขาต้องเลือกให้หล่อนมาใช้หนี้อยู่ที่นี่ ทั้งที่ในความจริงแล้ว ดูเขาเองก็ยังเหมือนคนปิดตัวอยู่ในโลกส่วนตัว อยู่กับบาดแผลที่เจ็บช้ำของตัวเอง

หรือเพราะจิตใจเขายังสับสน... ยังไม่นิ่งสงบ เหมือนพายุร้ายที่ยังเพิ่งพัดผ่านไป ฝนห่าใหญ่ที่จะชะล้างยังไม่ตกโปรยปรายลงมา

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel