บท
ตั้งค่า

บทที่ 3

ฟาร์มธนัญชัย เป็นฟาร์มขนาดใหญ่ รองรับโคนมวัยสาวได้มากกว่าพันตัว อาณาเขตกินเนินเขาในละแวกใกล้เคียงไปหลายลูก ครั้นมองออกไปตามทิวก็แลดูไกลลิบสุดลูกหูลูกตา หญ้าบนพื้นเขียวขจี กว้างใหญ่เสียจนตุลยายังคงต้องยืนมองอยู่อีกครู่ใหญ่ด้วยความอัศจรรย์ใจ

เดินทางในฟาร์มแห่งนี้คงต้องใช้รถ หากเดินด้วยเท้าเปล่า เสียเวลาเป็นวันคงยังเดินได้ไม่ถึงชายขอบ...

นายเผือก คนขับรถที่ทำหน้าที่รับหล่อนมาจากบ้าน ลงจากรถเงียบๆ ก่อนจะเปิดประตูหลังแล้วเอากระเป๋าของหล่อนไปเก็บไว้ให้ตามหน้าที่ ตลอดทางที่ผ่านมานายเผือกพูดกับหล่อนน้อยคำ อาจจะเพราะไม่คุ้นชินกับ ‘ผู้หญิง’ คนใหม่ของเจ้านาย

“ตาลถือเองก็ได้ค่ะ กระเป๋าใบเล็กๆ ไม่หนักเท่าไรหรอก”

หากแต่ก็ยังไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองจากคนขับรถประจำฟาร์ม นายเผือกเอากระเป๋าของหล่อนไปวางไว้ตรงธรณีประตู ที่ซึ่งมีเด็กวัยรุ่นสาวอีกคนยืนรออยู่แล้วด้วยสีหน้าตึงๆ กึ่งบึ้ง... ไม่ยิ้มแย้ม สีหน้าทุกคนเมียงมองหล่อนราวตัวประหลาด

“เชิญเข้าด้านในก่อนเถอะค่ะ เดี๋ยวให้มะลิพาคุณขึ้นไปที่ห้องพัก”

ด้านในบ้านหลังใหญ่ดูร่มรื่น ตกแต่งด้วยความทันสมัย ต้นไม้ใหญ่ปลูกเรียงรายเป็นแนวล้อม บางบริเวณยังมีของวางระเกะระกะ อุปกรณ์ในฟาร์มชิ้นใหญ่ที่หล่อนไม่รู้จักและไม่เคยเห็นวางอยู่ทั่วไปตามบริเวณขอบรั้ว

หล่อนยืนคว้างอยู่เพียงลำพังตรงห้องโถงของบ้านใหญ่ กระเป๋าเดินทางถูกเก็บไปแล้วด้วยฝีมือของมะลิ เด็กสาวที่มองหล่อนด้วยสายตาประหลาดเมื่อครู่ก่อน ตุลยาถอนหายใจ ไม่นึกอยากขยับตัวเดินไปที่ไหนเลย

“แม่เขาถึงกับฆ่าตัวตายเลยเหรอ?”

เสียงพูดคุยกันที่ดังลอดมาจากบานประตูทำให้หญิงสาวได้ยินโดยไม่ตั้งใจ... เสียงของป้าจิตนั่นเอง ถามมะลิด้วยความสงสัยใคร่รู้ อีกฝ่ายก็ตอบด้วยเสียงชัดถ้อยจำนรรจา

“ใช่ค่ะ กินพาราไปเป็นกำๆ ดีว่าหามส่งโรงพยาบาลทัน สงสัยจะเครียด”

“ถึงต้องส่งลูกสาวมาเป็นตัวหักหนี้แทนนี่น่ะรึ คนอาไร้ ขายลูกขายเต้าได้ลงคอ”

