บทที่ 4
ในห้องนั้นว่างเปล่าไม่มีคนเมื่อเขากลับมาถึง หากแต่ประตูด้านหลังที่เปิดไว้ทำให้ทราบว่าสมาชิกคนใหม่ของบ้านนั้นบัดนี้นั่งอยู่ตรงระเบียง ที่เขาจัดโต๊ะเล็กๆ ไว้สำหรับนั่งพักผ่อนในยามเช้า... จิบกาแฟท่ามกลางทัศนียภาพของทิวเขาที่ไกลออกไปดูสุดลูกหูลูกตา แต่ครั้นพองานเยอะและยุ่งมากเข้า เขาก็ไม่ค่อยได้ออกมานั่งที่ระเบียงอีก มีแต่เพียงป้าจิตและมะลิที่หมั่นวนกันมาทำความสะอาดให้เท่านั้น
ร่างบางอ้อนแอ้นนั่งอยู่ตรงนั้นอย่างที่เขาคิด ท่าทางของหล่อนเหม่อลอย ใบหน้าแหงนมองท้องฟ้า ทว่าเขาไม่รู้ว่าใจของหล่อนกำลังคิดถึงสิ่งใด
เสียงประตูขยับทำให้ตุลยาหันกลับมามอง ท่าทางทอดอารมณ์จึงแปรเปลี่ยนไป กลายเป็นขยับตัวนั่งตรง ดวงตาสีนิลคู่งามสบประสานกับดวงตาสีเข้ม เหมือนเขาเห็นความหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาคู่นั้น
“คุณธฤต...”
“คุณมาถึงนานแล้วเหรอ” เขาถาม พิงหลังกับประตู ขณะกอดอกทอดมองหญิงสาวอย่างพินิจ
หล่อนเหมือนอย่างที่ป้าจิตบอกจริง... คือแตกต่างกับคนเป็นแม่ราวฟ้ากับดิน ท่าทางเงียบหงิม ดูแปลกไปจากที่คาดนัก
“มาถึงตั้งแต่เมื่อเที่ยง ก็ได้สักพักใหญ่แล้วล่ะค่ะ”
“อ้อ...” เจ้าของบ้านหนุ่มพึมพำ ดวงตายังคงไม่ละไปจากใบหน้างามหวานของหญิงสาวยามบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ขอโทษนะที่ผมไม่ได้ไปรับด้วยตัวเอง มัวแต่ติดธุระอยู่ในฟาร์ม... แต่ลุงเผือกเขาก็คงจะทำหน้าที่ได้ดีอยู่
ใช่หรือเปล่า?”
“ค่ะ”
“ยินดีต้อนรับสู่บ้านของผม”
คิ้วเรียวสวยนิ่วเข้าหากันในอาการหมกมุ่น... กังวลอยู่กับความคิดที่อยู่ในใจตลอดทั้งบ่าย เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมสัน บางทีบางครั้งก็รู้สึกว่าเขานิ่งสงบจนดูน่ากลัว
เหมือนจะเป็นกันเอง ทว่า... หล่อนก็รู้สึกได้ถึงกำแพงหนาท่วมตัว
“คุณธฤตคะ”
“เรียกว่าทิมก็ได้”
“คะ?”
“ชื่อเล่น... คนในบ้านนี้เรียกผมว่าทิม คุณจะมาอยู่บ้านผม ก็เรียกให้เหมือนคนอื่นเขาแล้วกัน” ดวงตาคู่คมจ้องมองมาจนคนถูกมองรู้สึกใจไม่ดี ปั่นป่วนในท้องเหมือนสำนวนโบราณที่ว่ามีผีเสื้อนับพันบินอยู่ในนั้น
ดวงตาของเขาทรงอิทธิพล... หรืออาจเป็นเพราะหล่อนไม่เคยถูกใครมองตรงๆ เช่นนี้สักที ใบหน้าถึงได้ร้อนผ่าวนัก
“คุณทิมคะ... คือ ฉัน... เอ้อ” หล่อนบีบมือตัวเองที่ประสานกันอยู่บนหน้าตัก มองเขาด้วยสายตาอ้อนวอน “ฉันอยากจะคุยกับคุณอีกครั้ง เรื่องหนี้ของแม่ฉันน่ะค่ะ... ฉันขอโอกาสคุณสักครั้งได้ไหมคะ คุณทิม ฉันสัญญาว่าจะรีบหาเงินมาคืนคุณให้เร็วที่สุด”
สีหน้าเขาแปรเปลี่ยนไปแวบหนึ่ง... ดวงตาที่มีแววเริงรื่นอยู่ให้เห็นรางๆ กลับเหลือแต่เขม้นมองด้วยความจริงจัง แขนแข็งแรงสอดประสานกันเหนือหน้าอก ตุลยายิ่งรู้สึกว่ากำแพงนั้นสูงหนาขึ้นมาอีก
“หาเงินมาคืน?” เขาทวนคำ “จะหาเงินจากไหนมาคืนผมล่ะตาล”
“ฉัน...”
