ดอกไม้ของจอมมาร

103.0K · จบแล้ว
ต้นอ้อ/ปั้นสิบ
52
บท
13.0K
ยอดวิว
8.0
การให้คะแนน

บทย่อ

"ฮ่าๆ ฉันโคตรชอบเลยเวลาที่เห็นเธอกลัว ถ้าพ่อกับแม่เธอยังอยู่แล้วเห็นว่าฉันกำลังทำอะไรกับลูกมันคงสะใจพิลึก" เขาหัวเราะออกมาราวกับคนเสียสติ มันยิ่งทำให้เธอรู้สึกกลัว "แต่ฉันก็เชื่อนะ ว่าพ่อแม่สารเลวของเธอก็ยังเฝ้ามองเธออยู่ตลอด หึหึ! อย่าเพิ่งไปเกิดล่ะ อยู่เป็นผี อยู่ดูความฉิบหายของลูกมึงเลย เพราะกูจะให้มันย่อยยับด้วยน้ำมือกูเอง" "ฮึก! คุณป๋า อย่าทำอะไรทานตะวันเลย ถ้าคุณป๋าเกลียดทานตะวัน ทานตะวันไปอยู่ที่อื่นไม่มาให้คุณป๋าเห็นหน้าตลอดชีวิตเลยก็ได้ ฮึก! แต่ขอร้องอย่าทำอะไรทานตะวัน" ยกมือไหว้เขาประหลกๆ ขอความเมตตาจากเขา ใบหน้าสวยเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา "ขอความเห็นใจจากฉันเหรอ?" เขาแสยะยิ้มแล้วนั่งยองๆ ยื่นมือมาบาดน้ำตาของเธอเบาๆ ทานตะวันขนลุกซู่เมื่อสัมผัสได้ถึงความโรคจิตจากเขา "อย่าทำอะไรทานตะวันเลย ฮึก" "ฉันก็อยากเห็นใจนะ แต่ ..." เขาเว้นวรรคแววตากระด้างนั้น ไม่ได้มีความสงสารแม้แต่น้อย "ความรู้สึกนั้นในใจฉันมันไม่มี"

นิยายรักนิยายปัจจุบันตลกรักหวานๆดราม่าแก้แค้นมาเฟียโรแมนติก

บทนำ

บทนำ

บรืน!บรืน!

รถสปอร์ตสุดหรูสองคันขับไล่ตามกันอย่างไม่ลดละไปตามท้องถนนในยามวิกาล เสียงของเครื่องยนต์ดังสนั่นหวั่นไหว จนรถที่กำลังสัญจรอยู่ต้องหลบทางให้

สายฝนตกพรำยิ่งทำให้ถนนลื่น ทำให้ผู้ที่เป็นสารถีประคับประคองยานพาหนะด้วยความยากลำบาก

"เอายังไงดีครับนาย" ลูกน้องเอ่ยเสียงสั่นจ้องมองกระจกหลัง

"ขับไปให้เร็วที่สุด ถ้าพวกมันตามทัน อย่าหวังว่าคนในรถจะรอด" ภาณุวัฒน์กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียด พร้อมกับกอดกระชับร่างบุตรสาวเข้าสู่อ้อมแขน

"พี่นุ ดาหลากลัวว่าพวกเขาจะ ..." ผู้เป็นภรรยาเอ่ยพลางยื่นมือไปจับแขนสามี

"ดาอย่ากังวลใจไปเลย ตราบใดที่พี่ยังมีชีวิตอยู่ ดากับลูกจะต้องปลอดภัย" ภานุวัฒน์เอ่ยอย่างมาดมั่น ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ก็อย่าหวังว่าเขาจะยอมให้ใครมาทำร้ายลูกกับภรรยาของเขาได้

"ค่ะ"

"หลับตาเอาไว้นะลูกรัก ได้ยินเสียงอะไรก็อย่าลืมตาขึ้นดู"

"ค่ะพ่อ"

เด็กหญิงพยักหน้า กอดตุ๊กตาแน่นหลับตาปี๋ด้วยความตื่นกลัว

ปัง!ปัง!ปัง!