“ในตลาดเขาบอกมะลิว่าคุณคนนี้เขาเป็นลูกชัง แม่เขาน่ะมีสามีหลายคน แต่ไม่ชอบคนสุดท้าย พอตายไปก็เลยพาลเกลียดลูกคนเล็กด้วย กับลูกสาวอีกสองคนแม่เขาดี๊ดี กลับบ้านมาทีไรก็แต่งตัวหรูหราฟุ่มเฟือยตลอด คุณทิมก็คงรู้ ก็เลยไม่ยอมให้ผัดผ่อนหนี้ เสียนิสัย”

“กลัวใจ... ลูกสาวจะได้เชื้อแม่มามากแค่ไหน คุณทิมนะคุณทิม ทำอะไรไม่คิดบ้างเลย ปะเหมาะจะประชดคนอื่นก็หาเรื่องเข้าใส่ตัวได้”

“คุณทิมตอนนี้คงไม่ปกติสักเท่าไรนักหรอกค่ะ มะลิว่า ตั้งแต่โดนคุณลินทิ้งไป ก็อารมณ์แปรปรวนง่ายกว่าเดิมเป็นเท่าตัว คุณทิมรักคุณลินเหมือนจะเป็นจะตาย คุณลินทิ้งไปก็คงจะเจ็บ เลยพยายามจะหาคนอื่นมาทดแทน”

เสียงซุบซิบยังคงดังต่อไปด้วยคนข้างนอกไม่รู้ว่าเสียงเล็ดลอดเข้ามาได้... ตุลยารู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ใบหน้าร้อนผ่าวสลับกับด้านชาจนแทบไม่รู้สึกอะไร

อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ... แต่ทำไมถึงรู้สึกเจ็บปวดช้ำกว่าเอามีดไปกรีดหิน

“คุณทิมมีห้องพักสองห้อง ห้องแรกจะอยู่ในห้องสมุด อีกห้องก็คือห้องใหญ่ตรงกลาง ป้าให้มะลิเอากระเป๋าเข้าไปเก็บให้คุณแล้ว” ป้าจิตบอก ขณะเดินเข้ามาเห็นร่างบางนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ ทอดตามองสวนหินเล็กๆ ที่อยู่นอกบานหน้าต่างใหญ่อย่างเหม่อลอย

“ขอบคุณมากค่ะป้า ที่จริงตาลเอาขึ้นไปเก็บเองก็ได้”

“บ้านนี้อยู่กันไม่กี่คนเท่านั้น คนงานส่วนใหญ่จะอยู่ที่เรือนคนงาน ห่างจากบ้านนี้ไปอีก ที่นี่มีเฉพาะคุณทิม ป้า มะลิ แล้วก็ลุงเผือก คนที่มาส่งคุณเมื่อสักครู่ก่อน”

“ค่ะ”

“คุณทิมออกไปโรงเลี้ยงวัวค่ะ กว่าจะกลับคงอีกพัก น่าจะเป็นช่วงเย็น คุณทิมบอกให้คุณพักผ่อนไปก่อน เสร็จงานแล้วจะค่อยมาคุยด้วยทีหลัง”

“ค่ะ คุณป้า”

ท่าทางเรียบๆ ตอบถนอมคำ ทำให้แม่บ้านใหญ่ของธฤตพิศมองหญิงสาวตรงหน้า... หล่อนดูซื่อ ไม่แพรวพราวเหมือนมารดาอย่างที่เคยคิดไว้ ใบหน้างามเนียนละเอียด ไร้การแต่งแต้มใด ไม่ปัดแก้ม ไม่ทาปากสีฉูดฉาด เสื้อผ้าใส่รัดกุม ไม่เปิดเผยเรือนร่างเหมือนอย่างสาวสมัยใหม่

แต่นั่นแหละทุกอย่างต้องใช้เวลา อะไรที่เห็นแวบแรกคิดว่าดี สุดท้ายอาจจะกลับกลายเป็นคนละสิ่งได้ด้วยซ้ำไป

รถจิ๊ปคันกะทัดรัดขับลงมาจากเนินเขาเตี้ยๆ อันเป็นที่ตั้งของโรงเรือนเลี้ยงแม่โคนม ชายหนุ่มสองคนนั่งมาเคียงคู่กัน คนหนึ่งเคร่งขรึมจับพวงมาลัยบังคับให้รถไปในทิศทางที่ต้องการ อีกคนเอนหลังพิงเบาะในอาการแสนสบาย ผิวปากเล่นกับสายลม

“รีบกลับบ้าน... จะไปต้อนรับเมียใหม่หรือยังไง?”