ริมฝีปากเขาเหยียดเป็นรอยยิ้มเยาะเมื่อเห็นหล่อนอับจนต่อคำตอบ เสียงหัวเราะแสนเบาทว่ากรีดเข้าไปในความรู้สึกของคนฟัง
“ทำไมคิดจะทำอะไรยากๆ นี่ครั้งที่สองแล้วที่คุณขอสิ่งที่ดูจะเป็นไปไม่ได้จากผม นี่... แม่คุณไม่ได้สอนเหรอว่าวิธีหาเงินให้ได้ง่ายต้องทำยังไง ทำไมถึงเลือกจะขอใช้ทำงานอยู่ตลอดเวลา”
หล่อนกลืนน้ำลาย...
“คุณคิดจะทำอะไรนะ? ทำขนมขาย? อ้อ... กำไรจะสักกี่มากน้อย แค่กินไปวันๆ ผมยังคิดว่าคงลำบากเลย จะหาเงินมาคืนผมได้จริงหรือ ลำบากเกินไปหรือเปล่าคุณ”
ท้ายเสียงจบลงด้วยดวงตาที่ทอดมองมาเหมือนเห็นอกเห็นใจ แต่กลับเป็นตุลยาที่หน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอายที่แล่นขึ้นมาถึงใบหู
“แม่คุณก็คิดถูกนะ ใช้หนี้ผมด้วยวิธีนี้ คงเป็นวิธีสุดท้ายที่จะทำได้แล้วล่ะ อย่ากังวลไปเลย อย่างที่บอก ผมไม่พิศวาสคุณนานนักหรอก ถ้าเบื่อแล้วสักวันจะอนุญาตให้ไปทำอย่างอื่นก็แล้วกัน”
ก้อนเล็กๆ จุกขึ้นมาตรงที่ลำคอ หญิงสาวจิกนิ้วตัวเองจนเจ็บ พยายามห้ามไม่ให้น้ำตาไหลรินออกมา เข้มแข็ง... บอกตัวเองว่าหล่อนต้องผ่านพ้นเวลานี้ไปได้อย่างอดทน
“ทำไมคุณต้องเลือกวิธีนี้ด้วยคะคุณทิม ถ้าคุณเองก็ไม่ได้อยากได้ฉันจริงๆ ทำไมคุณไม่ให้โอกาสฉันหาเงินมาชดใช้”
“อย่างที่บอกแต่แรก ผมไม่คิดว่าคนอย่างคุณจะหาได้ หนึ่งล้านบาทแลกกับสาวพรหมจรรย์มันก็สมเหตุสมผล อาจจะมากไปนิดหน่อยแต่ไม่เป็นไร... สาวพรหมจรรย์สมัยนี้มันก็หายากไม่ใช่หรือคุณ?” เขาเว้นคำชั่วอึดใจ กวาดตามองร่างบางในชุดแขนยาวกลัดกระดุมถึงคอและกระโปรงยาวเลยเข่าอย่างพินิจ ก่อนจะถาม “หรือว่าคุณไม่ใช่สาวพรหมจรรย์?”
