บท
ตั้งค่า

บทที่ 3 คิดจะกินเด็กก็ต้องทำใจ [2]

พอกลับมาถึงคฤหาสน์หรูชาลิดาก็รีบเอาของเข้าไปเก็บในห้องทันที ในขณะที่อีกฝ่ายเดินเข้ามาทีหลังพร้อมกับคุยโทรศัพท์ด้วยน้ำเสียงเครียดจนคนได้ยินอดเป็นห่วงไม่ได้

“คุณโรมหิวไหมคะ?”

“ฉันยังไม่หิว”

“คุณโรมดูเครียดๆ มีเรื่องไม่สบายใจเหรอคะ” เธอยังแสดงความเป็นห่วงอย่างจริงใจ

“เปล่า” เขาบอกปัด เสียงห้วนจัดจนรู้สึกได้

“มีอะไรก็ระบายได้นะคะ น้ำตาลยินดีรับฟัง”

ปกติแล้วคนเราเวลามีปัญหาเครียดๆ ก็ต้องอยากระบายออกมาไม่ใช่หรือ ชาลิดาแอบคิดในใจ

“บอกว่าไม่ต้องยุ่ง รู้ไปแล้วเธอจะช่วยอะไรได้ อยู่เฉยๆ ทำตัวให้น่ารักก็พอ” เสียงตะคอกดังกล่าวทำเอาคนถามไม่กล้าพูดอะไรอีก ได้แต่ก้มหน้านิ่งเก็บซ่อนน้ำตาเอาไว้พร้อมกล่าวคำขอโทษออกไป

“น้ำตาลขอโทษค่ะ”

เมื่อเห็นอาการของอีกฝ่ายโรมานี่ก็ไม่พูดอะไรอีก รู้ดีว่าเธอกำลังเสียใจกับคำพูดของตนเอง แต่ลองถ้าได้อารมณ์ไม่ดีแล้ว ไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้าหน้าไม่ติด

“ฉันจะออกไปข้างนอก ไม่ต้องรอนะ” เสียงทุ้มหันมาบอกอีกครั้งก่อนจะหุนหันออกไป

ชาลิดามองตามไปด้วยความเป็นห่วง ถึงจะโดนต่อว่าก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี ความรู้สึกแบบนี้คือรักหรือเปล่าเธอเองก็ไม่รู้ รู้แต่เพียงว่าอยากมีส่วนรับรู้ถึงปัญหาของเขาไม่ว่ายามทุกข์หรือสุข

โรมานี่เดินทางมายังบริษัทของตนเองพร้อมกับเรียกพนักงานที่มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาประชุมด่วนทั้งๆ ที่เป็นเวลาใกล้เลิกงานแล้ว ซึ่งพนักงานทุกคนที่นี่ต่างก็รู้ดีว่าต้องเกิดปัญหาขึ้นแน่ๆ

“ทำไมสินค้าของเราถึงไม่ผ่านมาตรฐาน พวกคุณทำงานกันยังไง เวลามีเรื่องอะไรเกิดขึ้นถึงไม่รายงานให้ผมรู้ ผมกลายเป็นหัวหลักหัวตอไปแล้วใช่ไหม?”

พอจบคำถามของผู้บริหารหนุ่มทุกคนต่างก็ก้มหน้านิ่งราวกับรู้ชะตากรรม ก่อนที่ผู้จัดการใหญ่ของแผนกจะเป็นฝ่ายทำลายสถานการณ์อึดอัดนี้ลง

“ขอโทษค่ะท่านประธาน ครั้งต่อไปทิพย์จะรอบคอบให้มากกว่านี้” กมลทิพย์ก้มหน้ากล่าวคำขอโทษเสียงเบา

“ไม่ใช่แค่ครั้งต่อไปนะคุณทิพย์ ต้องทุกครั้ง” เขาย้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงและท่าทางจริงจัง

“ค่ะท่านประธาน”

“ไหนๆ เรื่องก็มาถึงขนาดนี้แล้ว ผมไม่อยากโทษใคร เอาเป็นว่าทุกคนช่วยกันหน่อยนะ ผมไม่อยากให้พวกคุณต้องรู้สึกไม่ดีทั้งๆ ที่ทุ่มเททำงานมาตลอด”

คราวนี้โรมานี่เริ่มใช้น้ำเสียงที่อ่อนลงกว่าเดิม เข้าใจดีว่าคงไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

“ท่านประธานคะ พอดีมนมีเอกสารให้เซ็นด้วยค่ะ” มนทิราซึ่งมีตำแหน่งเป็นเลขาส่วนตัวของชายหนุ่มพูดขึ้นหลังจากที่ทุกคนทยอยออกจากห้องประชุมหมดแล้ว

“เอามาสิ เดี๋ยวผมเซ็นให้”

โรมานี่เงยหน้ามองนาฬิกาบนผนังซึ่งบอกเวลาสี่ทุ่มกว่า นี่เขาเข้ามานั่งทำงานต่อจนลืมเวลาไปเลย ใจนึกถึงเด็กสาวซึ่งรออยู่ที่บ้านหลังจากถูกดุเพราะอารมณ์โมโหชั่ววูบ

“กลับกันเถอะจิมมี่” ชายหนุ่มบอกกับลูกน้องคนสนิทที่รออยู่บริเวณหน้าห้องให้มุ่งหน้ากลับคฤหาสน์ทันที

ภาพที่โรมานี่เห็นขณะก้าวเข้ามาข้างในคือใบหน้าจิ้มลิ้มนอนหลับสนิทอยู่บนโซฟาตัวใหญ่กลางห้องโถง จนริมฝีปากหยักเผลอยิ้มออกมาไม่รู้ตัว คงจะรอฉันสินะเด็กน้อย ร่างสูงใหญ่สาวเท้าเข้าไปใกล้ๆ พร้อมกับเอื้อมมือไปลูบปอยผมที่ตกลงมาคลอเคลียบริเวณแก้มเนียนเบาๆ ด้วยความเอ็นดู

“ลูกแมวน้อย เธอน่ารักจนฉันห้ามใจตัวเองไม่ได้สักวินาที”

เมื่อเห็นว่าเจ้าหล่อนยังคงหลับสนิทและไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาง่ายๆ มือหนาจึงช้อนร่างบางเข้ามาในอ้อมกอดและตรงขึ้นไปยังห้องนอนชั้นบน

“น้ำตาลขอนอนหน่อยนะพ่อจ๋า น้ำตาลง่วง”

เมื่อวางร่างบางลงบนเตียง โรมานี่ก็แอบกดจูบลงไปบริเวณหน้าผากกลมมนด้วยความหมั่นเขี้ยวท่ามกลางเสียงร้องประท้วงเมื่อถูกรบกวนจากการนิทรา

“ฝันดีนะเด็กน้อย” เขากระซิบบอกอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าไปอาบน้ำและกลับมานอนบนเตียงเดียวกับเธอ

เช้าของอีกวันชาลิดาแอบบิดขี้เกียจเบาๆ แล้วลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ศีรษะเล็กสะบัดไปมาเพื่อไล่ความงุนงง พอมองไปรอบๆ ดวงตากลมก็เบิกกว้างด้วยความตกใจกับสถานที่ในตอนนี้ พร้อมคำถามมากมายว่าขึ้นมานอนอยู่บนนี้ได้ยังไง

“อุ๊ย คุณโรม” ชาลิดาอุทานออกมาด้วยความตกใจเมื่อเห็นเรือนร่างกำยำมีผ้าขนหนูพันอยู่บริเวณรอบเอวสอบเพียงผืนเดียวกำลังก้าวเท้าออกมาจากห้องน้ำ

“ตกใจอะไร ทำเหมือนไม่เคยเห็น” คนหน้าไม่อายถามด้วยน้ำเสียงล้อเลียน

“ก็...ไม่เคยเห็นนี่คะ” ชาลิดาก้มหน้าตอบ หลบสายตาคมที่มองมา ถึงจะเคยเห็นก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่เรื่องที่จะเอามาพูดสักหน่อย