ไม่มีคำตอบจากเพื่อนสนิท หากเกริกเกียรติก็ไม่สนใจ เหลือบมองเสี้ยวหน้าคมด้วยสายตาเป็นกังขา

“นึกอะไรขึ้นมา อยู่ๆ ถึงเอาผู้หญิงมาใช้หนี้ ผู้หญิงหัวนอนปลายเท้าจากไหนก็ไม่รู้”

“ก็แม่เขาเป็นหนี้อยู่หนึ่งล้านบาท ดูท่าไม่มีปัญญาจะจ่ายจนต้องกินยาฆ่าตัวตาย นายจะให้ฉันทำยังไง”

“จะทำตัวเป็นพ่อเลี้ยงเถื่อนแบบในนิยายหรือไง... คุณทิม” ท้ายเสียงเขาดัดแหลมให้มีจริต กวนประสาทคนหน้านิ่งที่ขับรถอย่างมีสมาธิ “ฉันเกลียดคุณ ฉันอยู่กับคุณเพื่อชดใช้หนี้เท่านั้น”

“ประสาท”

คนเป็นเพื่อนยักไหล่ กลอกตารับในคำสรรเสริญนั้น

“หรือนายจะให้ฉันยกหนี้หนึ่งล้านให้แม่เขาเฉยๆ”

“เยอะไป”

ธฤตเหลือบมองเพื่อนชายแวบหนึ่ง ก่อนจะโคลงศีรษะ

“เป็นสุภาพบุรุษมามากพอแล้ว ขอเป็นคนเถื่อนบ้างจะเป็นไรไป... เป็นสุภาพบุรุษแล้วชีวิตฉันมันได้อะไรขึ้นมาหรือไง”

เพราะลึกลงไปในน้ำเสียงนั้นทำให้เกริกเกียรติต้องถอนหายใจ ทราบว่ามีความรู้สึกบางอย่างที่เพื่อนยังคง ‘พยายาม’ ที่จะปิดไว้ หากปิดอย่างไร ชั่วขณะที่เผลอ ใจก็กลับแสดงออกมาอยู่ดี

“นายจะเอาเรื่องคุณลินดามาตัดสินเป็นมาตรฐานเดียวกับผู้หญิงคนอื่นไม่ได้หรอกนะ”

“พูดเรื่องอะไร?”

“แม้เถาวัลย์พันเกี่ยวที่เลี้ยวลด ก็ไม่คดเหมือนหนึ่งในน้ำใจคนนะทิม... นายแน่ใจได้ยังไงว่าผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนดี เขาเติบโตขึ้นมาท่ามกลางครอบครัวอย่างนั้น นายไม่กลัวเขาจะเจริญรอยตามแม่ตัวเองหรือยังไง?”

“ฉันไม่รู้ ฉันเคยคุยกับเขาแค่ครั้งเดียวก็ดูโอเคอยู่นี่” ภาพเสี้ยวหน้างามซูบซีด ตัวเล็ก ดวงตาดูหม่นหมองปรากฏขึ้นมาในความทรงจำ ริมฝีปากเรียวโค้งขยับเบาๆ เป็นเชิงหมิ่น “จะไปสนใจอะไร ฉันไม่ได้เอาเขามาจดทะเบียนถูกต้องตามกฎหมายสักหน่อย ตรวจดูว่าไม่มีโรคก็พอแล้วไม่ใช่เหรอ?”

“นี่นายคิดว่าซื้อคนหรือซื้อพ่อพันธุ์วัวตัวใหม่?”