"โคร้ม!"

"กรี๊ดด!" เสียงกรีดร้องดังสนั่นร่างทั้งสามถูกเหวี่ยงกระแทกไปมา รถพลิกคว่ำหลายตลบจนกระทั่งนิ่งอยู่กลางถนน ชายร่างสูงลงจากรถในมือถือมัจจุราชสีดำมันวาวไว้ในมือ

"พ่อขาแม่ขา" เด็กน้อยเอ่ยเสียงแผ่วเบา

ปัง!ปัง!ปัง เสียงปืนดังขึ้นหลายนัดพร้อมกับสติของเด็กน้อยที่ดับวูบลง...

ร่างหนาใบหน้าเรียบนิ่งก้าวย่างเข้าไปโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังพร้อมกับลูกน้องคนสนิทคู่ใจ เขาปรายตามองพยาบาลที่เดินคุยกันออกมาเพียงเล็กน้อยก่อนจะก้าวเข้าไปในลิฟท์

สายตาคมเข้มนั้นทำเอาพยาบาลทั้งสองที่หัวเราะต่อกระซิกกันอยู่นิ่งเงียบไปทันที เจ้าของใบหน้าคมเข้มแต่ทว่าเรียบเฉยนั้น ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายผู้ที่เดินหายเข้าไปในลิฟต์นั้นเป็นใคร

คริส ดำรงค์พงษ์เมธา ทายาทลำดับที่สี่ของวิคเตอร์ผู้ที่ถูกผู้คนมากมายขนานนามว่าเป็นชายที่ฆ่าคนได้อย่างไม่เกรงกลัว ชายผู้ที่มีธุรกิจมืดบนเกาะไข่มุก และเป็นมาเฟียอันดับหนึ่งของประเทศ

"ดาหลากับไอ้ภานุวัฒน์พวกมันตายแล้วครับนาย เหลือเพียงแต่ลูกสาวของมันที่รักษาตัวอยู่เท่านั้น" ลูกน้องหนุ่มรีบตรงมารายงาน พร้อมกับก้มหน้าอย่างสำรวม

"อืม" เขาเอ่ยตอบรับเพียงสั้นๆแล้วเดินตรงไป มือหนายื่นไปเปิดประตูแล้วผลักเข้าไปเบาๆ ร่างเด็กหญิงตัวเล็กนั่งกอดตุ๊กตาตัวเล็กอยู่บนเตียง น้ำตาไหลพรากอาบแก้มนวลใส ร่างกายเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำและบาดแผล "แล้วต้องให้กูบอกมึงไหมว่าต้องทำยังไงต่อไป"

"นะ ...นายครับ เธอเด็กมากเลยนะครับนาย เธอไม่รู้เรื่องอะไรด้วยหรอกครับ"

"หึ! มึงคิดว่ากูควรไว้ชีวิตเด็กนี่เหรอ" เขาปรายตามองร่างเล็กเล็กน้อยแล้วเสหน้ามองอย่างอื่น

"เมตตาเธอสักนิดเถอะครับนาย"

"ดูเหมือนมึงจะพูดเยอะเกินไปแล้วนะอำพล"

"พ่อแม่เด็กก็ไม่อยู่แล้ว ญาติพี่น้องเธอก็ไม่มีแล้วครับนาย แค่นี้ก็ทุกข์ทรมานมากแล้ว ผมอยากให้นายเมตตาเธอสักนิด" อำพลเอ่บอย่างหนักใจ

"กูต้องฟังคำพูดมึงเหรอ"

"ธะ...เธอยังเด็กเธอไม่เกี่ยวกับเรื่องของผู้ใหญ่ ตอนนี้เธอสูญเสีย เธอไม่เหลือใครแล้ว" แม้จะเกรงกลัวผู้เป็นเจ้านาย แต่อำพลก็ไม่อาจเพิกเฉยปล่อยให้เด็กน้อยที่ไร้เดียงสาเป็นอะไรไปต่อหน้าได้ "ถือว่าผมขอร้องเถอะครับนาย เธอไม่เหลือใครแล้วจริงๆ"

ประโยคเอื้อนเอ่ยของลูกน้อง ทำให้ชายหนุ่นิ่งเงียบไปนานก่อนจะพยักหน้าตอบรับ

"ได้ รอดมาได้ก็นับว่าเป็นโชคดีของเด็กนี่ก็แล้วกัน ถ้าไม่มีญาติเดี๋ยวโรงพยาบาลเขาก็จัดการกันเองแหละ มึงพอใจหรือยัง" น้ำเสียงเข้มทำให้ทานตะวันต้องช้อนตาขึ้นมอง ในขณะเดียวกันชายตรงหน้าก็จ้องมองเธอไม่ต่างกัน

คนตรงหน้าเย็นชาน่ากลัวทานตะวันสัมผัสมันได้ เธอกอดกำชับตุ๊กตาแน่นก่อนจะล้มตัวนอนลงบนเตียงปล่อยน้ำตาไหลร่วงรินออกมาอีกครั้ง บิดามารดาผู้เป็นที่รักจากโลกใบนี้ไปแล้ว ก็มีเหลือเพียงแต่เธอ...ที่ต้องต่อสู้กับโลกที่แสนเลวร้ายนี้เพียงลำพัง

"ครับนาย" อำพลยิ้มออกมาอย่างดีใจ

"กูทำตามคำขอครั้งแรกและครั้งสุดท้าย ต่อไปไม่ว่ามึงจะขออะไร กูจะไม่ทำตามคำพูดของมึงอีก"

"ครับ"

"พ่อขาแม่ขาทำไมไม่เอาทานตะวันไปอยู่ด้วย ฮึก" เด็กน้อยวัยแปดขวบคร่ำครวญร้องไห้จวนเจียนจะขาดใจ โลกที่แสนสวยงามของเธอบัดนี้มืดมน เมื่อบุคคลอันเป็นที่รักจากไป

เธอมองไม่เห็นทาง มองไม่เห็นแสงสว่างอะไรอีกแล้ว

คริสเม้มปากเเน่นจ้องมองเด็กน้อยโดยที่เขาไม่เอ่ยคำพูดใดๆออกมา ร่างหนาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้อง

"นอนรักษาตัวเถอะนะ เอาไว้วันหลังลุงจะมาเยี่ยมหนูอีกนะ"

เด็กหญิงนอนร้องไห้เงียบๆ ไม่ได้เอ่ยตอบ อำพลถอนหายใจก่อนจะเดินไปที่ประตู เขาหันกลับไปมองคนที่ร้องไห้บนเตียงคนไข้อีกครั้งแล้วเดินออกไป

ทานตะวันร้องไห้หัวใจปวดร้าว อ้อมกอดอบอุ่นน้ำเสียงนุ่มๆนับจากนี้เธอคงจะไม่ได้ฟังอีกแล้ว ทุกอย่างมันจบแล้ว ไม่เหลืออะไรแล้ว...

ครอบครัวทุกอย่างไม่เหลือแล้ว ไม่มีอีกแล้วความสุข มันไม่เหลือแล้ว...

"มีงานต้องเคลียร์อีกนะครับนาย นายจะไปเลยไหมครับ"

"ช่างหัวงาน วันนี้กูมีทานข้าวกับพ่อแม่กู" คริสเอ่ยเสียงราบเรียบแล้วหยิบแท็บเล็ตขึ้นมาดูหุ้นที่พุ่งขึ้นไม่หยุด เขายิ้มมุมปากเล็กน้อยแล้ววางมันลงที่เดิม

"ไม่ว่าปีไหนๆนายก็ให้ความสำคัญกับครอบครัวเสมอเลยนะครับ"

"นายเราเย็นชาแต่ทว่าชัดเจนกับครอบครัวเสมอ" อาคมลูกน้องอีกคนเอ่ย

"อืม ครอบครัวสำคัญสำหรับกูเสมอ รีบไปเถอะ"

"ครับนาย" อำพลเอ่ยตอบรับแล้วเหยียบคันเร่งเร่งความเร็วรถไปอย่างรวดเร็ว

+++++++++++++