“คุณธฤต!” ใบหน้าหล่อนร้อนแดงสลับชา กำมือจนแน่นแต่ก็ไม่สามารถสั่งให้ตอบโต้เขาได้อย่างใจคิด มือหนาเอื้อมมาเชยคางเรียว ก่อนจะยิ้มในหน้าเมื่อเห็นท่าทางตื่นตกใจของลูกหนี้ตัวเอง
“เลือกทำสิ่งที่ง่ายเถอะ... หน้าที่ของคุณในบ้านหลังนี้ก็คือแค่ทำให้ผมพอใจ งานบ้านงานเรือนอื่นๆ มีคนทำให้อยู่แล้ว ป้าจิตจะดูแลเองไม่ต้องเหนื่อย หน้าที่ของคุณ แค่ปรนนิบัติผมก็เพียงพอ” เขาเอียงคอยามพิศมองดวงตาสีนิลใส ลูกกวางน้อยที่ตื่นตระหนก...
“ทำให้คุ้มค่าเงินก็แล้วกัน ดอกเบี้ยเดือนละสองหมื่นไม่ใช่น้อยที่ผมเอาตัวคุณมาทดแทน อย่าให้ผมต้องรู้สึกเสียดายเงิน... หน้าที่นี้อาจจะยังใหม่สำหรับคุณ ผมจะอนุญาตให้คุณพักได้สองสามวัน เตรียมตัวให้พร้อม ก่อนจะค่อยเริ่มงาน”
“คุณทิม”
ไหล่บางห่อลู่ คอตกด้วยความทดท้อ การเจรจาที่ไม่เป็นผลสำเร็จ ในสีหน้าที่ดูเหมือนเรียบเรื่อย เจือรอยยิ้มประดับ ลึกลงไปข้างในหล่อนก็รู้ว่าเขา ‘เอาจริง’ ไม่ใช่น้อยเลย
เอาเถิด อย่างน้อยเขาก็ยังแสดงความ ‘ใจดี’ ให้หล่อนได้เตรียมตัวเตรียมใจ ‘ทำใจ’ ก่อนเริ่มงานตั้งสองสามวันไม่ใช่หรือไร?
เจ้าของบ้านจากไปแล้ว เขากลับไปห้องทำงานที่เป็นกึ่งห้องสมุด ทิ้งหญิงสาวไว้เพียงลำพังในห้องนอนใหญ่กว้าง เตียงขนาดคิงไซส์แลดูนุ่มสบายน่าทิ้งตัวลงไปจมอยู่ในนั้น... หากในยามนี้ หล่อนกลับรู้สึกกลัวไปหมดทุกอย่าง
ห้องของเขาดูรกไม่ค่อยเป็นระเบียบ ข้าวของวางเกะกะอาจเพราะป้าจิตไม่ได้เข้ามาดูแลมากนักในพื้นที่อันเป็นส่วนตัวของเจ้านาย เสื้อใส่แล้วถูกกองรวมไว้ในตะกร้า บางตัวก็เปรอะเปื้อนดูสมบุกสมบัน
เจ้าหนี้ของหล่อนเป็นคนทำงาน ตุลยาสรุปได้คร่าวๆ จากสิ่งที่เห็น และงานของเขาก็คงจะยุ่งเหยิงมากพอจนเจ้าตัวไม่ได้มีเวลามาใส่ใจตัวเอง
หล่อนกวาดสายตาไปรอบห้อง ก่อนจะหยุดลงตรงที่กรอบรูปหนึ่งที่วางอยู่ข้างกระจกแต่งตัว... ในกรอบนั้นเป็นรูปผู้หญิงสาวใบหน้าเรียว สวยหวานจัดจนคนมองเผลอละสายตาไม่ได้ ผมของหล่อนเป็นสีน้ำตาลอ่อนสลวย ดวงตากลมโตเหมือนตุ๊กตา ริมฝีปากแย้มนิดๆ เป็นรอยยิ้มที่ชวนสะกดใจ
หล่อนเป็นใครกันหนอ...
ตุลยาได้แต่เก็บความสงสัยนั้นไว้ในใจ ไม่รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นจะเป็นใคร หากแต่หล่อนคงเป็นคนสำคัญของธฤต น่าแปลก... ในเมื่อเขามีคนในดวงใจของเขาแล้ว เหตุใดยังต้องให้หล่อนมาใช้หนี้ด้วยการเอาตัวเข้าแลกเช่นนี้ด้วยเล่า?
คนเรามีดอกฟ้าอยู่กลางใจ... ไฉนเลยจะก้มต่ำลงมาหาดอกหญ้าบนดินโคลนข้างทาง