“โคนมของฉันไม่ได้มีราคาแค่ล้านเดียวอย่างแน่นอน อาจจะมีค่ามากกว่าผู้หญิงหลายคนเสียด้วยซ้ำ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิง บอกตามตรงเลยว่าเข็ด ไม่มีผู้หญิงคนไหนไม่เห็นแก่เงินทองแล้วก็ความหรูหราฟุ้งเฟ้อหรอก นอกจากแม่ชีเท่านั้นแหละ” เขาตอบพลางเลือกจอดรถลงตรงที่ว่างข้างบ้านหลังใหญ่ กระโดดลงมาจากรถจิ๊ปของตัวเอง เช่นเดียวกับเกริกเกียรติที่เดินเข้าไปในบ้าน นำหน้าเพื่อนชายด้วยความคุ้นชินราวกับยิ่งกว่าเป็นบ้านของตัวเอง

“ป้าจิต มีอะไรให้ผมกินบ้าง”

เสียงโหวกเหวกดังมาก่อนตัวเป็นเอกลักษณ์ ยังผลให้แม่บ้านใหญ่รีบวิ่งกระวีกระวาด ยิ้มด้วยความยินดีเมื่อเห็นว่าแขกประจำกลับมาพร้อมกับเจ้านาย

“คุณก้อง มอมแมมมาเชียว คลุกกับแม่ตัวไหนมาคะ ดูซิหน้ายังเปื้อนดินอยู่เลย คุณทิมไม่ได้บอกให้คุณไปล้างหน้าเหรอ?”

“มัวแต่ยุ่งไม่ทันได้สังเกตฮะ” เกริกเกียรติยกมือขึ้นป้ายเศษดินจากข้างแก้มลวกๆ ลวกจนอีกฝ่ายจุปาก ทนไม่ไหวก็หยิบผ้าผืนเล็กๆ มาเช็ดออกให้อย่างอ่อนโยน

“อย่างกับแมวคราว... พอกันเลยกับคุณทิม อย่างนี้ความหล่อถูกขี้ดินบังเอาไว้หมด จะมีสาวที่ไหนมาสนใจมองไปใต้ขี้ดินบนหน้าคุณก้องเนี่ย”

“โอ๊ย... ผมน่ะแค่สัตวแพทย์จนๆ จะมีอะไรไปดึงดูดสาว ไม่เหมือนเจ้านายป้าจิตนี่ มีเงินจะซื้อผู้หญิงกี่คนมาอยู่ด้วยกันก็ได้”

“แหมคุณก้อง” ป้าจิตหรี่เสียง คว้าแขนเพื่อนสนิทของเจ้านายเข้ามาใกล้พลางว่า “รู้ด้วยหรือคะเรื่องผู้หญิงคนใหม่ของคุณทิม เพิ่งมาถึงเมื่อเที่ยงนี้เองค่ะ ชื่อคุณตุลยา ลูกสาวคุณตันหยงที่อยู่ในตลาดในเมืองนั่นไงคะ คุณเคยได้ยินชื่อหรือเปล่า?”

“ผมไม่ค่อยรู้จักคนหรอกป้าจิต ใครจะรู้จักคนไปทั่วเหมือนมะลิล่ะ”

“คุณก้องเนี่ย”

สัตวแพทย์หนุ่มหัวเราะเสียงดัง เป็นเวลาเดียวกับที่ธฤตเดินเข้ามาร่วมวงสนทนา... แม่บ้านใหญ่ค้อนขวับ ยังไม่หายกะหลับกะเหลือกกับเจ้านาย

“คุณทิมน่ะ กำลังฟ้องคุณก้องเรื่องคุณทิม”

“เรื่องอะไรครับ?”