“จริงหรือเปล่า งั้นลองมาดูตอนนี้เลยดีไหม” เจ้าของร่างสูงใหญ่พาตัวเองเข้ามานั่งใกล้ๆ พร้อมกับกระซิบชิดริมใบหู แอบทำเนียนขบเม้มลงไปเบาๆ จนเจ้าตัวถึงกับสะท้านไปทั่วกาย

“อื้อ! อย่าค่ะคุณโรม” น้ำเสียงหวานๆ ร้องห้ามด้วยใบหน้าแดงก่ำจนโรมานี่รู้สึกอารมณ์ดีที่ได้แกล้ง

“อย่าอะไร อย่าทำแบบนี้หรือว่าอย่าทิ้งเธอไปตอนนี้”

“อย่าทำแบบนี้ค่ะ”

“ฉันไม่แกล้งเธอก็ได้ เดี๋ยวฉันจะออกไปทำงานแล้ว” ชายหนุ่มบอกพร้อมกับลุกขึ้นเดินไปยังตู้เสื้อผ้าบานใหญ่เพื่อแต่งตัว

“ให้น้ำตาลช่วยไหมคะ” ชาลิดาลุกขึ้นเดินตามแผ่นหลังกว้างไปติดๆ พร้อมกับขันอาสาโดยการหยิบเสื้อเชิ้ตสีเข้มออกมาและเนกไทเข้าชุดกันส่งให้กับชายหนุ่ม

“รู้หน้าที่ดีนะเรา“ โรมานี่ยิ้มด้วยความเอ็นดูกับท่าทางน่ารักน่าปรารถนาของเด็กสาว

“น้ำตาลขอถามอะไรคุณโรมได้ไหมคะ” เจ้าตัวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ตัดสินใจพูดออกไปพร้อมกับเอียงหน้าน้อยๆ ลุ้นกับคำตอบที่จะได้รับ

“ถามอะไร...หืม?”

“ถ้าเกิดน้ำตาลยังเรียนไม่จบ แล้ว เอ่อ...น้ำตาลต้องไปจากที่นี่ คุณโรมจะยังส่งน้ำตาลเรียนอยู่ไหมคะ”

“แน่นอนสิเด็กน้อย ฉันอยากเห็นเธอมีอนาคตอยู่แล้ว” เขาตอบด้วยรอยยิ้ม แอบชื่นชมในความใจกล้าที่ถามตรงๆ เพราะความจริงแล้วตนไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นก็ได้

“ขอบคุณค่ะที่คุณโรมเมตตาน้ำตาล”

“ฉันไปทำงานก่อนนะ อ้อ! หยิบเงินที่วางอยู่บนหัวเตียงเอาไว้ใช้ แล้วก็อย่าลืมซื้อยาคุมมากินด้วย เธอน่าจะรู้ดีว่าในระหว่างนี้ต้องทำยังไง อย่าปล่อยให้เกิดขึ้นเด็ดขาดเพราะถ้าถึงเวลานั้นฉันก็ไม่รับรองเหมือนกันว่าเธอสมควรจะอยู่ที่นี่ต่อหรือเปล่า”

สิ้นเสียงแห่งคำสั่งเขาก็เดินออกไปทันที ไม่สนใจร่างบางที่ยืนตัวแข็งทื่อด้วยความรู้สึกหลากหลาย ทั้งช็อกและเสียใจกับคำพูดนั้น ทั้งๆ ที่น่าจะคิดได้ว่าสิ่งที่เขาพูดมันถูกต้องแล้ว เธอจะปล่อยให้ตัวเองท้องตอนนี้ไม่ได้ แม้จะเข้าใจในประกาศิตดังกล่าว แต่ชาลิดาก็ยังอดน้อยใจไม่ได้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ต้องการมีลูกกับผู้หญิงขัดดอกอย่างเธอ

ดาวน์โหลดแอปทันทีเพื่อรับรางวัล
สแกนคิวอาร์โค้ดเพื่อดาวน์โหลดแอปHinovel