บทที่ 2【1】
วันนี้หญิงสาวเสียเวลาไปครึ่งค่อนวัน กว่าเรื่องจะจบ จริง ๆ เธอกลับเลยก็ได้ แต่ระหว่างโบกแท็กซี่...
“ไร้ความรับผิดชอบ เรื่องทั้งหมดคุณก่อแต่กลับจะมาทิ้งผมไว้คนเดียวแบบนี้เนี่ยนะ!” เจ้าของรถ 911 Carrera S ได้แต่พูดว่าถ้าคุณไม่เบรกรถกะทันหันแบบนี้ ผมจะมาเสียเวลาตรงนี้ไหม!!
สุดท้ายแสงเทียนก็เลยต้องรอจนลูกน้องเขาเอารถมาเปลี่ยนให้ถึงจะแยกย้ายกันกลับ
“ฉันจะรอจนกว่าลูกน้องคุณจะมา แต่ขอร้องคุณอย่าพูดเสียงดังแมวจะตกใจ” หญิงสาวบอกไปตามความจริง ไม่มีใครอยากให้เกิด และถ้าเป็นเขา... จะเหยียบลูกแมวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งลงเหรอ
ระหว่างที่ยืนรอ หญิงสาวเหลือบมองผู้ชายข้าง ๆ เขาสูง 180 กว่าเห็นจะได้ เขาเป็นผู้ชายที่หล่อเข้ม ผิวขาว ผมรองทรงสั้นสีน้ำตาลอ่อน จมูกโด่ง สันกรามด้านข้างคมกริบ รูปร่างจัดว่าดี แต่งตัวตั้งแต่หัวจรดเท้าเรียกว่ารสนิยมดีเยี่ยม!
ตอนที่ได้ยินเสียงชนท้าย เธอตกใจมากและมองไปกระจกหลัง พอเห็นว่ารถอะไรมาจูบท้ายรถเธอก็รู้ว่าความซวยน่าจะมาเยือนแล้ว รถรุ่นใหม่ล่าสุด... รุ่นเดียวกับพี่ชายเธอ Porsche 911 Carrera S
แมวตัวน้อยมาวิ่งตัดหน้ารถจนเธอต้องเบรกหัวทิ่ม! พอคิดดูแล้วก็อยากจะป่วยมากเลย รถคันใหม่ของเธอก็โดนชนท้ายขนาดนี้ และยังโดนผู้หญิงแม่วัวนมก่นด่าอีก... หลังจากนี้เธอคงต้องไปทำบุญล้างซวยแล้ว
“คุณทิ เป็นอะไรมากไหมครับ” หญิงสาวได้ยินเสียงคนวิ่งกระหืดกระหอบมาทางนี้ แต่ไม่หันไปดูตามนิสัย อีกอย่างกลัวเขาจะหาว่าสอใส่เกือก
“จุกอกนิดหน่อย ฉันโทรบอกรถสไลด์แล้วจัดการต่อด้วย” ชายหนุ่มเอ่ยเสียงดังจนคนถามรู้สึกแปลกใจ แต่แล้วก็หายสงสัยเพราะเห็นเจ้านายเหลือบสายตาไปมองผู้หญิงอีกคนที่ยืนอยู่ไม่ไกล เธอยืนหลังตรงเป็นไม้บรรทัด ในอ้อมแขนมีลูกแมวสภาพมอมแมมอยู่ตัวหนึ่ง...
“คุณบาดเจ็บตรงไหนไหม? เจ็บหน้าอกเหรอ?” เมื่อได้ยินทิติยะพูดแบบนั้น แสงเทียนหันขวับไปทันที
ทิติยะแสร้งทำเป็นไม่สนใจคำถามเธอ หญิงสาวจึงเอื้อมมือมาดึงแขนเสื้อชายหนุ่มให้หันมาคุยกับเธอก่อน โดยลืมไปว่าเขาคุยกับลูกน้องอยู่
“คุณไม่เห็นเหรอว่าผมคุยธุระอยู่?” ทิติยะเอ่ยตำหนิ แต่แววตาคมเข้มกลับแพรวระยับ
‘ดิน’ เลขาส่วนตัวของทิติยะเข้าใจในสถานการณ์ตรงหน้าเป็นอย่างดี... เหมือนดินจะรู้ว่านี่คือแผนการของเจ้านาย คนเป็นลูกน้องจึงทำหน้านิ่ง แต่ดวงตายิ้ม!
“ฉันขอโทษ และขอโทษคุณด้วยที่เสียมารยาท” แสงเทียนเอ่ย ขอโทษจากใจจริง และมองไปทางดินพร้อมกับค้อมศีรษะให้เล็กน้อย ก่อนจะเดินถอยหลังกลับไปที่เดิม
“คุณทิ... จะไปไหนครับ” ดินเอ่ยถามเสียงเบา
“รู้แล้วจะถามทำไม” ทิติยะตอบกลับไปพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม
“เธอดูห่วงคุณนะครับ” ดินมองไปทางผู้หญิงที่เจ้านายสนใจ
“จะไม่ห่วงได้ไง รถยับขนาดนั้นก็ต้องเจ็บบ้างธรรมดา” มือหนาแสร้งทำจับตามเนื้อตามตัว และส่งเสียงร้องประหนึ่งว่าเจ็บปวดมาก
แม้เสียงไม่ดังมาก แต่คนที่เฝ้ามองอยู่อย่างแสงเทียนได้ยินมันชัดเจนเต็มสองหู!
“คุณ... ผมจะกลับแล้วนะ คุณก็กลับได้แล้ว” ทิติยะทำทีเดินไปยังรถยนต์คันที่ดินขับมาเปลี่ยนให้
“เดี๋ยวสิคุณ! คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย!” แสงเทียนเดินมาดักข้างหน้า
“คำถามอะไร?” ชายหนุ่มถามกลับอย่างไขสือ
“ฉันถามว่าคุณบาดเจ็บตรงไหนไหม...” ดวงตากระปุกกลมโตจ้องมองเขาอย่างรอคอยคำตอบ เพียงแค่สบตาทิติยะกลับไปไม่เป็นจนต้องเบือนสายตาหลบมองข้างทางแทน
“คุณคะ... คุณเจ็บใช่ไหม” มือเรียวยกขึ้นจับต้นแขนของเขา
“แล้วคุณคิดว่าการที่คุณเบรกรถแบบนั้น รถผมชนขนาดนี้ มันทำให้ผม...” เธอยกมือขึ้นห้าม และแบมือมาตรงหน้าเขา
“อะไร?”
“กุญแจรถคุณค่ะ แยกข้างหน้ามีโรงพยาบาลไปตรวจหน่อยเถอะ ฉันไม่สบายใจเลย” แสงเทียนเอ่ยบอก พร้อมกับมองเขาด้วยแววตาห่วงใยจนทิติยะรู้สึกผิดที่โกหก
ชายหนุ่มวางกุญแจลงบนฝ่ามือขาวซีดนั่น และเดินอ้อมมานั่งที่ด้านหน้าข้างเบาะคนขับ แสงเทียนสตาร์ทรถพร้อมกับเปิดแอร์ทิ้งไว้ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถตนเอง
ทิติยะจ้องมองหญิงสาวร่างบางระหงที่กำลังขนของในรถยนต์ของเธอ ร่างเล็กนั้นมุดเข้ามุดออก สูทสีดำตัวเล็ก โน้ตบุ๊ก กระเป๋าสะพาย และกล่อง... ดูแล้วน่าจะเป็นกล่องรองเท้า และเดินถือของพะรุงพะรังกลับมาที่รถเขา
ชายหนุ่มเปิดประตูจะลงไปช่วย แต่เธอตะโกนบอกว่าไม่ต้องช่วย เธอทำได้สบายมากให้เขารอในรถไปเถอะแอร์เย็น ๆ
เธอขนของมาไว้ในรถเขา และไม่ลืมที่จะเอารองเท้า YSL ส้นสูงสีดำออกจากกล่อง และเอาแมวน้อยใส่ลงไปในกล่องนั้นแทน
“เรียบร้อยแล้ว อย่าดื้อล่ะ” เธอเอ่ยบอกเจ้าแมวน้อย และขึ้นนั่งประจำที่คนขับ
“คาดเข็มขัดได้ไหม?” หญิงสาวเห็นเขาทำท่าทีเหมือนขยับไม่ถนัดก็นึกขึ้นได้ว่าเขาคงจะคาดเข็มขัดไม่ได้
ทิติยะไม่เสียแรงเปล่า รีบส่ายศีรษะในทันที ดวงตาคมจ้องมองเสี้ยวหน้าเธอนิ่ง เธอถามทั้งที่ดวงตาและมือยังคงยุ่งอยู่กับการปรับเบาะและกระจกรถให้พอดีกับร่างกายตัวเอง
“รอแป๊บนะคะ” หญิงสาวเอื้อมมือซ้ายมาคว้าสายเบลท์ของเขาด้วยมือเดียว ทิติยะจ้องมองมือขาวซีดที่คว้ามั่ว ๆ และมันก็พาดลงมาบนหน้าอกแกร่ง
“ไม่ต้องคาดก็ได้ เพราะผมดึงไม่ไหวแขนเหมือนจะไม่มีแรง” เธอหันมาในทันทีพร้อมเอี้ยวตัวมาดึงสายเบลท์ของเขาและจัดระเบียบมันให้พอดี