“เรื่องที่คุณทิมทำตัวไม่น่ารักน่ะสิคะ มีที่ไหนให้ผู้หญิงเขาเอาตัวมาขัดหนี้ขัดดอก เป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจนะคะ”

‘เจ้านาย’ ตีหน้านิ่ง วางเฉย ขณะบอกด้วยน้ำเสียงปกติว่า

“เท่าที่ดูเขาก็ดูโอเคอยู่นะป้าจิต การแต่งตัวก็ดูสุภาพเรียบร้อย ป้าจิตได้พบเขาแล้วไม่ใช่เหรอ”

“อยู่ข้างบนโน่นค่ะ เพิ่งให้ขึ้นไปพักผ่อนเปลี่ยนเสื้อผ้า” ท้ายประโยคอดลงเสียงอ่อนไม่ได้ “ก็ดูนิ่มๆ น่าสงสารอยู่เหมือนกัน หน้าตาดูเศร้าหมองไม่ค่อยมีความสุขเท่าไร... เขาไม่ค่อยเหมือนแม่เขาเลยนะคะ คุณตุลยาเนี่ย นึกว่าจะเปรี้ยวเหมือนตันหยง เอาเข้าจริง ลูกหลงมาจากไหนก็ไม่รู้”

“พูดเสียอยากเจอ แต่ว่าเห็นจะต้องขอตัว วันนี้นัดลูกค้าไว้ เขาจะเอาโกลเดนมาทำหมันที่คลินิก ไว้โอกาสหน้าก็แล้วกัน จะมาทำความรู้จักกับว่าที่สะใภ้ฟาร์มโคนมสักหน่อย”

“พูดเป็นเล่นไปคุณก้อง” ป้าจิตขยับค้อนก่อนจะมองหน้าเจ้านายด้วยความประหวั่น “คุณทิมคงไม่ได้จริงจังอะไรขนาดนั้นหรอกใช่ไหมคะ?”

ธฤตไม่ตอบ เลี่ยงออกไปส่งเกริกเกียรติที่หน้าบ้าน ทิ้งให้แม่บ้านใหญ่ได้แต่ถอนหายใจ... ความกังวลแล่นขึ้นมาเวียนอยู่ในศีรษะ อดห่วงไม่ได้ เพราะชื่อเสียงของตันหยงนั้นถือว่าไม่น้อยหน้าใครเลยในเรื่องของพฤติกรรม ทั้งเรื่องการงาน ความรับผิดชอบ และเรื่องชู้สาว

ลูกไม้... มันจะหล่นไกลต้นไปได้อย่างไรกันเล่า...

เจ้าของร่างสูงสมส่วนเดินกลับเข้ามาหลังจากควันตลบจากรถของเกริกเกียรติจางลงไปแล้ว เหงื่อหยดเล็กๆ เปื้อนตามใบหน้า เขาใช้หลังมือปาดทิ้ง เงยหน้ามองบานประตูห้องนอนของชั้นสอง ลืมไปชั่วขณะว่ามี ‘สมาชิกใหม่’ ที่ได้เข้ามาอยู่ร่วมชายคาแล้วอีกคนหนึ่ง

‘เธอ’ ก็คงเป็นผู้หญิงเหมือนผู้หญิงอื่นๆ ที่ดาษดาอยู่ทั่วไปนั่นแหละ...

เงินหนึ่งล้านบาท... ใช่... เขาไม่ผัดผ่อน เพราะไม่อยากให้ลูกหนี้เสียนิสัยไปมากกว่านี้ ตันหยงหยิบโหย่ง ไม่เคยตั้งใจจริงจังที่จะทำงานมาใช้เงิน ต่อรองไปเรื่อยจนเขารู้สึกว่าถึงเวลาที่ตัวเองต้องจริงจังเสียที

บางทีบางครั้งเขาอดคิดไม่ได้ว่า เขาประเมินตันหยงผิดไปหรือเปล่า... ผู้หญิงบางคนอาจจะเดือดร้อน แต่ดูเจ้าตัวไม่ได้เดือดร้อนสักเท่าใดนักเลยกับการที่จะเลือกขายลูกมาใช้หนี้ให้เขา

บางทีหมากกระดานนี้เขาอาจจะเดินเกมผิดพลาดไป

เอาเถอะ... เป็นสุภาพบุรุษมาเยอะแล้ว... เป็นจนกลายเป็นคนโง่เง่า สุดท้ายก็ต้องเสียของที่ตัวเองรักไปให้คนอื่น

...เป็นคนเถื่อนดูบ้างจะเป็นไรไป?...

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel